Marsmag.net

ซีอีโอศึกมวยปล้ำชื่อดัง WWE ถูกออกมาแฉว่ามีสัมพันธ์สวาทกับลูกจ้างสาวถึง 4 คน


        เป็นข่าวฮือฮาบนหน้าสื่อทุกสำนักเมื่อช่วงหลายเดือนก่อน โดย วินซ์ แม็กแมน ที่เวลานั้นดำรงตำแหน่งประธานบริหาร และซีอีโอของศึกมวยปล้ำชื่อดัง WWE ถูกออกมาแฉว่ามีสัมพันธ์สวาทกับลูกจ้างสาวถึง 4 คน ทั้งที่ตัวเองมีภรรยา อย่าง ลินดา แม็กแมน อยู่แล้ว

         ตามการรายงานของ “วอลล์ สตรีท เจอร์นัล” สื่อในสหรัฐอเมริกา ระบุว่า วินซ์ แม็กแมน จ่ายเงินให้ผู้หญิง 4 คนที่เขามีความสัมพันธ์ด้วย คนละ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งสิ้น 12 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 440 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปิดเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด


        หลังจากข่าวดังกล่าวก็ได้หลุดออกมาสู่สาธารณชนจนได้ เมื่อหญิงสาวบางรายจาก 4 คนดังกล่าว ออกมาแฉสิ่งที่ “ป๋าวินซ์” ได้กระทำลงไปว่ามีอะไรบ้าง จนกลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่

        หนึ่งในผู้หญิงที่มีสัมพันธ์กับ วินซ์ แม็กแมน ออกมาแฉว่าเธอถูกบีบบังคับให้ทำออรัลเซ็กซ์ด้วยการใช้ปากขณะที่เธอเพิ่งเข้ามาเป็นนักมวยปล้ำของ WWE และภายหลังเธอถูกลดตำแหน่ง และไม่ได้รับการต่อสัญญาฉบับใหม่ตั้งแต่ปี 2005 ซึ่งเธอปฏิเสธที่จะมีเพศสัมพันธ์กับเขาหลังจากนั้น

        ยังมีผู้หญิงอีกหนึ่งคนซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสัญญาของ WWE ออกมาแฉว่าเธอได้รับเงิน 1 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2008 แลกกับการส่งภาพเปลือยให้ วินซ์ แม็กแมน นอกจากนี้ผู้หญิงอีกคนซึ่งเป็นอดีตผู้จัดการของ WWE ยังได้รับเงิน 1 ล้านดอลลาร์ และมีเพศสัมพันธ์กับเขา


        ล่าสุดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว วินซ์ แม็กแมน ได้ออกมาประกาศอำลาจากตำแหน่งประธานบริหาร รวมไปถึงซีอีโอของ WWE พร้อมส่งไม้ต่อให้ สเตฟานี แม็กแมน ลูกสาวของเขาไปดูแลต่อร่วมกับทริปเปิล เอช สามีของเธอ และ นิค ข่าน ประธานคนปัจจุบัน ท่ามกลางเสียงวิพากย์วิจารณ์ที่ว่าเจ้าตัวโบกมือลาเพราะข่าวฉาวดังกล่าว

         ซึ่งการโบกมือลาตำแหน่งของ วินซ์ แม็กแมน ส่งผลต่อหุ้นของ WWE พอสมควรในช่วงแรก แต่การส่งผลในครั้งนี้ดูจะเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำไป เพราะหุ้นขององค์กรมวยปล้ำระดับโลกดันพุ่งขึ้นสูงกว่าเดิม จาก 66.25 USD ไปเป็น 72.32 USD หรือเพิ่มขึ้นราว 8 เปอร์เซนต์ภายในวันเดียว ก่อนที่ปัจจุบันจะอยู่ที่ช่วง 68 USD


        การอำลาตำแหน่งของเขากลับส่งผลดีในแง่ของมูลค่าทางการตลาด เพราะได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มองว่าเดิมที WWE มีแผนที่จะขายกิจการให้แก่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่สนใจอยู่แล้ว การลงจากตำแหน่งของ “ป๋าวินซ์” ก็ไม่ใช่ปัญหา และนับเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำไปเพราะองค์กรดังกล่าวอาจถึงเวลาต้องปฏิรูปกันใหม่เสียที
 
        มีการรายงานข่าวว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายในอเมริกากำลังสนใจเข้าไปซื้อกิจการของ WWE ไม่ว่าจะเป็น Comcast, Disney, Warner Bros Discovery, Paramount Global, Apple, Amazon และ Netflix


        มีความเป็นไปได้ว่า จากนี้เราอาจได้ดูมวยปล้ำทุกสัปดาห์ผ่านทางNetflix, Apple TVหรือเราอาจได้เห็นภาพยนต์แบบยาวๆ ที่หยิบเอามวยปล้ำ WWE มาทำ โดยใช้นักแสดงเป็นนักมวยปล้ำภายในค่าย ที่ถูกสร้างโดยค่ายหนังยักษ์ใหญ่ อย่าง DisneyหรือParamount

       ถึง “ป๋าวินซ์” จะอำลาจากตำแหน่งประธานบริหาร และซีอีโอ แต่ทุกคนก็ยังทราบกันดีว่าWWEยังเป็นของตระกูล “แม็กแมน” เพราะครอบครัวนี้ยังคงถือหุ้นอยู่แบบเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยว


        ปัจจุบันมวยปล้ำ WWE ยังมีแฟนคลับที่ติดตามอยู่อย่างเหนียวแน่นทั้ง Smackdown และ Raw รวมไปถึงศึกใหญ่ทั้ง  5 อย่าง WrestleMania, SummerSlam, Royal Rumble, Survivor Series และ Money in the Bank ทั้งการดูผ่านช่องลิขสิทธิ์ รวมไปถึงการซื้อ Pay-per-view

        ใครจะไปรู้ว่า หาก WWE ขายกิจการให้แก่ผู้ที่สนใจได้สำเร็จ จะเป็นการขายหุ้นในรูปแบบใด และพวกเขาเหล่านั้นที่ซื้อหุ้นไปบริหารจะหยิบองค์กรมวยปล้ำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกแห่งนี้ไปบริหารงานอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องติดตามเป็นอย่างยิ่ง