Blowin’ in the songs
โดย : ประมวล ดาระดาษ
p_daradas@hotmail.com
“ข้า…ชักจะทนความงี่เง่า ทำแอ่นแดะ…ข้าชักจะทนอาการมั่นสวยของเจ้าไม่ได้แล้ว ผับผ่า…เถอะโว้ยย…”
ยุคโน้น เอริค แคล็ปตัน คงจะหัวหมุนกับสาวนางหนึ่ง(อ่าน “แคล็ปตัน ขี้ยาขาร็อก” ของผู้เขียน)…แน่นอน หากว่าสาวคนนั้น มีเสน่ห์ น่ารัก เป็นนางแบบ และปัญญาชน และหล่อนนางนั้นที่ทำให้แคล็ปตันหัวหมุน คงไม่เหมือนผู้นำสาวยามนี้ ที่ทำสวย แต่งตัวสวยเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ของประเทศสารขัณฑ์ (Sarkhan)`ซึ่งเป็นชื่อประเทศสมมติในนิยายเรื่อง “อเมริกันอันตราย” (The Ugly American) และ ภาคต่อในชื่อ Sarkhan แต่งโดย William Lederer และ Eugene Burdick
โดยในเรื่อง อเมริกันอันตราย ได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ภาพยนตร์เรื่อง The Ugly American (1963) นำแสดงโดยมาร์ลอน แบรนโด โดยมีม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช รับบทเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศสารขัณฑ์ (ในฉบับแปล ใช้ชื่อประเทศเป็น “ซาคาน”)
นายิกีประเทศสารขัณฑ์ ที่ออกงานระดับโลกแบบโกลบอลที ต้องอ่านแถลงการณ์ตามโพย ตามสคริปต์ที่ยังต้องมีลุ้นอยู่ทุกขณะจิตในขณะนี้
ล่าสุดเป็นเอามาก แม้แต่การให้สัมภาษณ์ในบ้านตน เป็นเอามาก ขนาดยกเขตปกครอง ระดับอำเภอเป็นจังหวัดก็ปล่อยไก่อย่าง งี่เง่าออกมาแล้ว เป็นที่เฮฮาน่าขายหน้าประชาชีเป็นที่สุด มันน่าขำมาก เป็นอะไรที่น่าขำมากกว่าอดีตผู้นำห้าสั้นที่เคยเลียลิ้นแผล็บว่าควีนอังกฤษ คือ นางอลิซาเบ็ธ เทย์เลอร์ ซะอีก(55)
บ้องแบ๊ว ซื่อบื้อ แบบประวัติศาสตร์การเมืองไทยต้องบันทึกไว้ ในกินเนสอีเดียด บันทึกเชียว สุดปัญญาของบรรดากุนซือหรือที่ปรึกษา และสอพลอแมนทั้งหลาย ทั้งปวงจะออกมาตะแบงแก้ตัวแทนให้จริงๆ
วันเวลาผ่านไป แผลที่ใบหน้าจากการปล่อยไก่หน้าแตก ยิ่งยับขึ้นๆ ขนาดโปะด้วยเครื่องสำอาง “ReVive” แล้วยังเอาเลือดที่เกิดจากหน้าแตกเลือดซิบๆ ไม่อยู่ เป็นอย่างนั้นมาหลายครั้งหลายครา ทั้งในและนอกบ้าน ระดับโลก เป็นที่น่าอับอายขายหน้ายิ่ง
ไม่รู้ว่าบรรดาสื่อกางเกงในแดง นักวิชาการเสื้อกั๊กขาดสองรู อัยการและตละการแดง stand it ทน(อี) อยู่ได้อย่างไร
“ข้าล่ะ สุดแสนจะทานทนแล้วเว้ยเฮ้ย” (สลิ่มหลากสี ปัญญาชนกลางกลวงปนผสานพรรคกระยาจกแมลงสาบ และผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดคงเริ่มบัดนี้ สำนึกกันแล้วกระมัง)-(ฮา)
“ผมชักจะทนคุณไม่ได้แล้ว…”
แคล็ปตัน ว่าไว้นานแล้วมากกว่า สามทศวรรษ…แต่มันเข้ากับนางตุ๊กตาบาร์บี้ หรือสาวพริตตี้เฉิดฉาย ระดับผู้นำนางหนึ่งจริงๆ (ฮา)
(หล่อน ที่เอาแต่แต่งตัวเฉิดฉาย ทำปั้นจิ้ม ปั้นเจ๋อ เสนอหน้าจีบปากจีบคอออกที วี ไม่ไหวแล้ว เว้ยเฮ้ย… อีผู้เป็นปัปเป็ทหุ่นเชิดให้เจ้าวายร้ายนักโทษหนีคดีจากแดนไกลเชิดฉิ่ง ดึงปากชักยนต์ให้พูดผิดพูดถูก แบบไม่ต้องเกรงใจใคร โชว์ความเหลิง เริงลมบน และกระหยิ่มว่า อำนาจโดยอาธรรมของตนนั้น สามารถคอนโทรลควบคุม “ธรรม”ของโลกนี้ประเทศสารขัณฑ์นี้ ไว้ในมือเบ็ดเสร็จ)
สองบรรทัดแรก หลังอินโทรกีตาร์ แนว “เสียงหญิง” (woman tone) อีริค แคล็ปตัน ก็ว่าใส่คนรักทันที
You've been told, so maybe it's time that you learned.
You've been sold, maybe it's time that you earned.
(สมมุติว่าตอนนี้ สมน้ำหน้าแดงรากหญ้า ที่หลงคารมไพร่นักต่อสู้ออกไปร่วมเผาบ้านเผาเมือง เมื่อสองปีก่อน)
“ข้าก็บอกเอ็งแล้วงัย ว่าถึงเวลาที่พวกเอ็ง(แดง)จะต้องได้รับบทเรียน ก็ไปขายวิญญาณให้ซาตาน ถึงตอนนี้ก็ได้รับผลแบบสาสมแล้วซีนะ” เข้ากับสถาณการณ์ดีเหลือเกินครับ
I can't stand it.
You're foolin’ around, I can't stand it.
You're runnin’ around, I can't stand it.
You're foolin’ around with my heart.
”ข้า…ชักจะทนไม่ได้” ในวรรคที่สองใช้คำเห็บแนมทรงพลัง แบบคำง่าย แต่เจ็บปวดถึงใจ แบบขุดกึ๋นรากศัพท์รากคำ
fool [N] ; คนโง่ คนไม่มีหัวคิด, คนทึ่ม, คนเขลา, คนเซ่อ, คนเบาปัญญา (รัฐบาลขิงแก่ เป็นตัวอย่าง)
fool [N] ; ตัวตลก (บังเละ)
fool [VI] ; ทำเป็นตลก ทำเป็นเล่น (พฤติกรรมบักสองตอ ตู่/เต้น ตลกบริโภคแล้วได้ดี)
fool [VT] ; หลอกลวง ลวงให้เข้าใจผิด, หลอก(นางมารร้ายนะเออ…คิดเอาเอง)
และ
fooling around
fool around [PHRV] ; เล่นบ้าๆ เหมือนกับfool about เล่นตลก, สูญเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์.
“ข้าทนไม่ได้แล้ว…”
ยังดีที่แคล็ปตันไม่ใช้คำว่า
foogin’ around with [PHRV] ; มีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้อื่นโดยไม่ยั้งคิด (จะถูกต้องและสะใจที่ซู๊ดด ฮา)
I'll explain; I feel like I'm being used.
Make it plain, so you don't get confused.
สองวรรคนี้ ฝากให้สื่อมวลชนกางเกงในแดง นักวิชาการกระหายลาภและลาบเลือด อัยการและตละการผู้เป็นปากเสียงให้อาธรรมผู้เห็นกงจักรเป็นสองดอกจิก และยึดกงจักรนี้ ไว้เป็นสรณะ เผื่อ นช.กลับมาเป็นใหญ่ จะได้บรรณาการแบบอมสเปโต แล้วได้กา เค.แบบเล่นไพ่รัมมี่
ข่าวว่าบางรายได้ดิบได้ดีพอกับบักสองตอไปแล้ว
It's time, time for me to let you know.
Ain't no crime, no crime to let your feelings show.
และสองบรรทัดนี้ บักตู่เต้น ก็น่าจะออกมาปลอบแดง แบบที่ตัวพ่อจากแดนไกล โฟนอินว่าต้องหาทางคุยกับตละการ เคลียร์ปัญหา คดีอาญาให้จบและออกคุกให้ได้ ขอให้ ย.ห.
ในขณะที่ตนเองหนีคดี ถ้าคิดอย่างนั้น ไอ้ของพรรค์กระนี้ ทำได้ มันเคลียร์ตัวมันเองไปแล้ว (ไม่ฮา) หลอกชาวบ้านทุกคน ทุกที่ ทุกเวลาจนเชื่องปาก
“I Can't Stand It” คือ ซิงเกิ้ลฮิตของพระเจ้า สโลว์ แฮนด์ เอริค แคล็ปตัน จากอัลบัม Another Ticket ที่วางแผงเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1981 เป็นเพลงแนวร็อคแบบแคล็ปตันๆ ที่ออกจะป๊อปสุด ติดอันดับ 10 ของบิลบอร์ด 100 แคล็ปตันร่วมงานกับ ทอม ดอว์ด โปรดิวเซอร์แห่งยุคนั้น และประสบความสำเร็จมากกับอัลบัมนี้
ทุกเพลงเขียนและแต่งโดย แคล็ปตัน ยกเว้น เพลงที่มีเจ้าของในวงเล็บ
“Something Special” – 2:36
“Black Rose” (Troy Seals, Eddie Setser) – 3:44
“Blow Wind Blow” (Muddy Waters) – 2:58
“Another Ticket” – 5:43
“I Can't Stand It” – 4:07
“Hold Me Lord” – 3:27
“Floating Bridge” (Sleepy John Estes) – 6:32
“Catch Me If You Can” (Gary Brooker, Clapton) – 4:24
“Rita Mae” – 5:03
อัลบัมนี้ จัดเป็นอัลบัมสุดท้ายที่แคลปตันทำให้กับสังกัด โพลิดอร์ เรคคอร์ดส์ ประกอบด้วยทีมงานศิลปิน ดังนี้
Eric Clapton: กีตาร์- ร้องนำ
Chris Stainton: คีย์บอร์ด
Albert Lee: กีตาร์- ร้องประสาน
Gary Brooker: คีย์บอร์ด- ร้องประสาน
Henry Spinetti: กลอง- เพอร์คัสชั่น
Dave Markee: เบส
อัลบัมนี้ นักวิจารณ์ วิจารณ์ว่า แคล็ปตันเป็นนักคีตศิลป์เยี่ยมยอดไปแล้ว ฝีมือและอัจฉริยภาพของเขามากกว่านักดนตรีพื้นๆ เขาสืบขนบร็อค มาจากยุค 70 ที่แสนคลาสสิกต่อจาก Booker T. & the M.G. จุดเด่นก็คือการที่เขาควบคุมภาคริธึ่ม ได้อย่างโดดเด่น จังหวะที่สนุกสนานและลงตัว การเขียนเนื้อหาของแคล็ปตัน ที่เต็มไปด้วยความรัก ความหึงหวง และหัวหมุน ต่อการที่คนรักของเขากระทำ ก็ให้อารมณ์ความรู้สึกที่เหมือนจะธรรมดาพื้นๆนั้น กลายเป็นมีชั้นเชิงทางภาษาและวรรณศิลป์ไม่ธรรมดาไปทันที
เหล่านี้ ทำให้เพลงทุกเพลงในอัลบัมนี้สุตฮิต และทรงคุณค่า การันตีโดยนิตยสาร โรลลิง สโตน ซึ่งให้ 4/5 ดาว
`จากบทความASTVผู้จัดการรายวัน31 มีนาคม 2555
“….ต่อคำถามที่เกิดขึ้นก็คือ สถานะของนางสาวยิ่งลักษณ์ในวันนี้คืออะไร เธอคือนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย มิใช่ “พริตตี้” ที่ขายความงาม ขายหุ่นและขายเรือนร่างของตนเองเพื่อแลกกับการสร้างแรงดึงดูดใจให้คนมาซื้อสินค้า
นางสาวยิ่งลักษณ์มิใช่ “พริตตี้มอเตอร์โชว์” ที่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น โชว์เนินอกอล่างฉ่าง โชว์สะโพก โชว์เรียวขาขาวๆ ล่อไอ้เข้ที่แวะเวียนกันเข้ามาสัมผัสด้วยความหื่นกระหายทางเพศ
“ดิฉันเป็นผู้หญิงก็รักสวยรักงามเป็นธรรมดา แต่เชื่อว่า ประชาชนจะมองที่ผลงานมากกว่า ซึ่งตลอด 7 เดือนของการบริหารประเทศนั้น ได้พยายามที่จะติดตามผลสำรวจความพึงพอใจในการบริหารประเทศจากประชาชน เพื่อที่จะปรับปรุงตัวเองให้ตรงกับความต้องการของประชาชน”นั่นคือคำอธิบายของนางสาวยิ่งลักษณ์เมื่อถูกถามจากสื่อมวลชนอย่างตรงไปตรงมาถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายกรัฐมนตรีมักโชว์แฟชั่นมากกว่าวิชั่น`
“ยุคกระเบื้องเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม”
ผู้มีศีลธรรม รัฐบุรุษ ต่างเป็นห่วงเป็นใย และปริวิตกกับสภาพการณ์ไร้หัวไร้หาง ไร้ภาวะผู้นำ บ้านเมืองยังคงล่องลอยเลื่อนไหล ไปประดุจแพนาวาที่ขาดคนดีมีศีล มีความสามารถ เป็นคนดีมีศีลธรรม จริยธรรมมาคัดท้าย เราประชาชนคนธรรมดา ก็ได้แต่สวดอ้อนวอน องค์พระสยามเทวาธิราชให้รู้สึก “can’t stand it ” ต่อสภาวะอธรรม อัปรีย์จัญไร เหิมเกริมครองเมืองที่ทำให้บ้านเมืองมืดมน แบบไร้ทางออก (no way out…)
และทนไม่ได้อีกเช่นกัน ที่จะเห็นรถถังเลียนแบบบังเละออกมาวิ่งพล่านอีกรอบเพราะทุกกรณี มันคือวิกฤติแบบ I can’t stand it ทั้งสิ้น
แล้วพวกเราจะประพฤติตนเยี่ยงไรกันดีเล่ายามนี้??