Marsmag.net

วิสา คัญทัพ : อลัชชีเพื่อชีวิต!!


Blowin’ in the songs
โดย : ประมวล ดาระดาษ
p_daradas@hotmail.com

กับภาพวิดีโอ คลิป ของอดีตนักร้องเพื่อชีวิต เพื่อสังคม กวี ศิลปิน รุ่นอาวุโส ที่ปัจจุบัน ขายอุดมการณ์ไปเชิดชูนักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร และบินไปสดุดีแซ่ซร้อง สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ศัตรูคู่อาฆาตผู้ผูกปีต่อยแบบนอกกรอบกติกากับรัฐบาลอำมาตย์ไทย และรัฐบาลยุคแมลงสาบสองปีก่อนแบบผีไม่เผา เงาไม่เหยียบกัน แต่ฝ่ายหลังผูกปีแพ้
โดยวีรเวรครั้งกระโน้น สมเด็จฮุนเซ็น ก็พ่นผรุสวาทด่าแม่อภิสิทธิ์ข้ามรั้ว เอาจริงแบบสิงห์จอมโว รบไป พ่นสำรากไป มีกลยุทธทุกรูปแบบ เอาประเทศทั่วโลกมาล้อมกรอบ ล้อมยำไทย แบบท้ารบ ท้าประลอง และส่งกระสุนปืนใหญ่มาถล่มในเขตแดนไทยจนทหารหาญและประชาชนคนไทยเสียชีวิต จนมีผู้คนอพยพหนีตาย แบบบ้านแตกสาแหรกขาด เสียหายทางเศรษฐกิจ และสังคมยับเยิน แบบคนไทยผู้รักชาติหากทว่าไม่มีกองรถถัง และกองกำลัง พูดไม่ออกได้แต่กลอกหน้า แสนอับอายในเกียรติภูมิยิ่ง
นั่นคือ อดีตหมาดๆ ที่บาดแผลยังมิทันจาง
แล้วก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่แล้วก็แล้วไป เมื่อรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้นำหุ่นเชิดของทักษิณ ชินวัตร ที่ไปหมอบราบคาบแก้ว ให้แก่สมเด็จฮุนเซ็นจนถึงบันไดบ้าน พร้อมกับสาวกซาตานจอมละโมบเข้าสิง อันกอปรด้วย นักสู้แล้วรวย ในตำแหน่งปูนบำเหน็จ ร.ม.ช.ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นายวิสา คัญทัพ นางไพจิตร อักษรณรงค์(ในตำแหน่งที่ปรึกษา ร.ม.ต.และนายอดิษร เพียงเกษ (ตามคลิป)
นำขบวนโดยนักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจากไทยผู้เปี่ยมศรัทธาต่อฮุนเซ็น หมอบราบคาบแก้ว สวามิภักดิ์เขมร และอาศัยดินแดนเขมรเคลื่อนไหวบงการเชิดหุ่นรัฐบาลผู้น้องขวัญใจพรรคเผาไทย แดงทั้งแผ่นดิน ได้อย่างสบายใจไร้กังวล
ดูในคลิปเพลงสดุดีเขมร และฮุนเซ็นขึ้นเหนือหัวก็แล้วกัน ว่ายิ่งใหญ่ชวนขนลุก ซาบซ่านแค่ไหน แหม…ผมฟัง/ดูแล้ว ฟันธงว่า น่าจะขาดวิญญาณของการเป็นทาสเชลย ที่ถูกบังคับให้ประพันธ์เพลง ชเลียร์และอยากนวดลูกกระปู๋ของสมเด็จฮุนเซ็น ตามโฆษณาในเว็บของชาวสีม่วงที่เห็นดาดดื่น ก็คือ ขาดเพียงพี่กี้ร์ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ผู้ซาบซึ้งในบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนของสมเด็จฮุนเซ็น ให้ที่พักพิงยามยาก ขาดไปหนึ่งเดียวเท่านั้น
ถ้าได้มาอีกคน จะสมบูรณ์แบบวิไล ละออ แบบบ่องสะลันโอนแม่คุณ เลยทีเดียว

“โบกมือลา เสียงเพลงครวญมาต้องลาแล้วเพื่อน…” (เพลงจากโซโล่อัลบั้มชุดแรกของ สุรชัย จันทิมาธร อัลบั้ม “ส้มตำบัณฑิต” เพลงจากการประพันธ์ของ วิสา คัญทัพ)
“เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน นักเทศนาเปลี่ยน” บทกวี บทเพลงเพื่อชีวิตของวิสา คัญทัพนั้นมาถูกที่ ถูกเวลาในระดับหนึ่งนะครับ “กำลังใจ”เพลงนี้ ให้ความรู้สึกโหยหา อาวรณ์ในวันคืนเก่าที่หมู่เฮาได้ยืนหยัดอุดมการณ์ และต่อสู้เผด็จการทหารยืนอยู่ข้างมวลชน ช่างโรแมนติค เต็มไปด้วยสิ่งดีดี ที่มีให้กัน (นึกอะไรไม่ออก ก็ต้องว่าสิ่งดีดี ไว้ก่อน)
สิ่งดีดีที่นักปฏิวัติเพื่อมวลชน ปลุกเร้า ให้ความหวัง ผ่านกำลังใจ เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาธิปไตย ยิ่งใหญ่ เลิศหรูและอลังการผ่านถ้อยคำในยุคหนึ่ง เวลาหนึ่ง มาเรียบร้อย
เสียดายฝีมือ เสียดายอุดมการณ์ เสียดายคำเทศนา เสียดายภาพลักษณ์ เสียดายภาพไอดอล เสียดายภาพฮีโร่ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่งครับ แหม…อยากร้องเป็นพุ่มพวงแหละครับ
“แหม้…เสียด๊ายยย… จริง”
สมัยผมใส่ขาสั้น ฟังกำลังใจ ฟังเพลงจากการประพันธ์ของวิสา คัญทัพอยู่ครับ เพลงพวก “ร้อยบุปผา, รอยอดีต, กำลังใจ, แรงเทียน, ออนซอนเด, เพลงพิณ ฯลฯ เหล่านี้ ฟังแล้วก็บังเกิดศรัทธาปสาทะ ขุนลุกซู่ อยากเข้าป่าตามทีเดียว ยุคสมัย 6 ตุลาที่มีการล้อมปราบ เพลงประมาณนี้ยังไม่มาดอก แต่บทกวีของวิสา คัญทัพ พวกประมาณฟ้าสีทองผ่องอำไพ นั้นมาแล้วครับ
สมัยนั้น อายุ สิบหกปี ผมไป กทม.ถูกครับ คือไม่ยาก จับ บขส.ไปสายใต้ พอได้ แต่ไปสมทบที่ธรรมศาสตร์ไม่ถูกครับ มิเช่นนั้น ผมคงได้ร่วมอุดมการณ์แบบตัวเป็นๆ ร่วมปฏิบัติการในป่าเขตใดเขตหนึ่งแน่นอน ไม่น่าจะจำกัดอายุนะครับตอนนั้น
ชีวิตคนก็เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน นี่สัจธรรมแน่นอน
มั่นคงในสิงขร แบบขุนเขามิอาจขวาง สายธารเที่ยงธรรมไม่ได้ เหมือนกันนั่นแหละ ต่อมา ต่อมาวิสา คัญทัพ มีเพลงแนว
“รักที่อยากลืม, กลกามแห่งความรัก, สวรรค์ชั้นเจ็ด ฯลฯ”(ประเภทกลกามแห่งความรักนี่มันหนังอีโรติคของทรนง ศรีเชื้อ จำได้)”
มันจักจี๊ใจสุดๆ นึกภาพตามชื่อเพลงออกนะครับ สมัยโน้น น่าจะยุคคืนเมืองแล้ว ผมฟังผมก็ยังติดภาพวิสา คัญทัพ กับภาพเช เกวารา หรือหลวงตาพระป่าผู้เคร่งศีล เคร่งปริยัติ เคร่งปฏิบัติ จนเกิดปฏิเวธบรรลุในระดับหนึ่งมีคล้อยตามภาพนู้ด และฉากร่วมรักของนางเอกนมตู้มแห่งยุคสมัยดาริน กรสกุล ไปได้)
แต่หากทว่า… พอมาฟังเพลง ฝีมือวิสา คัญทัพในเซ็ตนี้ ความรู้สึกเหมือนเห็น หลวงตาพระป่า แอบฉันข้าวเย็น
และเห็นเช เกวารา เอาเงินบริจาคไปแอบแทงหวยใต้ดินแหละครับ น่าผิดหวัง แต่ก็พอทำใจ
อย่าลืมว่า บทกวีแสนคลาสสิก ยังอยู่ในใจของ น้องๆ ตอนนั้นนะครับ ชีวิตที่พานพบยังไม่มีลบหรือมีเพิ่ม ยังเหมือนเดิม เป็นกำลังใจให้พี่ท่านอยู่เสมอ

“ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า      ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาปสูญ
ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน        ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป
เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่           ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่
เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ      ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”

หรือ บทกวีดีดี สิ่งดีดี ที่ได้เคยอุทิศตน โดยการบำเพ็ญเพียร ผจญทุกขเวทนา หรือทุกขกิริยาในตะรางอันว่าคุก นั่นแล และออกมามีวรรคทองซาบซึ้งกินใจ ซึ่งไอดอลวีรชนของน้องๆ แห่งยุค
โดยเขาเขียนภายหลังได้รับอิสรภาพจากการจับกุมคุมขังหลัง 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ด้วยความประทับใจในพลังอันยิ่งใหญ่ของประชาชนบนถนนราชดำเนิน

หยาดน้ำตาประชาไทยในวันนี้                  ไหลเกือบท่วมปฐพีแล้วพี่เอ๋ย
ถ้าความจริงสามารถอ้างเหมือนอย่างเคย   ก็จะเอ่ยและจะอ้างอย่างไม่กลัว
นี่มีปากก็ถูกปิดจนมิดเม้ม                         มันแทะเล็มถุยรดและกดหัว
ปัญหาต่างๆนั้นก็พันพัว                            ไม่อยากโทษใครชั่วเพราะกลัวตาย
ถ้าขอได้จะขอกันในวันนี้                           ขอให้สิทธิ์เสรีอย่าสูญหาย
ถ้าเลือดไทยจะหลั่งโลมจนโทรมกาย          ก็ขอตายด้วยศักดิ์ศรีเสรีชน

เมื่อเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน คำเทศนาเปลี่ยน
ผมเคยไปศึกษาเพลงเพื่อสังคม ของน้องร้องเพื่อสังคม ตำนานอเมริกันเพลงประท้วง อย่างบ็อบ ดิแลน และครูของเขา วูดดี้ กัธรี เขาจะให้แนวเพลงเพื่อสังคม หรือเพลงที่ใช้ในการประท้วงอยู่สามแบบ คือเพลงยั่วล้อให้ผู้ฟังเกิดความละอาย ที่เรียกว่า guit song เพลงเกรี้ยวกราดแสดงออกซึ่งอารมณ์อันรุนแรง anger songและสุดท้ายเพลงเปิดหูเปิดตาประชาชน eye-opener
นั่นคือขนบเพลงประท้วง จะไม่ยกตัวอย่างประกอบเดี่ยวจะลงไซด์เวย์
ยุคศิลปะเพื่อชีวิต ศิลปะเพื่อมวลชน ทำให้เพลงไทยมีอีกตระกูลหนึ่งเรียกว่า”เพลงเพื่อชีวิต”โดยสุรชัย จันทิมาธร หรือ หงา คาราวาน แห่งวงคาราวาน ได้รับการสถาปนาให้เป็นเสาหลักแห่งหัวขบวน”เพลงเพื่อชีวิต”
วิสา คัญทัพ ก็เป็นเงาเคียงบ่าเคียงไหล่ มาพร้อมกับวงคาราวาน มีเพลงในสามแนวทางตามที่ยกมาหลายอยู่ ก็ร่วมงานกับศิลปินเพื่อชีวิตดังๆ ทั้งนั้น อาทิ เพลงแรกร่วมกับ สมคิด สิงสง และ สุรชัย จันทิมาธร เขียนเพลง “คนกับควาย” เพลง “คนภูเขา” ประพันธ์เนื้อร้อง ทำนองโดยหงา คาราวาน เพลงที่สามร่วมกับ ประเสริฐ จันดำ กวีอีสานผู้ล่วงลับ ในเพลง “จดหมายชาวนา” และเพลงที่ยิ่งใหญ่ ประพันธ์ทั้งคำร้อง/ทำนอง แบบเชิดเดี่ยว ขณะเกิดเหตุการณ์ลอบฆ่าลอบสังหารผู้นำฝ่ายประชาชนจำนวนมากในยุค 19 ตุลา มหาโหด คือเพลง “น้ำท่วมฟ้าปลากินดาว” วงคาราวาน ร้อง/บรรเลง โดยมีเนื้อร้องตอนหนึ่ง คำว่าคลาสสิกนั้นเกินเลยนิยามมาแล้ว
“น้ำท่วมฟ้า ปลากินดาว นกเหินหาวสู่สายชล คนดีถูกฆ่ากลางถนน คนชั่วขึ้นนั่งบัลลังก์บน ฟ้าฝนจึงไม่ตกมา”*

เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน นักเทศนาเปลี่ยน
จากที่เคยมั่นอุดทมการณ์ เมื่อไม่นาน
เพลง “สัญญาใจขับไล่เผด็จการ” ที่วิสา คัญทัพ ได้ประพันธ์เอาไว้
“…มา..พวกเรามา ตามสัญญาใจผูกพัน ร่วมพลังฟาดฟัน ใจมุ่งมั่นประชาธิปไตย เมื่อใดที่เผด็จการ รัฐประหาร ปล้นชาติไทย พวกเราจะก้าวออกไป ร่วมกันขับไล่โค่นล้มมันลง เผด็จการต้องออกไป ประชาธิปไตย จงเจริญ…”
ปัจจุบันวิสาเขียนบทความในหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ ดำเนินรายการวิทยุ “กุญแจเมืองไทย” ร่วมกับ อดิศร เพียงเกษ และ ไพจิตร อักษรณรงค์ ทาง FM 105 MHz และรายการโทรทัศน์ ทางสถานีประชาธิปไตย D-Station
วิสา คัญทัพ ขับไล่เผด็จการจนได้เครื่องราชอิสริยาภรณ์ “ตริตราภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)” เมื่อปีกลายนี้เอง และปัจจุบันได้เป็นถึงที่ปรึกษา ร.ม.ต.พร้อมกับภริยา ในรัฐบาลปัจจุบัน จากพระเคร่งศีล วัตรปฏิบัติ และปฏิปทาน่าเลื่อมใส เป็นที่นับถือของสาวกยิ่ง
จากวิสา คัญทัพ กวี นักเพลง ผู้นำปัญญาชนในการต่อสู้ จากอัตลักษณ์ในแนวทาง พระป่าคามวาสีผู้แสนบริสุทธิ์และมีวัตรปฏิบัติงามยิ่ง บัดนี้
เมื่อเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน คำเทศนาเปลี่ยน
เขากลายเป็น อลัชชี เดียรถีย์ ทุมมังกุ สามขนานรวมกันแบบอัตตาและโลกียะเยิ้ม ดูการเทศนาในเนื้อระดับกวีเก่าผู้ช่ำชอง ของเพลงสดุดี เปิดหู เปิดตา eye-opener ให้ประชาชี ชวกชวนให้มีผู้สวามิภักดิ์ต่อสมเด็จฮุนเซ็นประกอบเทอญ

ภาพ : อินเตอร์เน็ต