“Endless Rain fall on my heart kokorono kitsuni
Let me forget all of the hates , all of the sadness”
ค่ำคืนของอังคารที่ 8 พฤศจิกา 54 ณ อิมแพ็ค อาริน่า เมืองทองธานี เสียงขับขานบทเพลง Endless Rain ของแฟนเพลงชาวไทยดังกระหึ่มกึกก้อง สิ้นสุดการรอคอยอันแสนยาวนาน
เป็นที่สาแก่ใจสาวกชาว X เมื่อ Bec Tero ประกาศว่าจะมีการจัดคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ Oishi Chakulza Presents X Japan 2011 World Tour in Bangkok ขึ้น หลังจากนั้นไม่นานก็มีการเปิดให้จองบัตรเป็นวันแรกในวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม และในวันนั้นชาว X ก็ได้แสดงพลังกันออกมาจองบัตรอย่างล้นหลาม คนแรกๆ ที่ได้รับสิทธิถึงขนาดต้องมานอนรอข้ามคืนหน้า Central World กันเลยทีเดียว
ในช่วงเวลาระหว่างเริ่มเปิดจองบัตร จนถึงวันแสดงนั้นก็นับว่าเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน ช่วงเวลานี้ก็เกิดวิกฤติการณ์น้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทย แผ่ขยายกินพื้นที่ในหลายจังหวัดรวมไปถึงกรุงเทพฯ ด้วย ทำให้เกิดความกังวลใจขึ้นว่า คอนเสิร์ตจะมีการเลื่อนแสดงออกไป เหมือนเช่นคอนเสิร์ตอื่นๆ
ก่อนหน้านี้ X Japan เคยประกาศว่าจะมาแสดงคอนเสิร์ตในเมืองไทยแล้วถึงสองครั้ง ครั้งแรกคือในช่วงก่อนที่ทางวงจะแยกกันในปี 1997 ส่วนครั้งที่ 2 ข่าวดีก็ได้มาถึงแฟนเพลงช่วงปลายปี 2550 โยชิกิ ฮายาชิ หัวหน้าวง X Japan บินลัดฟ้าด้วยเครื่องบินส่วนตัวเยือนไทยเพื่อพบปะกับแฟนเพลง พร้อมทิ้งท้ายก่อนกลับ เตรียมพบคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการกับ X Japan ในวันที่ 31 มกราคม 2551 ที่สนามศุภชลาศัย แต่ต่อมาคอนเสิร์ตในครั้งนี้ต้องมีการเลื่อนออกไป เนื่องจากหวั่นเกรงว่าสถานการณ์การเมืองของไทยในช่วงนั้น ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้จะสร้างความหวั่นใจให้กับแฟนเพลงชาวไทย
แต่แล้ว X Japan ก็ได้บินบัดฟ้ามาถึงเมืองไทยในที่สุด เท่านั้นยังไม่พอ โยชิกิ ยังเป็นตัวแทนของวงเดินทางไปมอบเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเป็นจำนวน 500,000 บาท ที่ไทยทีวีสีช่อง 3 พร้อมกับแถลงข่าวคอนเสิร์ตที่จะมีขึ้น เตรียมระเบิดพลังไปพร้อมกับแฟนเพลงเรือนหมื่นของ X Japan วงร็อคที่เป็นตำนานวงนี้
หากจะย้อนกลับไปที่จุดกำเนิดของ X คงต้องกลับไปตั้งแต่เมื่อครั้งสมาชิกสำคัญของวง คือ โยชิกิ (หัวหน้าวง กลองและเปียโน) และ โทชิ (ร้องนำ) ได้พบเจอกันครั้งแรกตั้งแต่ทั้งคู่กำลังอยู่ในวัยกระเตาะ เรียนอนุบาลกันอยู่เลย
และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามิตรภาพของทั้งคู่ก็อยู่ยืนยงคงกระพันมาจนกระทั่งบัดนี้ โดยโยชิกินั้นเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็ก 5 ขวบเล่นเปียโน เพราะได้เป็นของขวัญ ต่อมา 10 ขวบก็เล่นกลองเพราะได้กลองเป็นของขวัญอีกเช่นกัน
ตั้งแต่นั้นมาเครื่องดนตรี 2 ชิ้นนี้ก็เป็นเครื่องดนตรีหลักที่โยชิกิเล่นอยู่เป็นประจำ ส่วนโทชินั้นช่วงแรกที่ตั้งวงเล่นกับโยชิกิ เขาเล่นกีตาร์ แต่ต่อมาเมื่อพบว่าตัวเองร้องเพลงได้ดี จากการชนะการประกวดในหลายๆที่ จึงหันมาร้องเพลง ส่วนทักษะการเล่นดนตรีของโยชิกินั้นทำให้เพื่อนๆ และครูต้องทึ่งโดยเฉพาะการวาดลวดลายบนเปียโน เพราะว่าโยชิกินั้นเป็นเด็กที่เกเร และมักจะสร้างเรื่องวุ่นวายขึ้นมาเสมอ แต่เขากลับเล่นเปียโนได้สุดจะไพเราะ แถมยังเป็นคนที่เรียนเก่งอีกต่างหาก แต่การมีกันเพียง 2 คนก็เป็นการยากที่จะตั้งวงดนตรี ทั้งคู่จึงพยายามชักชวนเพื่อนฝูงให้มาเล่นด้วยกันซึ่งก็มีเพื่อนๆมาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเล่นกันอยู่เรื่อยๆ
จนกระทั่งทั้งคู่จบ ม.ปลาย โยชิกิผู้มีความหมายมั่นปั้นมือที่จะไปเรียนต่อด้านดนตรีในมหาวิทยาลัย ก็ตัดสินใจยกเลิกการสอบก่อนวันสอบเพียงหนึ่งวัน โดยโยชิกิบอกกับแม่ของเขาว่า เขาอยากเป็น Rock Star จากนั้นเขาจึงไปที่บ้านของโทชิ เพื่อชวนโทชิไปทำวงด้วยกันที่โตเกียว ถึงแม้จะมีเสียงคัดค้านของคนรอบข้าง แต่ทั้งคู่ก็แน่วแน่พอที่จะเดินตามความฝันของตนเอง ทั้งคู่จึงหอบหิ้วความฝันดั้นด้นไปสู่โตเกียวเมืองหลวงแดนปลาดิบ
การใช้ชีวิตในเมืองหลวงที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกอย่างโตเกียวนั้น ไม่ง่ายอย่างที่คิด ถึงแม้ทั้งคู่จะทำเพลงไปด้วยและทำงานพิเศษไปด้วย แต่เงินที่ได้รับก็ไม่พอยาไส้ โยชิกิจึงตัดสินใจที่จะโทรกลับไปที่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือทางการเงินจากแม่ของเขา ซึ่งแม่ของเขาก็ให้การช่วยเหลือแก่โยชิกิและโทชิเป็นอย่างดี ทำให้ทั้งคู่มีพลังที่จะก้าวเดินต่อไป ต่อมาทั้งคู่ก็ได้มีสมาชิกวงและเริ่มผลิตผลงานออกมาภายใต้สังกัดของตัวเอง มีงานแสดงมากขึ้น บทเพลงเริ่มมีแฟนแพลงรู้จัก แต่ก็ยังไม่ได้สมาชิกวงที่แน่นอนเสียที ถึงขนาดที่ว่าหากปาก้อนหินใส่นักดนตรีในฮาราจูกุ ต้องโดนหัวอดีตสมาชิกวง X อย่างแน่นอน
แต่แล้วสุดท้ายพวกเขาก็ได้สมาชิกที่สมบูรณ์ 5 คนซึ่งประกอบไปด้วย โทชิ (ร้องนำ) โยชิกิ (กลองและเปียโน) ฮิเดะ (กีตาร์) พาตะ (กีตาร์) และ ไทจิ (เบส) พวกเขาทั้ง 5 ได้รับการเซ็นสัญญากับค่ายเพลงและเริ่มผลิตผลงานออกมาเรื่อยๆ รวมไปถึงมีการแสดงคอนเสิร์ตครั้งใหญ่หลายครั้ง รวมไปถึงในสถานที่ใหญ่ๆในญี่ปุ่นเช่น Tokyo Dome ซึ่งได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงอย่างล้นหลามเป็นประวัติการณ์ ที่ไม่เคยมีวงใดในญี่ปุ่นที่ทำได้เช่นนี้มาก่อน เท่านั้นยังไม่พอคลื่นความนิยมของวง X ยังพัดไปไกลถึงต่างแดน ซึ่งแน่นอนไทยเราก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับทางวงเริ่มส่อเค้าขึ้นเมื่อมือเบสของวง ไทจิ เริ่มมีแนวทางที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นๆ จึงขอลาออกจากวง ทางวงจึงต้องหามือเบสคนใหม่ ซึ่งใครๆก็ต่างอยากเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวงร็อคที่กำลังโด่งดังที่สุดวงนี้ สุดท้ายตำแหน่งนี้ก็ตกมาที่ Heath ซึ่งฮิเดะ ได้เคยกล่าวถึงเขาเอาไว้ว่า ถึงแม้ Heath อาจจะไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดที่มา Audition กับทางวง แต่เขาเป็นคนที่เรียนรู้ได้เร็วและเหมาะกับ X มากที่สุด ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Heath ก็เป็นมือเบสคนสำคัญของวงมาโดยตลอด
แต่แล้วเรื่องที่ทุกคนไม่เคยคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อโทชิ ขอลาออกจากวง โดยให้เหตุผลว่ามีความแตกต่างทางความคิดด้านแนวดนตรี ทำให้วงไม่สามารถเดินไปข้างหน้าต่อได้ เนื่องจากโยชิกิแต่งเพลงทั้งหมดของวงโดยยึดเอาเสียงร้องของโทชิเป็นหลัก เมื่อไม่มีโทชิ ก็คงไม่สามารถมี X ได้อีก ดังนั้นในวันที่ 31 ธันวาคม 1997 ทางวงจึงได้จัดคอนเสิร์ตอำลาแฟนเพลงที่ Tokyo Dome อีกครั้งเป็นการปิดตำนานวงร็อคที่ยิ่งใหญ่
จากนั้นไม่นานในวันที่ 2 พฤษภาคม 1998 ข่าวร้ายก็มาเยือนอีกครั้งเมื่อ ฮิเดะ มือกีตาร์หัวแดงผู้เป็นที่รักของแฟนเพลงต้องจากโลกนี้ไป โดยทางตำรวจสันนิษฐานว่าเขาฆ่าตัวตายโดยการใช้ผ้าเช็ดตัวผูกคอกับลูกบิดประตู การจากไปของฮิเดะในครั้งนี้ทำให้แฟนเพลงทั่วโลกต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความเศร้าเป็นเวลายาวนาน มีการจัดงานศพอำลาฮิเดะ อย่างสมเกียรติและจากจุดนี้ก็คงไม่มีใครคาดหวังอีกแล้วว่า X จะกลับมารวมกันดังเดิม X คงกลายเป็นแค่ตำนานอย่างแน่นอน
Forever Love แด่ฮิเดะ มือกีตาร์ของ X ตลอดกาล
แต่ก็ไม่มีสิ่งใดแน่นอนในโลกใบนี้ เมื่อ 10 ปี หลังจากที่แยกวงกันมา โทชิ ก็ได้ไปเยี่ยมโยชิกิที่ LA โทชิผู้ซึ่งประสบปัญหาใหญ่หลวงในช่วงที่ผ่านมา ทั้งปัญหาชีวิตคู่และปัญหาทางการเงินจากการที่เขาเข้าไปพัวพันกับองค์กรหนึ่งที่ชื่อว่า Home of Heart ซึ่งเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เขาออกจาก X มา ได้พูดคุยกับโยชิกิว่า “จะยื่นล้มละลาย และต่อจากนี้จะไม่ร้องเพลงอีกแล้วไปทำงานอย่างอื่น คงเป็นพนักงาน ทำงานทั่วไป” แต่โยชิกิก็ตอบโทชิไปว่า “เรามาเริ่มต้นด้วยกันใหม่ก็ได้นี่” แล้วจากนั้นเป็นต้นมา X ก็กลับมาเป็นตำนานที่มีลมหายใจและขับกล่อมบทเพลงที่งดงามให้แฟนๆได้ฟังอีกครั้ง
X Japan คือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างเสียงร้องแหลมสูงทรงพลัง ไลน์กีตาร์ที่ดุดันรุนแรง และมีลูกเล่นที่แพรวพราว ผนวกกับไลน์เบสที่หนักแน่นช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับบทเพลง และ การรัวกลองของโยชิกิที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมือกลองที่ดีที่สุดของโลก ทำให้บทเพลงของ X นั้นมีความเข้มแข็ง และพร้อมทำให้ผู้ฟังระเบิดพลังไปกับบทเพลงของพวกเขา แต่แค่นี้ยังไม่พอ อีกจุดเด่นที่สำคัญของความเป็น X ก็คือการมีเมโลดี้ที่สวยงามและไพเราะ ทั้งเพลงช้าและเพลงเร็ว โดยในเพลงเร็วนั้นถึงแม้จะมีความดุดัน แต่เมโลดี้ก็ยังคงฟังดูไพเราะอยู่ดี ส่วนเพลงช้านี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง Endless Rain , Tears , Say Anything และอีกมากมาย ที่มาพร้อมกับเสียงบรรเลงเปียโนอันพลิ้วไหวของโยชิกิคอยขับกล่อม เพลงเหล่านี้นักฟังเพลงทั้งหลายคงรู้จักกันดี ถึงแม้จะไม่ใช่สาวก X แต่ก็คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าบทเพลงเหล่านี้มีความไพเราะขั้นเทพ
การมาถึงของ X Japan ในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งกำลังใจครั้งสำคัญของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อชาวไทย นอกจากทางวงจะบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว ยังตัดสินใจที่จะเล่นคอนเสิร์ตท่ามกลางความยุ่งยากวุ่นวายมากมาย เพื่อมิให้แฟนเพลงชาวไทยจะต้องรอคอยต่อไปอีก โดยในระหว่างเล่นคอนเสิร์ต สมาชิกวง X ยังทำเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนเพลงชาวไทยมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นการเดี่ยวไวโอลินของ Sugizo ที่เล่นเป็นสำเนียงเพลงพื้นบ้านไทย หรือการเดี่ยวเปียโนของโยชิกิ ในเพลง “เดือนเพ็ญ” อันงดงามและไพเราะเป็นอย่างยิ่ง และที่สุดเซอร์ไพรส์มากไปกว่านั้นคือการปรากฎตัวของโยชิกิหลังจากผ่านการแสดงในครึ่งแรก โดยออกมาในชุดสไบ แบบแม่หญิงไทย เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆกระหึ่ม และนอกจากนี้ทางวงยังร่วมยืนไว้อาลัยให้แด่ผู้เสียชีวิตจากภัยน้ำท่วมร่วมกับแฟนเพลงชาวไทย พร้อมกล่าวให้กำลังใจว่าจะคอยช่วยเหลือไม่ทิ้งกัน จะอยู่เคียงข้างด้วยกันตลอดไป เป็นที่ซาบซึ้งใจแฟนเพลงชาวไทยยิ่งนัก
โยชิกิบรรเลงเดี่ยวเปียโนในเพลง เดือนเพ็ญ
ดังท่อนคอรัสในเพลง Endless Rain ของ X Japan จากนี้ไปพวกเราคงต้องเข็มแข็งและผ่านภาวะวิกฤตินี้ไป ท่ามกลางสายฝนแห่งความทุกข์ที่ไม่มีวันจบสิ้น เป็นสายฝนที่เราต้องเรียนรู้และอยู่ท่ามกลางมันให้ได้ เพื่อที่เราจะได้ลืมเลือนความโศกเศร้าและกลับมามีความสุขอีกครั้ง ขอบคุณ X Japan ที่มอบบทเพลงและมิตรภาพอันงดงามเพื่อเป็นกำลังใจให้กับพวกเราชาวไทยทุกคน ทำให้ช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นการรอคอยอันแสนมีค่าของเราและเป็นพลังในการฟันฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน
Endless Rain ท่วงทำนองแห่งความเศร้าอันแสนไพเราะของ X Japan
: ธีระพงษ์ เสรีสำราญ