Marsmag.net

SpiderMan 2 (2004) ตอน ย้อนอดีต Spiderman 2 ต้อนรับการกลับมาของ Doctor Octopus


เรียกว่ากลายเป็นตัวอย่างที่มากแรงที่สุดของ Marvel Cinematic Universe ละครับสำหรับตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Spiderman : No Way Home งานหนังเรื่องที่ 3 ในชุด Spiderman ที่มี Tom Holland รับบทเป็น Peter Parker เพราะตัวอย่างที่เพิ่งจะปล่อยออกมาหมาดๆ กลายเป็นตัวอย่างของ MCU ที่ทำสถิติมียอดผู้เข้าชมสูงกว่า 355 ล้านวิว เรียกว่าชนะกระทั่งหนังทำเงินสูงสุดของจักรวาล Marvel อย่าง Avengers : Endgame ที่มียอดผู้ชมตัวอย่างครั้งแรกที่ปล่อยออกมา 289 ล้านวิว ซึ่งตัวเลขนี้บอกกับเราได้อย่างชัดเจนละครับว่า แฟนๆ MCU ทั่วโลกเขารอคอยหนังเรื่อง Spiderman ภาคที่ 3 เรื่องนี้มากมายขนาดไหน


แล้วอะไร ทำให้คนต่างรอคอย หนังเรื่องนี้กันขนาดนั้น? คำถามนี้ตอบไม่ยากเลยครับ เพราะตอนนี้ทั้งโลกรู้แล้วว่า Peter Parker คือ Spiderman เพราะ Myserio ทิ้งบอมเอาไว้ว่า Spiderman คือ ฆาตกร ใช่ครับ เหตุผลความอยากรู้ว่าเรื่องราวมันจะเป็นอย่างไรต่อไปมันคือแรงกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้คนทั้งโลกรู้สึกอยากดูหนังไอ้แมงมุม ภาคนี้ แต่แค่เนื้อเรื่องของ Peter Parker มันจะน่าติดตาม จนทำให้หนังเรื่องนี้แรงกว่า Avengers Endgame หนังที่เล่าเรื่องหลังจาก Thanos ดีดนิ้ว แล้วสิ่งมีชีวิตหายไปครึ่งจักรวาลแบบนั้นเชียวหรือ แน่นอนครับว่าไม่มีทาง


แต่ท่าไม้ตายสำคัญของหนังลูกครึ่งกึ่ง Marvel Studioกึ่งSony Picture เรื่องนี้มันมีทีเด็ดตรงที่ก่อนหน้านี้เขาเคยปล่อยข่าวเอาไว้ครับว่า หนัง Marvel เรื่องนี้ จะมีการรียูเนี่ยนของตัวละครจากหนังชุด Spiderman ในอดีต ตั้งแต่หนังจะมี Spiderman 3 คนในเรื่องเดียวและหนังจะมีจะมีตัวร้ายจาก Spiderman ตั้งแต่ปี 2002 กลับมารวมตัวกันด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง


ซึ่งตัวอย่างเขาก็ทำให้เราเห็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ ทั้งระเบิดมืออาวุธของ Green Goblin, สายฟ้าของ Electro และที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ตัวละครเจ้าของประโยค “Hello Peter” ในตัวอย่าง Spiderman No Way Home อย่าง Dr.Octopus หรือ Dr.Otto  Octavius ตัวละครที่แสดงโดยอัลเฟรด โมลีน่า นั่นเองครับ และการได้เห็นหน้าแกอีกครั้งในตัวอย่าง Spiderman No Way Home ผมว่ามันมีเหตุผลที่เพียงพอละครับที่จะทำให้เราหยิบ (เรียวกว่าคลิ๊ก Netflix ก็ได้ครับ) หนังเรื่องนี้ขึ้นมาดูอีกครั้งหนึ่ง)


ตัวละครด็อกเตอร์ออกโตพุส คือตัวร้ายหลักของหนัง Spiderman ภาค2 ที่เข้าฉายเมื่อประมาณ 17 ปีที่แล้ว ซึ่งเรื่องที่น่าสนใจก็คือ การหยิบหนังที่มีอายุเกือบ 20 ปี เรื่องนี้ขึ้นมาดูอีกครั้ง มันทำให้เราเห็นชัดๆ ละครับว่า ผู้กำกับ ณ เวลานั้นอย่างแซม ไรมี่ (ที่ ณ วันนี้กำลังกำกับ Dr.Strange In The Multiverse of Madnessให้กับ Marvel Studioอยู่) ฝีมือขนาดไหน และยิ่งกว่านั้น แกสำคัญในการเซ็ทอัพหนังซุปเปอร์ฮีโร่ให้กลายเป็นอย่างทุกวันนี้ขนาดไหน


ในมุมของความเป็น “หนังเพื่อความบันเทิง” ไม่ว่าจะความรู้สึกในการดูในโรงตอนนั้น หรือการดูผ่านบริการ Streamingในวันนี้ ผมว่าแทบไม่ต่างกันเลยครับ กับความรู้สึกที่ว่า Spiderman 2 เรื่องนี้ ยกระดับขึ้นกว่าหนัง Spiderman ภาคแรก ที่เข้าฉายก่อนหน้าประมาณ 2 ปีอย่างมหาศาล


เหตุผลสำคัญเรื่องหนึ่งก็คงจะเป็นเพราะหนังภาคต่อเรื่องนี้ไม่จำเป็นจะต้องทำหน้าที่เป็นหนัง “ต้นกำเนิด” อย่างหนังภาคแรก ไม่ต้องมีฉากปีเตอร์โดนแมงมุมกัด ไม่ต้องมีลุงเบนตาย ไม่ต้องมีอะไรซ้ำๆ ซากๆ แบบนั้น ทำให้แซม ไรมี่ ผู้กำกับมีโอกาสได้เล่าเรื่องราว และปม ของปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ได้อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน


เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ”

นี่คือประเด็นที่หนัง Spiderman 2 ตั้งคำถามแล้วก็เล่าออกมาได้อย่างทั้งบันเทิง และรู้สึกเครียดแทนตัวละครไปพร้อมๆ กันครับ และที่สำคัญผมว่าคือประเด็นกลายเป็นมาตรฐานของหนังซุปเปอร์ฮีโร่ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ละครับ


นอกเหนือจากความคมคายในเรื่องที่เล่า ความเร้าใจในฉากแอ๊คชั่นก็คือสิ่งที่หนัง Spiderman ภาคนี้ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีครับ โดยเฉพาะฉากการต่อสู้ของ Spiderman กับ Doc Ock บนขบวนรถไฟ ที่กลายเป็นฉากซึ่งถูกยกให้เป็นฉากแอ๊คชั่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลของหนังซุปเปอร์ฮีโร่ ไม่ว่าจะในแง่ของเทคนิคการสร้างที่แอ๊คชั่นฉากนี้กลายเป็นหนึ่งในฉากหลักที่ทำให้หนัง Spiderman 2 ได้รับรางวัล Best Achievement in Visual Effects จากการประกาศรางวัลออสก้าครั้งที่ 77 หรือในแง่มุมของแอ๊คชั่นที่จบลงอย่างซาบซึ่งใจ กับฉากหยุดขบวนรถไฟที่ ณ วันนี้มันกลายเป็นตำนานไปเรียบร้อยแล้วครับ


ตัวร้ายของเรื่องเป็นอีกประเด็นที่ผมว่าคนดูหนัง Spiderman เมื่อเกือบ 20 ปี ก่อนค่อนข้างตื่นเต้นละครับ เพราะตัวละคร Doc Ock หรือ Dr.Otto Octavius ถ้ามองจากมุมของหนังสือการ์ตูนต้นฉบับ นี่คือหนึ่งตัวร้ายที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของการ์ตูน Spiderman ละครับ ณ เวลานั้นมีชื่อดาราระดับหัวแถวของ Hollywood อยู่ในรายชื่อละครับที่ผู้กำกับจะเลือกให้มารับบทนี้


ทั้ง เอ็ด แฮร์รีส,คริสโตเฟอร์ วอลแคน หรือกระทั่งโรเบิร์ด เดอ นีโร แต่สุดด้าย ตอนนั้นแซม ไรมี่ ผู้กำกับ กลับเลือกอัลเฟรด โมลีน่า มารับบทนี้ด้วยเหตุผลที่ว่ารูปร่าง และท่าทางของอัลเฟรด โมลีน่าดูคล้าย และใกล้เคียงกับ Doc Ock ฉบับหนังสือการ์ตูนมากที่สุด และถึงแม้ชื่อชั้นของอัลเฟรด โมลีน่า จะไม่ได้ดังเทียบเท่ากับคนอื่นๆ ในรายชื่อ แต่สุดท้ายคำตอบของเรื่องนี้คือ “ความเหมาะสม” สำคัญที่สุด และถ้าจนถึงวันนี้ เราจะบอกว่า Spiderman 2 เรื่องนี้มันคือตำนาน แน่นอนครับ Doctor Octopus ก็มีส่วนในตำนานบทนี้ไม่น้อยเหมือนกัน


Text :จีนViewfinder
Source : Netflix / Marvel Studio / Sony Picture