Marsmag.net

แม่เมย…ไม่เคยไม่รักเธอ


เรื่อง/ภาพ ด.ช.ตีนเปลือย
Tein.boyfoto@gmail.com

ผมเป็นเด็กชายผู้กระหายในการท่องโลกกว้าง ด้วย สองเท้า
เด็กชายผู้ไม่ประสีประสากับการเดินทาง
เด็กชายที่กระเป๋าสตางค์ใบเล็ก…….
เทศกาลวันหยุดยาวปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ด.ช.ตีนเปลือยสวมวิญญาณหมอเดาว่า น่าจะเกิดเหตุการณ์หนึ่งซึ่งทุกคนคงพร้อมใจกันทำโดยไม่ได้นัดหมายคือ คนเมืองจะต้องหาโอกาสพาตัวเองขึ้นไปสัมผัสลมหนาวในภาคเหนือ ไม่ว่าจะต้องขับรถไกลสักเพียงใด หนทางจะแสนชันผ่านโค้งมากมายแค่ไหน หรือจะต้องไปเบียดเสียด ยัดเยียดกับนักเดินทางร่วมอุดมการณ์อย่างไร ก็ต้องไปให้ได้!! เพราะนั่นคือโอกาสแสวงหาความสุขจากธรรมชาติ

 
ถูกแล้วครับ ไม่ว่าใครก็ต้องการการพักผ่อนหลังตรากตรำงานหนักมาหนึ่งปี เป็นโอกาสดีที่จะมอบของขวัญด้วยการเดินทางใหักับตัวเอง แต่ก่อนที่จะเลือกเดินทางไปไหนสักแห่ง ด.ช.ตีนเปลือยอยากให้นักเดินทางทุกคนตั้งสติก่อนสตาร์ท และรักษากฎระเบียบบนท้องถนนกันนิดนึง เพื่อความปลอดภัยของเพื่อนร่วมทางทุกคน

ถ้าเริ่มชินชาหรือเบื่อกับการหันหมุนพวงมาลัยขึ้นภาคเหนือตอนบน อย่าง เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ด.ช.ตีนเปลือยมีอีกหนึ่งสถานที่เอาไว้ตากลมหนาว แบบไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้คนมากนัก (หวังว่านะ 555) พร้อมให้คนกรุงหรือใครก็ตามที่ตามหาลมหนาว ซึมซับบรรยากาศภายใต้อ้อมอกแห่งขุนเขา กับอุณหภูมิประมาณ 10-15 องศา น่าจะหนาวแบบสบายๆ

 
นักเดินทางผู้ช่ำชองทั้งหลาย แค่ได้ยินแม่เมย คงเดากันออกว่า แม่เมย อยู่ที่ไหนบนแผนที่ของประเทศไทย….. แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ ด.ช.ตีนเปลือยจะพาคุณผู้อ่านร่วมเดินทางไปทำความรู้พร้อมกันที่ อช.แม่เมย จ.ตาก หนทางไม่ต้องบอกคงจะเดากันออกนะครับ ว่าเราจะต้องเจอกับเพื่อนร่วมทางอะไรบ้าง ทั้งทางโค้ง ทางชัน ไหล่ทางสร้างไม่เสร็จ เหมือนนัดกันมาต้อนรับเรา แต่ก็หาใช่อุปสรรคหนักหนา

 
ทริปนี้คร่าวๆ ว่าเราจะใช้เวลาสัก 3 วัน 2 คืน เพื่อไม่ให้เป็นการเหนื่อยมากเกินไป ล้อหมุนจากเมืองกรุงกันตั้งแต่เช้ามืด กว่าจะถึงก็น่าจะราวเที่ยงๆ บ่ายๆ แต่เอ๊ะ!! นั่งรถมาตั้งไกล ทำไมจะต้องหันหน้าขึ้นไปยังปลายทางอย่างเดียว เป็นเหมือนที่หลายๆ คนเคยบอกไว้ ว่าเราสมควรที่จะใส่ใจรายละเอียดระหว่างทางมากกว่าปลายทางนะ เมื่อความคิดนี้แวบ! เข้ามาในหัว ด.ช.ตีนเปลือย จึงเริ่มทำแบบสอบถามแบบปากต่อปาก จากสมาชิกเพื่อนร่วมทางในรถ จนสุดท้ายได้ข้อสรุปตามนั้นว่า เราจะยังไม่ขึ้นไปยัง อช.แม่เมย เลย แต่จะขอเข้าไปมองถ้ำ ไม่ใช่ถ้ำมองนะครับ

“ถ้ำแม่อุสุ” ถูกเลือกให้เป็นจุดหมายแรก เมื่อคนนำทางพร้อม กล้องพร้อม รองเท้าพร้อม ใจพร้อม ก็ลุย โชคดีว่าเพื่อนร่วมทางในทริปของ ด.ช.ตีนเปลือย ไม่มีความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางอันยาวนานเลย จึงพร้อมลุยกันไปได้ในทุกที่ แบบไม่ต้องหยุดพัก

 
แค่มองเข้าไปยังปากถ้ำก็รู้ทันทีว่าต้องเปียกแน่นอนครับ เพราะสายน้ำไหลเป็นลำธารใหญ่ผ่ากลางปากถ้ำเลย ส่วนความลึกนั้นก็ไม่เท่าไร ประมาณเข่าถึงเอว แล้วแต่ส่วนสูงของแต่ละบุคคลกันไป แนะนำว่า ถ้าจะลุยถ้ำแม่อุสุ ก็เปลี่ยนใส่กางเกงขาสั้นจะดีกว่า เพื่อความไม่อับชื้น ระหว่างเดินเท้า ก้าวแรกของการเดินเข้าถ้ำ เท้าของคนกรุงถูกต้อนรับด้วยพื้นดินปนทรายใต้สายน้ำที่เราจำเป็นต้องก้าวผ่านฝั่งเพื่อข้ามสู่อีกฝั่ง การเดินแบบแถวเรียงตามคนนำทาง น่าจะเป็นวิธีที่จะพาเราเข้าไปโดยไม่หกล้มหัวขมำ เพราะเรามองไม่เห็นว่าพื้นด้านล่างมีอะไรบ้าง

หลังผ่านพ้นข้ามสายน้ำมา กลิ่นฟุ้งจากมูลค้างคาวที่เกาะอยู่ผนังถ้ำกับความมืดก็เริ่มล้อมวงเข้าใกล้นักเดินทางเข้ามาทุกทีๆ จนในที่สุดความมืดก็ล้อมรอบเราไว้ได้สำเร็จ แสงจากไฟฉายเริ่มชัดเจนในบทบาทของมัน ส่องนำทางให้ ด.ช.ตีนเปลือย เคลื่อนตัวเข้าไปภายในถ้ำ ที่ได้รับสมญานามว่า “โรงละครใต้พิภพ” ซึ่งโรงละครแห่งนี้จะทำการเปิดรอบแสดงที่ดีที่สุดในช่วงเวลาประมาณ 13-00-16.00 น. ต้องรีบกันหน่อยแล้ว !!

 
โรงละครนี้แบ่งออกเป็น 3 ห้องแสดงย่อย ห้องที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ ห้องแรก แต่สำหรับ ด.ช.ตีนเปลือยแล้ว คิดว่าแต่ละห้องมันก็มีความงดงามต่างกันไปคล้ายกับเวลาที่เรามองผู้หญิงที่แต่ละคนก็น่ารัก สวยงามต่างกันออกไปแล้วแต่รสนิยมใคร รสนิยมมัน แต่สาเหตุที่ห้องแรกนั้นกลายเป็นดาวเด่นของโรงละคร เพราะห้องแรกนี้เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยที่ยังมีลมหายใจ เติบโตไปตามทิศทางตามใจ ยิ่งโมงยามที่แสงจากฟ้าสาดส่องเข้ามากระทบผนังหินด้วยแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมห้องนี้ถึงได้รับรางวัลป็อปปูลาร์โหวต (ห้าม อย่า เอามือแตะหินงอกหินย้อยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ท่านสิ้นชีพ)

ส่วนอีกสองห้องนั้น มันก็สวยงามต่างอารมณ์กันไป แม้ในห้องที่สองจะเหมือนเป็นแค่ทางผ่าน แต่ก็เป็นทางผ่านที่ไม่ควรพลาดจะเก็บภาพไว้ และแล้วก็มาถึงในห้องสุดท้าย ซึ่งห้องสุดท้ายนี้ มีลักษณะเป็นเหมือนปล่องหน้าผาสูงชัน ที่จะมีแสงสาดตกกระทบผนังหิน สีเหลืองทองอร่ามเบื้องล่างเป็นลำธารเล็กๆ ไหลผ่าน

 
แน่นอนว่าขากลับออกมาจากถ้ำ เราต้องเผชิญกับความมืดและกลิ่นมูลค้างคาวอีกครั้ง แต่ประสบการณ์มันต่างออกไป เพราะ ด.ช.ตีนเปลือยเริ่มรู้สึกว่าในความมืดทุกอย่างกลับเท่าเทียม ไม่มีแบ่งสี แบ่งแยกว่าคุณเป็นใครมาจากไหน เพราะสุดท้าย ในความมืดคุณก็มองไม่เห็นใครและไม่มีใครมองเห็นคุณ

ด.ช.ตีนเปลือยออกมาทันเวลาขึ้นไปชม “แสงสุดท้ายที่ปลายเมย” ก่อนเข้าที่พักในอุทยานฯ เราเลือกชมพระอาทิตย์ตกในแบบโรเมนติกสุดๆ ก่อนราตรีอันหนาวเหน็บจะมาเยือน ที่ “ม่อนพูนสุดา” ด้วยบรรยากาศช่างเป็นใจ ภายใต้เงาต้นไม้ใหญ่ กับเก้าอี้ไม้สักตัว ไว้นั่งชมพระอาทิตย์ตกลับสันเขา ในสายลมหนาวเบาๆ ก่อนส่งเราเข้าสู่ราตรี

 
ราตรีนี้ที่แม่เมย ท้องฟ้าช่างเป็นใจให้ ด.ช.ตีนเปลือย และเพื่อนร่วมทาง ได้ยลโฉมดวงดาว กันอย่างชัดเจน ท่ามกลางน้ำค้างอันหนาวเหน็บ อช.แม่เมย เป็นอีกหนึ่งอุทยานฯ ที่ ด.ช.ตีนเปลือย ว่ามีจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ทะเลหมอก ในแบบที่ไม่ต้องเดินไกล นั่งรถถึงเลย น่าจะเหมาะกับคนที่ไม่ชอบเดินไกลหรือคนมีอายุหน่อย (แต่พวกเรายังไม่แก่นะครับ 555)


 
เช้าวันใหม่กับองศาที่ต่ำกว่าเมื่อคืน ทำเอา ด.ช.ตีนเปลือยไม่อยากตื่นจากฝัน บังเอิญว่ามีนัดกับ “ม่อนกิ่วลม” ไว้ แล้วไม่อยากพลาดจึงรีบงัดตัวเองขึ้นจากเตียง ก่อนท้องฟ้าจะเปลี่ยนสี ราตรีจะจากไป วันใหม่จะเริ่มขึ้น เป็นวินาทีที่ในหนึ่งปี สมควรจะมีสักครั้งสองครั้ง กับการเฝ้ามองการขึ้นของพระอาทิตย์โผล่พ้นทะเลหมอก ยอดเขา มาพบกับเราที่นั่งรออยู่

 
แดดเริ่มแรงขึ้น แต่เรี่ยวแรง ด.ช.ตีนเปลือยยังไม่หมดหรอก ขากลับลงมาจากม่อนกิ่วลมผ่านหนทางอันคดเคี้ยว ทะเลหมอกยังไม่จางหายไปจากหุบเขา เราจึงตัดสินใจแวะชม “ม่อนครูบาใส” เพื่อซึมซับลมหนาวกับสายหมอกอีกครั้ง ก่อนกลับไปนั่งจิบกาแฟ

ถ้าอยากสัมผัสลมหนาวแบบใกล้ชิดมากกว่านี้ ก็ยืดอกพกเต็นท์มาด้วยครับ แล้วมานอนรับน้ำค้างกันได้ทั้งสามม่อนที่ ด.ช.ตีนเปลือยพาไป รับรองหนาวนี้คุณมีเรื่องราวพร้อมกับอัปรูปสวยๆ ไม่แพ้ใครอย่างแน่นอน


รู้ไว้สักนิด…ก่อนเดินทาง

ถ้าคิดจะไป อช.แม่เมย แนะนำขับรถส่วนตัวไปจะสะดวกที่สุด หรือจะเหมารถตู้ไปก็ได้

ม่อนพูนสุดาและม่อนครูบาใส เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกในแบบ Unseen จาก ททท. ส่วนใครจะชอบหรือไม่ก็ตามแต่เห็นสมควร

อุทยานแห่งชาติแม่เมย อ.ท่าสองยาง จ.ตาก สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและจองบ้านพักได้ที่
โทร.0-5551-9644-5 หรือโทร.0-2562-0760 www.dnp.go.th
หรือโทร.089-907-8678 คุณเอ ททท.ตาก ยินดีให้ทุกคำแนะนำในการท่องเที่ยว จ.ตาก ครับ
อ.แม่เมยสามารถเที่ยวได้ตลอดปี เพราะอากาศเย็นสบายตลอดปี ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือประมาณเดือน ธ.ค.-ก.พ.
สามารถกางเต็นท์นอนได้ภายในอุทยานฯ
การเดินทางจาก กทม.-ตาก-แม่สอด ระยะทางประมาณ 500 กม. จาก อ.แม่สอด ใช้ทางหลวงหมายเลข 105 (แม่สอด-แม่สะเรียง) ถึงทางแยกแม่สลิดหลวง เลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 1267 (แม่สลิด-อมก๋อย) ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย ระยะทางรวมจาก กทม.ถึงอุทยานแห่งชาติแม่เมย 625 กม.