Marsmag.net

กอดหมอกเมืองกาญจน์ ที่ 'สะพานมอญ'


กอดสายหมอกในสะพานมอญที่เมืองกาญฯ
เรื่อง ชันณิษา รัตนะทองมา / ภาพ ก้าวยาว
Neopan_oofside@hotmail.com
     เทศกาลวันหยุดยาวๆ ที่กำลังมาถึงนี้ ถ้าโจทย์ในช่วงเวลาพิเศษของคุณและคนที่คุณรักอยู่ที่ “ต้องหนาว-ท่ามกลางธรรมชาติ-อบอุ่นด้วยมิตรไมตรี และ…ใกล้” เราอยากให้คุณหลับตา…แล้วนึกถึงสะพานไม้แห่งศรัทธา จ.กาญจนบุรี

   กาญจนบุรี จังหวัดเก่าแก่ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย มีสถานที่อันเต็มไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวมอญ ผู้คนอัธยาศัยดีมีไมตรีกับนักท่องเที่ยว และบรรยากาศที่สดชื่นสามารถสูดเข้าไปให้เต็มปอดอย่างไม่ต้องกลัวมลพิษ บนสะพานสายวัฒนธรรมและมิตรภาพ “สะพานมอญ”
เราต้องออกเดินทางก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เมื่อฟ้าเริ่มสาง แสงแดดสีทองส่องผ่านก้อนเมฆลงมายังหมอกที่เริ่มจะเบาบางกระทบกับผิวน้ำ เกิดประกายสีทองระยิบระยับเป็นภาพที่ชวนให้หลงใหลยิ่งนัก เมื่อเดินข้ามฝั่งไปยังหมู่บ้านชาวมอญบนสะพานไม้ที่ทอดยาวไปอีกฝั่ง สองข้างทางประดับด้วยโคมไฟสมัยใหม่ เป็นการผสมผสานวัฒนธรรมแบบเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัว


สองข้างทางคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวและชาวบ้านทั้งไทยและมอญที่มาตักบาตรทำบุญ บ้างก็เดินทางข้ามไปทำงานอีกฝั่งหนึ่งของสะพาน เดินไปจวนจะถึงฝั่งมอญก็เห็นเด็กน้อยชาวมอญแต่งตัวดูแปลกหูแปลกตาไปจากเด็กในเมืองหรือว่าเด็กไทย เด็กผู้ชายจะนุ่งโสร่งสีชมพู เสื้อสีขาว ส่วนเด็กผู้หญิงนุ่งผ้าถุงสีชมพู เสื้อสีขาว เป็นภาพที่หาดูไม่ได้ในเมืองใหญ่ๆ ทุกคนกำลังเดินทางไปโรงเรียน เราเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาเลยแวะทานกาแฟร้อน กับปาท่องโก๋อุ่นๆ ที่เปิดขายทั้งทางฝั่งไทยและฝั่งมอญ เช้าๆ แบบนี้นั่งจิบกาแฟท่ามกลางบรรยากาศหนาวกลางสายหมอก รู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งไปอีกแบบ

หลังเดินชมบรรยากาศในหมู่บ้านจนหนำใจแล้ว ก็ถึงทีออกไปล่องแม่น้ำชมทัศนียภาพสองฟากฝั่งของลำน้ำ ท่าเรืออยู่ไม่ไกลจากสะพานมอญมากนัก เรือพร้อม คนพร้อม กิจกรรมล่องไปตามลำน้ำที่แม่น้ำสามสาย ซองกาเลีย บิคลี่ และรันตี นัดพบกันก็เริ่มขึ้น ละอองน้ำจากแม่น้ำกระเซ็นมาปะทะกับใบหน้าผ่านสายหมอกจางๆ และแรงลมจากการแล่นของตัวเรือทำให้รู้สึกเย็นสดชื่น และปลอดโปร่ง
ภาพแรกที่เห็นรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในสารคดีท่องเที่ยวที่มีภาพบรรยากาศสวยๆ เป็นภาพของคุณลุงคนหนึ่งกำลังทอดแหจับปลาอยู่บนเรือกลางแม่น้ำท่ามกลางสายหมอก เมื่อมองไปยังฝั่งมอญจะเห็นชาวบ้านที่ยังใช้ประโยชน์จากสายน้ำโดยที่ไม่ต้องผ่านกรรมวิธีฆ่าแบคทีเรีย บ้างก็ซักผ้าอยู่บนแพ บ้างก็อาบน้ำอยู่บนสะพานที่ยื่นออกมาจากริมฝั่ง…รู้สึกได้เลย นี่แหละวิถีชีวิตของชาวริมน้ำอย่างแท้จริง


เราล่องเรือไปตามลำน้ำจนถึงบริเวณที่แม่น้ำสามสายมาบรรจบกัน ก่อนจะมุ่งหน้าไปสู่เมืองบาดาล ที่ที่สองฟากฝั่งของลำน้ำรายล้อมไปด้วยภูเขาเขียวขจี และหมู่บ้านชาวมอญสลับกันไปมา
แม้ภาพหอระฆังเด่นสง่าอยู่กลางลำน้ำ และอุโบสถของเมืองบาดาล (ที่ตั้งเดิมของวัดวังก์วิเวการาม) โผล่พ้นน้ำเพียงน้อยนิด แต่ก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของพลังแห่งศรัทธา เพราะช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายนเป็นช่วงที่น้ำขึ้นสูงที่สุดและน่าเที่ยวที่สุด


ขณะนั่งเรือชมทัศนียภาพของลำน้ำ เราพูดคุยซักถามเรื่องราวเกี่ยวกับสะพานมอญและวิถีชีวิตริมน้ำกับนายท้ายเรืออัธยาศัยดีและเป็นกันเอง เราใช้เวลาล่องเรือประมาณ 45 นาที คอร์สเรียนรู้วิถีชาวน้ำแบบเร่งรัดก็จบลง
สายน้ำอยู่คู่กับวิถีของไทยมาช้านาน ให้ประโยชน์กับสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งอย่างมากมายมหาศาล แต่เมื่อน้ำให้โทษก็เป็นเรื่องปรกติของธรรมชาติ จะมากน้อยยังไง สิ่งมีชีวิตก็ยังต้องการน้ำอยู่เหมือนเดิม อาจจะสร้างความเสียหายบ้าง เช่นเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา วิกฤตน้ำท่วมกรุง แต่ “ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ”


สังขละบุรี ดินแดนที่มากไปด้วยอารยธรรมและวัฒนธรรมที่เก่าแก่ หลากหลายชนเผ่า แต่ก็อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว ผู้คนอัธยาศัยดี ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน พวกเขายินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน…กาญจนบุรียังมีสถานที่สวยงามอีกมากมายรอให้คุณไปค้นหา

Tip
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงก็ถึงจังหวัดกาญจนบุรี
สังขละบุรี อากาศเย็นตลอดช่วงธันวาคม-เมษายน
โฮมสเตย์ คืนละ 150 บาท
ค่าเรือล่องแม่น้ำ 300 บาท ใช้ระยะเวลาในการนั่งเรือประมาณ 45 นาที ติดต่อได้ที่ บ้านดอกบัว เบอร์โทร.086-168-6655