โดย : ประมวล ดาระดาษ
p_daradas@hotmail.com
“เช้าวันจันทร์ที่ 26 กันยายน ณ ทุ่งข้าวสาลีแห่งหนึ่ง เมื่อทีมงานเอ็มวี จัดกล้องและไฟ เสร็จ พวกเขารอแสงผสานจากธรรมชาติที่ผ่านทิวเขาทางทิศตะวันออกยามเช้าของแคลิฟอร์เนีย เพื่อจะได้แสงเงาบรรยากาศแบบอิมเพรสชั่นนิสต์ที่สวยงาม ปรากฏใน ออฟฟิศเชียล วิดีโอแทร็กใหม่ (We found love)
รีฮันน่าในชุดกางเกงบลูยีนส์แนวร่วมสมัยเป้าสั้น แบบขอบเอวหล่นค้างลอนสะโพกผาย ขับเน้นเอวคอดและหน้าท้องราบเรียบ อกอวบห่อด้วยบราสีแดงเก๋ ผูกสายด้านหน้าเป็นหูกระต่ายจุ๋มจิ๋ม พร้อมที่จะกระตุกปมเชือกให้ปทุมไฉไลเผยเปลือย ออกมาสูดอากาศที่โชยแผ่วท่ามทุ่งสีทองได้ทุกเวลา
ลุงเฒ่าเกรแฮม ลอบชำเลืองมองอยู่บ้างที่ริมกระท่อม หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ และสวดขอบคุณพระเจ้า เขาพบรีฮันน่าก่อนถ่ายทำในช่วงเช้า แรกพบก็มีความรู้สึกถูกชะตา เธอน่ารักเหมือนลูกหลานไร้เดียงสาและมีความสุขที่เห็นนักร้องสาวแต่งกายในสไตล์คันทรี่ เกิร์ล ร่วมสมัยไปด้วยดีกับบุคลิกคาวเกิร์ลพื้นถิ่น ที่ลุงเกรแฮมรับได้
แต่หลังจาก ก่อนที่เขาจะขับรถแทรกเตอร์ออกไปเกี่ยวข้าว เมื่อหันกลับมามองอีกครั้ง ลุงก็เห็นเธอกำลังเดินเต้น ส่ายสะโพก กลางทุ่ง ประกอบเพลง ในบีตระทึก
We found love in a hopeless place
We found love in a hopeless place
สาวน้อยผิวสีแทน ร่าเริง ยักย้ายส่ายเอวไม่อินังขังขอบ แบบอนุโลมต่อฟ้าดิน และต่อบรรดาทีมงานหนุ่ม เธอค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าทีละชิ้น เริ่มด้วยการเหลือบราสีแดง และปลดปล่อยสองเต้าตระการเป็นอิสระ…”
เฒ่าเกรแฮมที่หันไปเห็นพอดี นึกโกรธ…
จากบาร์เบโดสประเทศโลกที่สาม หมู่เกาะแอนทิลลิสน้อยที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก อเมริกาใต้ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเวเนซุเอลา
โรบิน รีฮันน่า เฟนตี้ (Robyn Rihanna Fenty) ที่บรรดาขาโจ๋แดนซ์ฮอลล์ทั่วโลกรู้จักกันดี ด้วยวัย 23 ปี (20 กุมภาพันธ์ 1988) จากเด็กหญิงเชื้อสายครีโอล แสวงหาความสำเร็จแบบข้ามน้ำ ข้ามทะเลมายังประเทศเบ้าหลอมของผองบรรดานักขุดทองทั้งโลก และประสบความสำเร็จเป็นซุป’ตาร์ กระฉ่อนในลีลาเซ็กซี่เต็มสาว ท้าทาย ยักย้ายส่ายสะโพก แนวฮิปฮ็อปใหม่แอฟริกัน-ละตินแดนซ์สไตล์
ปัจจุบัน เธออยู่ที่แซนดิเอโก แคลิฟอร์เนีย รีฮันน่า ผู้วาสนานำพาจากเด็กโลกที่สามแบบกำลังพัฒนา สังคมประเทศที่โลกทุนสมัยปลื้มว่า เป็นคนเกาะที่อ่านออกเขียนได้สูงสุด ผลพวงและความสดใสในต้นทุนเดียงสาบริสุทธิ์ เธอได้รับการขัดเกลาและกลายเป็นสินค้าแบรนด์ใหม่ ในสไตล์สาวละตินผิวสีอันล้ำค่า ในอีกไม่กี่เพลาต่อมา
และก็สมใจค่ายเพลงทุนใหญ่ เธอกลายเป็นแบรนด์เนมใหม่ ไต่บันไดขึ้นถึงขั้นสูงแบบสำเร็จรวดเร็ว เธอกลายเป็นนักร้องหญิงซูเปอร์สตาร์ชาวบาร์เบโดสอายุน้อยคนแรก และเป็นชาวบาร์เบโดสคนที่ 2 ที่ได้รับรางวัลแกรมมี่
นับแต่โตเป็นดรุณีแรกรุ่น รีฮันน่าก็หลงใหลในสไตล์ ฮิปฮอป อันเป็นแนวนิยมสำหรับวัยรุ่นอเมริกันและทั่วโลก ฮิปฮ็อป ที่ถูกร่วมยกระดับให้เป็นป๊อบ คัลเจอร์ เปี่ยมเชิงการค้าและพณิชยศาสตร์ โดยมีพื้นฐานต้นทุนซึ่งมีรากฐานการพัฒนารากมาจากชาวแอฟริกัน-อเมริกัน และ ชาวละติน
และเช่นกัน นี่คือรากฐานต้นทุนวาสนาที่เธออันจะพึงมี
จากกลิ่นอายดนตรีที่สืบขนบ แนวแดนซ์ ร้องเต้น แบบพีกสุดในช่วงยุค 70' หลังจากที่ดนตรีดิสโก้ที่แตกแขนงพัฒนามาจากแนวเพลงฟังค์ ในแบบของโมทาวน์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เริ่มเลือนกระแสลับหาย
อย่างไรก็ดี คนก็ต้องมีกำพืด วิถีม้าเถื่อนสาวย่อมขัดเกลาจากพงไพร รีฮันน่า ก็ใส่ใจในพื้นฐานจากการอยากรู้อยากเห็น และจากการศึกษาในบาร์เบโดส ที่ทำให้เธอสนใจใฝ่รู้
ตอนวัยรุ่น เธอเคยไปเที่ยวและสัมผัสแสงสี ทำให้เธอเรียนรู้และสัมผัสกับวัฒนธรรมในคลับ ในบาร์ที่มีเปิดแผ่น คุ้นกับการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี ในท่วงทำนอง loop, beat ใหม่ๆ ในเมืองเสมอ
เธอเรียนรู้ดนตรีฮิปฮอป รากกำเนิดที่ต่อยอดมาจากแนว อาร์แอนด์บี-ริทึมแอนด์บลูส์ และไม่ปฏิเสธร็อก แอนด์ โรลล์ ศึกษารากผสมผสานเบ้าหลอม กับแนวแจ๊ส, บลูส์ และ แบล็กกอสเปล อย่างลึกซึ้งชื่นชม และไม่ปฏิเสธกลิ่นย้อนยุคแบบวงสวิงแบนด์ของ Jay McShann, Tiny Bradshaw และ Johnny Otis
รีฮันน่า มักปรึกษาและทำงานกับโปรดิวเซอร์อย่างใกล้ชิด เน้นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีรากและอยู่ในบริบทแวดล้อม มีที่มาที่ไป
ดังนั้น ในทุกๆ อัลบัม เธอจึงเสนอให้ผสมผสานและต่อยอดแนวเพลงป๊อปในยุค 2000 อันพัฒนาต่อยอดจากศิลปินที่ประสบความสำเร็จอย่าง บียอนเซ่, บริทนี่ สเปียร์, คริสติน่า อากีเลร่า, แบล็ค อายด์ พีส์, จัสติน ทิมเบอร์เลค
ส่วนเทรนป็อปฯ ย่อมรวมกลิ่นกับแนว ป็อป-พังค์ อย่างวง ซิมเปิ้ล แพลน, เอฟริล ลาวีน อยู่บ้าง เธอประทับใจ และชื่นชม รายการสุดฮิต อเมริกัน ไอดอลที่สร้างศิลปินอย่าง เคลลี่ คลาร์กสัน และ เคลย์ ไอเคน และไม่ลืมที่จะเปิดตาเบิ่งมองแนวเพลงป็อปและอาร์แอนด์ที่บีเริ่มรวมกัน มีลักษณะเพลงป็อปที่เพิ่มความเป็นอาร์แอนด์บีมากขึ้นอย่าง เนลลี เฟอร์ตาโด, จัสติน ทิมเบอร์เลค แบบรับส่วนดีขยร้กากทิ้ง แบบมีอิทธิพลร่วมสมัยบางอย่างมา
และแล้ว รีฮันน่าก็ไปถึงฝั่งฝันต่อปัจจุบันที่ได้สังกัดค่ายเดฟ แจม ของยูนิเวอร์แซลมิวสิกร่วมเซ็นสัญญา และเธอก็มีผลงานด้านดนตรีต่อเนื่อง
อัลบัมชุดแรก Music of the Sun ออกวางขายในเดือนสิงหาคม 2005 มีเพลงดังอย่าง “Pon de Replay” (อันดับ 2 อเมริกา) ส่งผลทำให้เธอได้ถ่ายภาพขึ้นปกนิตยสารในลอสแอนเจลิสและผลพวงครั้งนี้คือกระดานหก นำเธอเข้าสู่วงการจอแก้ว ได้แสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในเรื่อง “Bring It On Yet Again”ที่กำกับโดย สตีฟ แรช
กระทั่งถึงปี 2006 ได้ออกผลงานอัลบัมชุดที่ 2 A Girl like Me มีเพลงดัง “SOS” ที่ใช้ดนตรีแนวอีเล็กโทรฟังค์ จากเพลง “Tainted Love” แห่งยุค 80 ของวง Soft Cell เพลงนี้ถือว่าเป็นเพลงอันดับ 1 ในอเมริกาของเธอเพลงแรก และนำไปประกอบโฆษณาไนกี้
ส่วนซิงเกิลที่ 2 “Unfaithful” เธอได้ร่วมงานนักร้องอาร์แอนด์บี–ชาฟเฟอร์ ชิเมียร์ สมิธ หรือที่รู้จักในชื่อ นี-โย ศิลปินอเมริกันสุตฮ็อต ที่กำลังมือขึ้นกับค่ายเพลงเดฟแจม ปีเดียวกันในชุด In My Own Words ที่มีเพลงดังอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกาอย่างเพลง “So Sick”
อัลบัมชุดที่ 3 Good Girl Gone Bad ในปี 2007 (ในนิยาม ราชินีศรีแดนซ์ เริ่มจากหญิงเดียงสา(รู้แล้วนะว่า)บริสุทธิ์ ที่ไม่อาจหลงใหลในโลกมายา และคงจะกลายเป็นนางมารร้ายกร้านโลกย์ในที่สุด(55)
คือ สตูดิโออัลบัมลำดับที่สาม ออกจำหน่ายในเดือนมิถุนายนปีนั้น ทั้งยุโรปและอเมริกา อัลบัมนี้ประสบความสำเร็จโดยขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ใน 10 ใน 25 ประเทศทั่วโลก โดยสุดยอดอัลบัมนี้ รีฮันน่าได้ทำงานร่วมกับโปรดิวเซอร์หลายคน อาทิ อีวาน โรเจอร์ส, คาร์ล เสตอร์เคน, และทิมเบอร์แลนด์ รวมทั้ง นี-โย่ ซึ่งร่วมประพันธ์บางแทร็ก
อัลบัมนี้เป็นการผสมผสานระหว่างอัพเทมโปและบัลลาดส์ ทำให้ได้รับคำวิจารณ์เชิงบวก และถึงที่สุดได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ ในปี 2008 และกวาดรางวัลไป 6 จาก 9 รางวัล
และกับซิงเกิลแรก “Umbrella” ที่รีฮันน่า ฟีเจอริ่งกับชอว์น โครี คาร์เตอร์หรือเจย์-ซี นักร้องแนว “แร็ป” ชาวอเมริกัน ซึ่งถือเป็นนักร้องแนวฮิปฮอปที่ประสบความสำเร็จในอาชีพต่างๆ คนหนึ่ง เขาเป็นต้นแบบแห่งการประสบความสำเร็จด้านพาณิชย์ศิลป์ให้รีฮันน่าอีกเช่นกัน คือ มีทรัพย์สินประมาณ 340 ล้านเหรียญ ให้ดูเป็นขวัญตา
เจย์-ซี ผู้ซึ่งประสบความสำเร็จทางด้านยอดขายอัลบัมสูงสุดของวงการเพลงอเมริกัน มีชื่อเสียงทางด้านการเขียนเนื้อเพลงทั้งด้นสดและเขียนแห้ง นั่นคือพรสวรรค์ เขาได้รับการย่องย่องว่าเป็น the best rapper alive
และนี่คือ อีกพรสวรรค์ที่สาวน้อยรีฮันน่าอยากตะกายตามตัวอย่างต้นแบบ
และแล้วซิงเกิลนั้นก็เสริมความสำเร็จให้เธออีกระลอก ในเดือนกันยายน 2007 แทร็กนี้ทำให้ รีฮันน่าคว้ารางวัล วิดีโอแห่งปี (Video of the Year) ในงาน เอ็มทีวี วิดีโอ อะวอร์ดส์ซึ่งเริ่มมอบรางวัลในปี ค.ศ. 1984 นั่นคือฝันเก่าเก๋ ตำนานรางวัลที่เริ่มต้นในปีที่เธออายุแค่สี่ขวบเท่านั้น และหมายตาฝันใฝ่ในยามวัยรุ่น
ปรากฏว่า งานเอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิก อวอร์ดส ครานั้น เสริมให้รีฮันน่าเกิดเป็นเทพนารีศรีฮิปฮ็อปแบบสมบูรณ์แบบ คือ มีผู้ชมในสหรัฐฯกว่า 7.1 ล้านคน มากกว่าปีก่อนเกือบสามสิบเปอร์เซ็นต์
เธอประสบความสำเร็จแบบพีก คว้ารางวัลไปซึ่งถือว่าเป็นอัลบัมรางวัลใหญ่ที่สุด รางวัลหนึ่งของปี รวมถึงซิงเกิลสุดฮ็อตแห่งปี (Monster Single of the Year) ไปได้ อีกเช่นกัน แค่นั้นยังไม่พอรีฮันน่ายังมี good girl gone bad remix แถมให้อีกด้วย
อัลบัมนี้มีเพลงฮิตมากมายเช่น “Shut up and drive”และ “ Hate that I love you”
สรุปสุดยอดดิสโคแกรฟฟี่ แบบเบาะๆ พองามสมตามวัยที่จะส่งเธอก้าวไกลในอนาคตกาลของรีฮันน่า
2005: Music of the Sun
2006: A Girl Like Me
2007: Good Girl Gone Bad (อัลบัมนี้นับว่าเป็นอัลบัมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของรีฮันน่าเมื่อเปรียบเทียบกับอัลบัมที่ผ่านมา)
2009: Rated R
2010: LOUD เพิ่มความกระฉ่อนเวิร์ลด์ ไวด์จากสองซิงเกิลฮิตติดชาร์ต“What’s My Name” (ฟีเจอร์ริ่งกับ Drake) and “Only Girl (In the World)” อันดับหนึ่งทั้งยุโรป อเมริกาและทั่วโลก ขายได้ตลอดกาลถึงขณะนี้
จากหมู่เกาะบาร์บิโดส สำหรับนักร้องสาวผู้มีความใฝ่ฝันว่าจะเป็น ซูเปอร์สตาร์ ระดับมาดอนนาผิวสี ต่อป๊อบ คัลเจอร์ที่ต้องกล้าอวดรูปโฉมโนมพรรณ ผสมสูตรเคมีแห่งการเป็นสัญลักษณ์ทางเพศ แบบสูตรสำเร็จ ที่สืบขนบแตกแขนงมาจากจากมาลีริน มอนโร ถึงมาดอนนา และเลดี้ กาก้าฯลฯ
ขณะนี้เธอมาแรงแซงเจเน็ต แจ็กสัน,บียอนเซ, เจ.โลและไม่น้อยหน้าอื่นใคร ในอัตลักษณ์ผิวสี สะโพกสุดเสียงสังข์ สมบูรณ์เสียงทอง(Diva)สดใสดุจแม่นางนกการะเวกน้อย
รีฮันน่า-เธอสาวน้อยผู้นรลักษณ์ออราผิวสีเสน่ห์ สว่างไสว รอยยิ้มยวนใจ ช่วยขับเน้นใบหน้าและหน้าผากงามพิศ คือ สตาร์ผู้ขวัญใจในแดนซ์ฮอลล์ร่วมสมัย เธอสดใหม่ เริงลมรื่นปานพัดมาจากทะเลคาริบเบียน ผู้จะผลักละตินสไตล์แบบเก่า ให้พ้นไป
ถึงขณะนี้ รีฮันน่ากำลังจะมีอัลบัมใหม่ชุดที่ 6 ชื่อ Talk That Talk โดยออกมาต่อจากอัลบัม Loud ในปี 2010 และวางจำหน่ายไปในวันที่ 21 พ.ย.ไปแล้วนั้น
และปกติสามัญแห่งค่าย อันจะทำให้เธอมีอัลบัมออกมาปีละ 1 ชุดต่อเนื่องกันตั้งแต่งานชุดแรกเมื่อ 6 ปีก่อน ตอนนี้อัลบัม Talk That Talk เปิดตัวซิงเกิลแรกในเพลง We Found Love ไปเรียบร้อยแล้ว
รีฮันน่าตกเป็นข่าว เมื่อลุงเฒ่าเกรแฮมเจ้าของทุ่งข้าวสาลีผู้เคร่งขนบ ให้รู้สึกบาดตาและอึดอัดใจเหลือหลาย เขาไล่ให้เธอไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย เมื่อเธอเปิดเผยส่วนสัดท่อนบนอวดสองเต้าเต็มตาท้าทาย ระหว่างการถ่ายทำเอ็มวีเพื่อโปรโมทผลงานใหม่
หากทว่างานยังไม่เสร็จ ทีมงานขอร้องผู้อาวุโส ผลพวงคือ ลุงแกไม่ยอม และไล่ให้ไปใช้โลเกชั่นอื่นแทน เพราะแกหัวโบราณอนุรักษ์ รับไม่ได้
ทันทีที่บรรดาหนุ่มแฟนคลับและสาวสาวกของ รีฮันน่ารู้ข่าวก็พากันกระหน่ำข้อความต่อว่าในโลกไซเบอร์ กรณีนี้ น่าจะพอๆ กับแฟนๆ สาวของจัสติน บีเบอร์ ที่ประกาศขู่ฆ่า นางหนามทิ่มใจที่จะมาแย่งหนุ่มน้อยจากอ้อมใจของพวกเธอแม่ยก-ไปกระนั้น
ข้อหาที่ลุงเกรแฮมถูกรุมด่าคือ เป็นพวกบ้าศาสนาเกินเหตุ อารมณ์พอๆ กับหนุ่มสาววัยรุ่นเมืองไทยที่ออกมาปกป้อง “จ๊ะ คันหู” ว่าเธอต้องทำมาหากิน ภาพและการแสดงออกแบบนั้น หาน่าเกลียดไม่ โลกสมัยใหม่ อย่าเอาความคิดแบบโบฯ-กาก ล้าสมัยมาตัดสินผู้อื่น
ทว่า โดยวัยและการคงเปี่ยมตบะ ไม่ใช่คนมือถือสากปากถือศีล ลุงเฒ่าเกรแฮม ก็เล่นบทหลวงพ่อเฉย ไม่ตอบโต้ แต่แฟนคลับก็ยังไม่ยอม หาเรื่องแบบต้องหาคนผิดให้จงได้ เมื่อยุ่งโกลาหลนัก ลุงเกรแฮม แกก็งัดไม้เด็ดมีอารมณ์ฮิวเมอร์แบบสยบความเคลื่อนไหวว่า
“อันความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง ที่เกิดแก่ข้าพเจ้าแลทำความยุ่งยากใจให้นั้น เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากมาย มัน…มัน ก็แค่ทำให้ข้าพเจ้าเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ช้าโว้ย ” (ฮา)
บรรดาโพสต์โมเดิร์นนิสต์หนุ่มสาว ที่ชอบโยนผิดให้ผู้อื่นเมื่อการสิ่งใดไม่เป็นไปตามอำเภอใจในไลฟ์สไตล์และแนวคิดตน
เมื่อขบนัยยะนั้นแตกในทำนอง ก็คลี่คลายอารมณ์ขึ้งโกรธ เห็นเคร่งแบบนี้ก็ตบะแตกเป็น เหมียนกัลล์(ฮา) ไม่เคร่งจริงหนีหว่า
แกอำตัวเองว่าเอาแต่จ้องมองจนไม่เป็นอันลุยเก็บเกี่ยวข้าว
ทว่าโลกสมัยยิ่งวิปริต ไม่ต้องเก็บงำความรู้สึก เหนือคนเพี้ยนก็ยังมีคนบ้า มีแฟนนาติกขั้นคลั่งไคล้บางคนพยายามติดต่อลุงเกรแฮมเพื่อขอซื้อรวงข้าวที่ รีฮันน่า เริงระบำผ่านตอนถ่ายเอ็มวีนั้น ไปบูชาคลั่งไคล้แบบเฟติชสไตล์ ตามไรลิกเพลง
Yellow diamonds in the light
And we're standing side by side
As your shadow crosses mine
What it takes to come alive
ขณะที่ลุงเกรแฮม ได้ละลายพฤติกรรมวิสัชนาแบบประนีประนอมต่อโลกอีกว่า ไม่ได้แค้นเคืองอะไรกับ รีฮันน่า เลย พลางฝากกล่าวเชิญนักร้องสาวว่าสามารถ กลับมาถ่ายทำให้จบได้เสมอ
“ลุงยินดีนะ ก็รีฮันน่าเธอเป็นเด็กสาวออกจะน่ารัก แต่ถ้ามาอีกทีก็เห็นใจคนแก่ ขอแค่ให้เธอสวมเสื้อผ้าท่อนบนให้เรียบร้อย อย่าทรมานใจกันแค่นี้…ก็พอรับได้”
มิวสิกวิดีโอเจ้าปัญหาที่แม้แต่แดนเสรีชนอย่างอเมริกายังมึน