Marsmag.net

'ดอนนา ซัมเมอร์' ราชินีดิสโก้


Blowin’ in the songs
โดย : ประมวล ดาระดาษ
p_daradas@hotmail.com

บนเวทีการมอบรางวัล ”บิลบอร์ด อวอร์ดส์” เมื่อวันที่ 20 พ.ค.55 ได้มีการร่วมไว้อาลัยให้แก่ซูเปอร์สตาร์ผู้ล่วงลับ “โรบิน กิบบ์” แห่ง บีจีส์, ดอนนา ซัมเมอร์, อดัม ยอช แห่งบีสตี้ บอยส์ และวิทนีย์ ฮุสตัน โดยให้ศิลปินดังรุ่นหลังมาร้องบรรเลงเพลงของพวกเขาเพื่อคารวาลัย
บรรณาธิการนิตยสารบิลบอร์ด โจ เลวี ถึงกับฟันธง เมื่อให้สัมภาษณ์ ABCNews.com ว่า “ถ้าบียอนเซ่อยากรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากผู้มาก่อน ดอนนา ซัมเมอร์จัดให้ได้นะ”
“…แม้ว่าเธอจะเป็นราชินีดิสโก้ในยุคดิสโก้ เป็นสุดยอดแห่งราชินีแดนซ์ แต่ก็มีความใฝ่ฝันและปรารถนาที่จะทำเพลงร็อคและเพลงบัลลาดในบอร์ดเวย์อยู่…”
“…ดอนนา ซัมเมอร์ มีความพยายามที่จะเริ่มงานสร้างสรรค์ผลงานให้ก้าวไกลออกไปมากกว่าความสำเร็จเดิมๆ ในอดีต แบบไฟไม่เคยรา อาจจะไม่ใช่การปรับตัวแบบกิ้งก่า แต่เป็นสัญชาตญาณแห่งศิลปินมืออาชีพ…”
และ บก.นิตยสารคนเดิมยังกล่าวเสริมอีกว่า ดอนนา ซัมเมอร์ คือผู้เปลี่ยนเส้นทางของดนตรีในปีที่เพลงฮิตของเธอมาถึง “Love to Love You Baby” และ “I Feel Love” เธอและโปรดิวเซอร์เป็นผู้ให้กำเนิดเสียงอีเล็คทรอนิคส์ที่เปลี่ยนรูปแบบของดนตรี ด้วยการผลิตซิงเกิ้ลเพลงแดนซ์ขนาด 12 นิ้วที่มีความยาว 17 นาที และเป็นสิ่งล้ำนำสมัย เป็นที่ถูกอกถูกใจของนักเล่นแผ่น
โดยพื้นฐานวัยเยาว์ที่พ่อและแม่ของเธอเป็นคริสเตียน ทำให้เธอได้เรียนรู้เพลงคลาสสิก และเพลงกอสเปลในโบสถ์ ดอนนา ซัมเมอร์ กล่าวว่า เธอได้รับการร้องเพลงกล่อมจากแม่ก่อนนอนทุกคืน เหล่านี้คือพื้นฐานอันงามและวิญญาณศิลปิน
ฮ็อตและฮิตของดอนนา ซัมเมอร์

เต็มไปด้วยน้ำเสียงออดอ้อน แสนเซ็กซี่ บีตตึ๊กๆ สม่ำเสมอเร้าใจและพาคุณไปถึงจุดไคลแมกซ์ด้วยเวลาอันยาวนานของการบรรเลงรมย์ต่ออารมณ์สุขสม งานศิลปะที่เรียกว่า ”น้อย ทว่าทรงค่า” (minimalism)ในระดับ proto-techno

ถ้าปราศจากเพลงนี้ สำเนียงอีเล็คตริคก็ไม่มา ซาวน์ด์แบบ ซินธ์ฯอาร์เพจจิโอส์ กับเสียงร้องเอื้อนเฉิบเนิบเฉื่อย แบบทำไม่รู้ไม่ชี้ ทว่าออ้อนเปี่ยมเสน่ห์ นั่นคือ ต้นกำเนิดการเปิดรากฐานยุคเสียงสังเคราะห์ใหม่ในทศวรรษแรกๆ

ฝรั่งว่า แม้ว่าเพลงนี้แม้จะยอมรับในทีต่อเรื่องศักดิ์ศรีแบบคนมือถือสากปากถือศีลต่อเรื่องเพศพาณิชย์ แต่เพลงนี้ ก็เปี่ยมศักยภาพและพลังพอที่จะทำให้เห็นความจำเป็นคุณความดีของมนุษย์แบบเหรียญมีสองด้าน ต่อไนต์คลับและแสงสลัวที่ครอบคลุมทุกชีวิตอยู่

แทร็กนี้สุดฮิตไปทั้งโลก เห็นพลังและสมรรถนะการเค้นเสียงออกจาก ท้อง อก และคอได้ชัดเจน มันมีความเป็นป๊อปแดนซ์ที่แสดงศักยภาพ ไหวพริบของดอนนา ซัมเมอร์โดยแท้

ดอนนา ซัมเมอร์ : คุณรู้จักเธอดีแล้วหรือยัง?
“ในขณะที่สถานีวิทยุเปิดเพลงคลาสสิก ฉันไม่สมควรที่จะร้องไห้ ถ้าเป็น 20 ชั่วโมง ก็ 20 ชั่วโมงแหละ ฉันจะสงบมาก นั่นคือวิธีการที่แม่ของฉันกำลังปลูกฝังเซนส์ทางดนตรีให้”
เมื่ออายุ 18 ปี ดอนนา ซัมเมอร์ ได้ไปออดิชั่นสำหรับการแสดงละครบรอดเวย์ เรื่อง “แฮร์” และก็ได้รับบทสมใจเมื่อคณะละครไปแสดงที่เยอรมนี ที่นี่ เธอได้พบกับสุดยอดโปรดิวเซอร์ จิออจิโอ โมโดเรอร์ เขาแนะนำให้เธอทำเดโมเพลง “Love to Love You Baby” เมื่อเขาปล่อยเวอร์ชั่นนี้ออกมา ทางบริษัทแผ่นเสียงก็ต้องการเวอร์ชั่นยาวเพื่อนำไปเปิดในคลับดิสโก้ที่กำลังเฟื่องในขณะนั้นทันที
และเพลงฮิตของดอนนา ซัมเมอร์ ซิลเกิ้ลต่อมา คือ “I Feel Love” ก็ตอกย้ำความดังระเบิด ส่งให้เธอเป็นราชินีดิสโก้เต็มตัว ด้วยซาวด์ล้ำสมัยสไตล์โรบ็อตแห่งยุคอะนาล็อกที่นำเอาซินธีไธเซอร์เข้ามาใช้ เดวิด โบวี ที่กำลังบันทึกแผ่นเสียงThe Berlin Trilogy อยู่ในขณะนั้นได้ยินบอกสื่อมวลชนว่า “มันคือสุ้มเสียงแห่งอนาคต”
ศิลปินอย่างดอนนา ซัมเมอร์หาใช่ศิลปินพิมพ์เดียวไม่ เธอใช้น้ำเสียงโทนเมซโซ-โซปราโน มาใช้กับเพลงดิสโก้บัลลาด อย่าง “Last dance” และมาร้องคู่กับอีกสุดยอดศิลปินแห่งยุคอย่าง บาร์บารา สตรัยแซนด์ ในเพลง “No More Tears”
และดอนนา ซัมเมอร์ ยังสามารถกลับคืนสู่เพลงพื้นๆ สไตล์ป๊อป โซล เมื่อทศวรรษแห่งดนตรีดิสโก้ซาลง อย่างเพลง “MacArthur Park” และ “She Works Hard for the Money” ซึ่งเพลงหลังนี้ได้มาจากการเฝ้าดูพฤติกรรมของหญิงที่ดูแลห้องน้ำซึ่งจัดเป็นเพลงสังคมเชิงเฟมินิสต์ชูบทบาทของสตรีอเมริกัน ที่ได้รับการชื่นชมยกย่องมาก
ดอนนา ซัมเมอร์กล่าวถึงที่มาของเพลงว่า เมื่อเธอไปงานปาร์ตี้รางวัลแกรมมี เธอเห็นหญิงสาวที่ทำความสะอาดห้องน้ำหลับอยู่ที่ท้ายบาร์ ในขณะที่สาวๆ กลุ่มหนึ่งต่างก็มาใช้ห้องน้ำตกแต่งทรงผมและฉีดน้ำหอมสเปรย์กันให้คลุ้ง เธอจึงได้ความคิดว่า “ว้าว… ผู้หญิงต่างก็ทำงานหนักเพื่อเงินกันจริงๆ” ดอนนาซัมเมอร์ ผุดความคิดนี้ ก็รีบรี่ไปเข้าห้องน้ำและเขียนเพลงด้วยกระดาษในห้องน้ำนั่นแหละ
กลางยุค 70 จากดนดรีแนวโซล ฟังค์ การตอบสนองตอบทางดนตรีที่ผ่องถ่ายจากยุคฮิปปี้ มาสู่ยุคยัปปี้ จากร็อคแบบบับเบิ้ล กัม สู่ร็อค แอนด์ โรล ที่ยืนพื้น ต่อสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปทางฉาบฉวย ว่องไว โลกเปลี่ยนแปลงไป ซาวน์ด์แบบดิสโก้ ได้ถูกคิดขึ้นมาเพื่อใช้ประกอบการเต้นรำ เน้นการร้องที่สนุกสนาน ผสานเครื่องเป่า บีต เบสไลน์ ซ้ำๆ ที่สามารถกล่อมไนท์คลับที่มีเอกลักษณ์ลูกไฟกลมดวงใหญ่ที่หมุนอยู่เหนือฟลอร์เต้นรำสาดแสงระยิบระยับไปทั่วห้อง ให้นักท่องราตรีสนุกสนานกันได้ตลอดคืน
ศิลปินแนวดิสโก้ที่ได้รับความนิยมในยุคนั้น เช่น ดอนนา ซัมเมอร์, เดอะแจ็กสัน ไฟฟ์,เอร์ธ วินด์ แอนด์ ไฟร์, บี จีส์, บอนนี เอ็ม.อี แอล โอ และแอ็บบ้า ฯลฯ เป็นต้น

มรณกรรมของยอดศิลปิน ราชินีดิสโก้ดอนนา ซัมเมอร์ ในวัย 63 ปี ที่บ้านในฟลอริดา เมื่อ17 พค.55 นั้น ทำให้โลกดนตรีช็อค ไม่ว่าจะเป็นศิลปินหรือซูเปอร์ สตาร์คนดัง อย่าง ต่างแสดงคารวาลัย
กลอเรีย เกย์เนอร์ เจ้าแม่ดิสโก้ผู้บุกเบิกต้นแบบในยุค 70 กล่าว”เศร้าและเสียใจอย่างสุดซึ้ง ซัมเมอร์เป็นผู้หญิงและมนุษยืผู้ละเอียดอ่อน…”
แฮรี่ เวนย์ แคสเซย์ แห่ง วง เค.ซี.แอนด์ เดอะ ซันไซน์ แบนด์ กล่าวว่า” เราเติบโตมาในฟิลด์เดียวกันและยุคเดียวกัน”
ลิซ่า ไมเนลลี่ นักแสดง กล่าวว่า ”เธอคือ ราชินีดิสโก้ และเราจะร้องและเต้นเพลงของเธอต่อไป…”
เจเน็ต แจ็คสัน เขียนถึงเธอว่า “เธอเปลี่ยนแปลงโลกด้วยน้ำเสียงอันเสนาะเพราะพริ้ง และพรสวรรค์ที่เหลือเชื่อ”
ควินซี่ โจนส์ กล่าวว่า “น้ำเสียงของเธอคือเสียงเต้นของหัวใจ และซาวนด์แทร็กแห่งทศวรรษ…”
บียองเซ่,แมรี เจ. ไบรจ์ และกลอเรียเอสตาฟาน ต่างโพสต์รูปของดอนนา ซัมเมอร์ ในทวีตเตอร์ในวาระนี้
และสุดท้าย ประธานาธิบดี มารัค โอบามา “ผมและภรรยามิเชล ต่างเสียใจต่อการจากไปของดอนนา ซัมเมอร์ นักร้องห้ารางวัลแกรมมี “ราชินีดิสโก้”ต่อน้ำเลียงที่ไม่มีวันลืมเลือน นับแต่นี้อุตสาหกรรมเพลงจะสิ้นศิลปินระดับตำนานแบบเธอไปอีกนาน โดยแสงแห่งปัญญาและการสวดของเราจงไปสู่ครอบครัวของดอนนา ซอมเมอร์ และแฟนเพลงของเธอ…”
4 แทร็กอมตะของราชินีดิสโก้ ต้นแบบที่เธอได้รับ

1.I Will Survive
ดอนนา ซัมเมอร์ให้เครดิตแก่กลอเรีย เกย์เนอร์ ศิลปินผู้มาก่อนต่อการให้กำเนิดยุคดิสโก้ ระหว่างทศวรรษ 70 และเธอกล่าวว่าเพลงที่สำคัญที่สุดที่ให้ผลกระทบต่อชีวิต คือ “I Will Survive”
“คุณรู้ไหมว่า ฉันใช้เพลงนี้ในชีวิตทีเดียว เพลงนี้ช่วยกระตุ้นเตือนฉันให้มีสำนึกต่อการดำรงอยู่ และจะผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปให้ได้”
และบัดนี้ ซัมเมอร์ และเกย์เนอร์ก็เป็นเพื่อนสนิทกัน ทั้งสองต่างแลกเปลี่ยนสิ่งดีๆ ต่อกันเสมอ
2.Little Piece of My Heart
ดอนนา ซัมเมอร์ ได้เห็นการแสดงสดของจานิส จ็อปลิน ที่บอสตัน และไม่รู้หรอกว่าอะไรทำให้เธอรู้สึกว่า เธอคิดถึงและติดใจภาพลักษณ์ของหล่อน
“เธอดูดิบเถื่อนดีนะ” ซัมเมอร์ว่า “เธอเล่นไม่ใส่บรา เดินไปเดินมาแบบไม่แคร์ แต่พอเธอร้องเพลงนี้ขึ้นมาก็ทำให้ฉันถึงกับทึ่งในความสามารถเชียวแหละ…”
“โอ พระเจ้าฉันชอบเพลงนี้มากจริงๆ มันประทับใจมาก มันเป็นเพลงที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ขณะนี้เธอสู่สรวงสวรรค์ไปแล้ว แต่อย่าลืมนะว่า เพลงนี้ พระเจ้าประทานพรสวรรค์ให้แก่เธอสำรับมัน”
3.What's Going On
“มันนำเข้าเรื่องดีทีเดียวแหละ เข้าเรื่องแบบที่ว่า อะไรกำลังจะเกิดต่อไป เมื่อได้ฟังเพลงนี้…”
ดอนนา ซัมเมอร์ บอกว่า แทร็กฮิตของมาวิน เกย์ เพลงนี้เธอกลับไปฟังมันครั้งแล้วครั้งเล่า และยามปลอดคนไม่มีใครอยู่เธอก็เปล่งเสียงร้องเพลงนี้แบบสะใจ และทิ้งท้ายแบบสบายอารมณ์ว่า “รู้ไหม พอไปถึงชายหาด เธอก็เปิดเพลงนี้ เต้นรำไปรอบรอบๆ บ้าน และร้องตามไปดังๆ แหม…ช่างสุขเสียจริง คือ ไม่มีใครรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ไง…”
4.Hero
“ฉันได้รับแรงบันดาลใจและแรงกระตุ้นปลุกใจอย่างแท้จริงจากเพลงนี้ ของมารายห์ แครี่…” ดอนนา ซัมเมอร์ กล่าวว่า “ผู้คนต่างก็ต้องการที่จะก้าวขึ้นสู่โอกาสและมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องก้าวกลว้างออกไปโดยตัวของพวกเขาเอง…”
เธอบอกว่า เสียงก้องสะท้อนในเพลงนี้ ทำให้สร้างแรงบันดาลใจและปลุกใจต่อการสร้างสรรค์ อัลบั้ม Crayons ในปี 2008