ม่อนทูเลสู่ม่อนคลุย
ลุย!! พิชิตยอดหญ้าสูงเสียดฟ้า
เรื่อง/ภาพ ก้าวยาว
Neopan_oofside@hotmail.com
ดินแดนที่คอลัมน์ผมจะพาคุณผู้อ่านออกไปรับลมหนาวหนนี้ ออกจะต้องใช้จิตใจที่รักในการผจญภัยและร่างกายที่พร้อมกับการเดินเท้าสักหน่อย อย่างที่ใครๆ ต่างบอกต่อกันว่า ความสำเร็จมักไม่ได้มาโดยไม่ลงมือทำ อาจจะไม่ได้เป็นความสำเร็จยิ่งใหญ่อะไร หากแต่เป็นการเอาชนะจิตใจตนเอง เท่านี้ก็ถือว่าคุณเริ่มต้นที่จะพบกับความสำเร็จแล้ว บางคนได้ยินคำว่าเดินเท้าสัก 6-7 กิโลเมตร ก็แทบจะเข่าอ่อนหมดแรงลงไป แต่ไม่ใช่ลูกผู้ชายอย่างเราๆ แน่
บางครั้งการได้เชยชมสิ่งสวยงามก็ต้องแลกมาด้วยบางสิ่ง ซึ่งครั้งนี้คือเม็ดเหงื่อก้อนโต… “ม่อนทูเล” หุบเขาสีทองแห่งเมืองตาก เป็นปลายทางในทริป การเลือกมาใช้ชีวิตนอนกลางดิน กินกลางหมู่ดาว ผมขอให้คุณละทิ้งความหรูหราสบายๆ จากชีวิตในเมืองให้หมด เพราะนี่คือชีวิตกลางแจ้งในโลกใบกว้างซึ่งทุกอย่างจะช่วยเติมเต็มประสบการณ์
เมื่อคนนำทางพร้อม ลูกหาบจัดแจงสิ่งของและเสบียงเสร็จสิ้น นักเดินทางอย่างเราๆพร้อม ก้าวแรกก็เริ่มขึ้น ที่บ้านแม่จวาง อ.ท่าสองยาง แนะนำว่าถ้าคุณคิดจะมาเดินป่าระยะทางไกลๆ แบบนี้ ควรนอนพักสักหนึ่งคืนก่อนจะเดิน เพราะนักเดินทางกลุ่มใหญ่ดูจะอิดโรยกับเส้นทางอันคดเคี้ยวที่ห้อรถมาในคืนวาน ก่อนจะรุ่งสางที่นี่แล้วออกเดินต่อกันเลย
แต่หนนี้เราใช้ใจเดินครับ…การเดินขึ้นดอยเพื่อสัมผัสลมหนาวนั้นจะอารมณ์ต่างกับการเดินป่าหน้าฝนเพื่อสัมผัสความชุ่มชื้นและแมกไม้ยามต้องเม็ดฝน ฤดูหนาวจะดูร้อนแล้งยามกลางวันและสีของป่าจะไม่เขียวชอุ่ม แต่นั่นกลับเป็นเสน่ห์อีกมุมหนึ่งของผืนป่าฤดูนี้ เพราะทุกอย่างย่อมมีสองด้าน
หนทางค่อยๆ ชันขึ้นเรื่อยๆ จนเราต้องหยุดพักเป็นระยะ ตัวเลขเวลาคร่าวๆ กว่าจะถึงปลายทางในคืนแรกคือ ราว 6-7 ชั่วโมง เมื่อพลิกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาก็พบคำตอบอันน่าตกใจว่า ผมเพิ่งจะเดินมาได้แค่ชั่วโมงเดียวเอง…ผ่านไปอีกสามชั่วโมงร้านอาหารกลางป่าข้างลำธารก็เปิดให้บริการมื้อเที่ยงแสนอร่อย เราพักกันได้สักสี่สิบนาทีก็เริ่มออกเดินกันต่อ
เส้นทางช่วงหลังที่ได้ฟังจากผู้เคยมาพิชิตยอดม่อนทูเลนั้น ว่าจะสูงชันกว่าช่วงแรก แล้วมันก็เป็นจริงตามนั้น ยิ่งใกล้ช่วงจะถึงยอดในหลักกิโลสุดท้ายต้นหญ้าข้างทางคือตัวช่วยชั้นเยี่ยมที่เราจะเกาะแล้วพาร่างค่อยๆ ไต่ความชันขึ้นมา จนกระทั่งพบกับปลายทาง ลานกางเต็นท์ในคืนแรก
ยามเย็นและยามเช้าคือสุดยอดไฮไลต์ของดอยทูเล เพราะแสงยามเย็นจะจับต้องยอดหญ้าให้เหลืองอร่ามงดงาม ยามต้องลมให้โบกพลิ้วไหว จนลืมความเหน็ดเหนื่อย 6 ชั่วโมงไปเลย หลังพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าองศาต่ำลง สายลมพัดแรงจนต้องรีบคว้าเสื้อหนาวสักสองตัวมาใส่ ราตรีอันหนาวเหน็บกับสหายต่างถิ่นร่วมวงสนทนาข้างกองไฟผ่านพ้นไปด้วยมิตรภาพอันดี
ก่อนฟ้าวันใหม่จะคลี่ออก หุบเขาที่ถูกฉาบทาไปด้วยสีสันตรงหน้าผมได้เปิดการแสดงในนาม ทะเลหมอก ทะเลสีขาวที่งามไม่แพ้ทะเลสีฟ้า แสงตะวันสาดส่องมายังม่อนทูเลเผยให้เห็นทุ่งหญ้าสีทองตัดกับขอบฟ้าเบื้องหน้าแทรกกลางด้วยทะเลหมอก ตอกย้ำถึงความงามของม่อนทูเลได้อย่างดี
จุดหมายต่อไปที่เราจะไปพิชิตคือม่อนคลุย ซึ่งหนทางที่เดินไปนั้นนับว่าเป็นเส้นทางใหม่ ที่ต้องใช้ทักษะในการปีนป่ายกับพลังงานกันน่าดู เพราะเป็นการเดินฝ่าเข้าไปในป่าปิดซึ่งยังไม่มีใครไปเท่าไร เราโดนความชันเล่นงานตั้งแต่หลักกิโลแรก ผ่านทั้งป่าที่ทำเอาผิวเย็นเยียบ จนถึงทุ่งหญ้าแดดร้อน ทางเดินแคบๆ บนยอดเขา ผ่านหุบเหว ลำธาร แวะเติมพลังกันข้างลำธารอีกรอบ
ก่อนจะมุ่งหน้าผ่าน ดอยปุยหลวง อีกหนึ่งดอยที่งดงามไปด้วยทุ่งหญ้าสีทองกับทรวดทรงแปลกตาของขุนเขา ด้วยทางที่ไม่คุ้นชิน ทำเอาคนนำทางเกือบพาเราหลงไป แต่ยังโชคดีที่นักเดินทางทั้งหมดถึงจุดหมายโดยปลอดภัยกับเวลาเดินเกือบจะ 10 ชั่วโมงอันครบรส
ก่อนความเหนื่อยล้าส่งผมเข้านอนอย่างฉับพลันในวันที่ดาวเต็มฟ้า เรื่องเล่ามากมายข้างกองไฟคือนิทานก่อนนอนชั้นเยี่ยมในคืนนี้ รุ่งสางวันสุดท้ายบนยอดม่อนคลุย แม้จะไม่สูงเท่าม่อนทูเล แต่ความงามของทะเลหมอกกับทุ่งหญ้าสีทองอร่ามก็งามไม่แพ้กัน
หากใครกำลังตามหารสชาติในการเดินทางของฤดูหนาวที่แปลกใหม่ แถมจัดจ้าน ไม่แพ้ที่ไหน จ.ตาก คือปลายทางที่ท้าทายที่คุณไม่ควรพลาดมาเก็บความทรงจำ
TIPS by Destination
ดอยทูเล อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,330 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 6-7 ชั่วโมง
อากาศบนดอยหนาวเย็นต่ำกว่า 10 องศา
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเดินทาง คือ เดือน พ.ย.-ม.ค. ของทุกปี
ติดต่อการเดินทางได้ที่ อบต.ท่าสองยาง โทร 089-2680116,081-1815820
เพื่อแวะเตรียมสัมภาระ อาหาร เข้าห้องน้ำ มีรถรับส่งจาก อบต.ท่าสองยาง ถึงบ้านแม่จวาง ค่าบริการ 100 บาท/ทริป (ติดต่อล่วงหน้า 5 วัน) เพื่อความสะดวกของท่าน
ค่าลูกหาบคนละ 300 บาท และค่าคนนำทาง 400 บาท /วัน
ดอยม่อนคลุย
สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ได้เลย (แต่ต้องเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ)
บนดอยมีห้องน้ำ
ฤดูกาลที่เหมาะที่สุดสำหรับการเดินทางคือ เดือน พ.ย.-ม.ค. ของทุกปี
สามารถรับนักท่องเที่ยวได้มากสุดประมาณ 200 คน
สิ่งที่ไม่ควรลืม!
เตรียมเกลือแร่ (ใส่ในน้ำดื่มระหว่างเดินทาง) ช็อกโกแลต ของหวาน เพื่อเติมพลังระหว่างทาง
เสื้อกันหนาว เต็นท์ ถุงนอน ไฟฉาย โลชั่น ครีมกันแดด สิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัว เข็มทิศ แผนที่ อาหารสำรอง
สนใจร่วมทริปมันส์ๆติดต่อได้ที่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานตาก โทร.0-5551-4341-3