Marsmag.net

แกะรอย..สองล้อยุโรป : ค้นหาความเท่เหนือกาลเวลา

จักรยานยนต์ หรือ มอเตอร์ไซค์ (motorcycle หรือ motorbike) คือ ยานพาหนะสองล้อที่ใช้เครื่องยนต์หรือมอเตอร์ในการขับเคลื่อน ซึ่งการแยกประเภทนั้นมักจะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละคน อาทิ เพื่อความสะดวกสบาย, เพื่อการแข่งขัน, เพื่อการเดินทางในระยะไกล ฯลฯ

รถจักรยานยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์คันแรกของโลกถือกำเนิดขึ้นมาในโลกแห่งวิศวกรรม แต่ทว่ารูปทรงในระยะแรกยังไม่เอื้ออำนวยมากนัก ยังคงต้องอาศัยรถพ่วงเข้ามาเสริมเพื่อการทรงตัวที่ดีขึ้น จากยุคที่เริ่มผลิตมาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลากว่า 100 ปีเศษ ที่วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ก้าวเดินต่อมาด้วยแนวความคิดอันหลากหลายของวิศวกรหลายชาติและหลายประเทศ ซึ่งในแถบเอเชียของเราโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับการขนานนามในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ได้เริ่มก้าวเข้าสู่วงการในช่วงหลังของปี ค.ศ. 1950 ซึ่งยี่ห้อที่โด่งดังมาจนถึงปัจจุบันที่เรารู้จักซึ่งแน่นอนคงหนีไม่พ้น ฮอนด้า ยามาฮ่า ซูซูกิ และคาวาซากิ

ส่วนรถจักรยานยนต์จากประเทศโซนยุโรปนั้นค่อนข้างที่จะมีราคาแพงกว่าของญี่ปุ่นอยู่มาก อะไหล่หาได้ยาก แต่ก็มีผู้ที่สนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวโดยเฉพาะผู้ที่รักรถจักรยานยนต์จากยุโรปจริงๆ และต้องเป็นผู้ที่มีกำลังเงินในการซื้ออย่างมากด้วย

แต่จะด้วยประการใดก็แล้วแต่ ในเรื่องของความชื่นชอบและความรักนั้นเราบังคับกันไม่ได้ ซึ่งจะว่าไปรถจักรยานยนต์ของแต่ละโซน แต่ละทวีป หรือแต่ละสัญชาตินั้นย่อมมีเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง ซึ่งวันนี้เราขอเอาใจผู้ที่รักรถโซนยุโรปกันก่อน ซึ่งประเทศในทวีปยุโรปถือเป็นต้นกำเนิดของรถจักรยานยนต์ นับตั้งแต่การประดิษฐ์รถจักรยานยนต์คันแรกของ OTTO และการพัฒนาของทีมงาน Gottlieb Daimler และ Karl Benz ในเยอรมนี ซึ่งสามารถสร้างได้สำเร็จ แต่รถต้นแบบถูกไฟไหม้ไปพร้อมโรงงานเสียก่อน ซึ่งจากที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้วว่าวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ของยุโรปก้าวเดินต่อมาด้วยแนวความคิดอันหลากหลายของวิศวกรหลายชาติหลากหลายประเทศในทวีปยุโรป ด้วยเหตุดังกล่าวนี้เองจึงได้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่มีชื่อเสียง อย่างเช่น BMW (เยอรมัน), Vespa, Ducati (อิตาลี), Triumph (อังกฤษ) เป็นต้น

วันนี้เราเลยขอเอาใจคนรักรถมอเตอร์ไซค์ยุโรปกันก่อน เอ้า!! อย่ารอช้า ถ่างขาแล้ววางก้นลงบนอาน เดินทางไปพร้อมๆ กัน

เริ่มแรกที่ …



Ducati

บริษัท Ducati เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1926 สามพี่น้อง Ducati เริ่มต้นจากการก่อตั้งธุรกิจบริษัทอุตสาหกรรมผลิตส่วนประกอบวิทยุกระจายเสียง ก่อนที่จะหันเหมาผลิตรถจักรยานยนต์ Cucciolo ได้ถูกผลิตขึ้นและจำหน่ายเพื่อใช้เป็นองค์ประกอบในการติดตั้งจักรยานต่อมาได้ถูกพัฒนาเพื่อใช้กับรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก ทำให้ Ducati ได้รับการยอมรับ ต่อมาในปี ค.ศ. 1952 Cruiser 175 ซีซี ได้กำเนิดขึ้น ตามมาด้วย Spartan 98 ซีซี ในปี ค.ศ. 1953 และเปลี่ยนเป็น 125 ซีซี ในปี ค.ศ. 2001 Ducati ได้สูญเสีย Bruno Ducati หนึ่งในสามพี่น้องผู้ร่วมก่อตั้ง Ducati แต่ความฝันของ Ducati ยังคงดำเนินต่อไป ปัจจุบัน Ducati ยังคงเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก 

ในปี 1967 บริษัท ดูคาติ ได้ปฏิวัติเครื่องยนต์ระบบ Desmodromic ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้เฉพาะในรถแข่งเท่านั้น เครื่องยนต์ใหม่มีสองขนาด, displacements 350 และ 450 ซีซี ได้รับความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย รถของดูคาติสามารถพัฒนาเครื่องยนต์ขนาด 250 ซีซี วิ่งได้ 150 กิโลเมตร / ชั่วโมง ผู้ที่ชื่นชอบความเร็วคงถูกอกถูกใจกับรถยี่ห้อนี้เป็นอย่างมาก จากนั้นดูคาติก็เริ่มผลิตรุ่น 500 ซีซี, 750 ซีซี และยังผลิตรถรถรุ่นใหญ่ที่มีชื่อว่า Ducati 900 Super Sport (SS) ออกมาสู้กับรถที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น เป็นรถที่มีขนาดเครื่องยนต์เกิน 750 ซีซี อีกด้วย


BMW

เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1916 โดยวิศวกรเครื่องกลชาวเยอรมันสองคน คือ Carl Rapp และ Max Friz ร่วมกันก่อตั้งบริษัท Bayerische Flugzkugwerkeag สร้างเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินในเยอรมนี จากนั้นในปี ค.ศ. 1918 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อกิจการเป็น Bayerische Motoren Werkeag (BMW) กิจการขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว ต่อมาปี ค.ศ. 1923 รถจักรยานยนต์คันแรกได้กำเนิดขึ้นหลังจากสงคราม สเปน-อเมริกัน คือ BMW R32 รถจักรยานยนต์ BMW ยังคงถูกผลิตออกมาโดยเริ่มจำหน่ายออกสู่ตลาดโลก และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ BMW กันทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน


Moto Guzzi

Moto Guzzi รถจักรยานยนต์แห่งประเทศอิตาลี โดยเกิดจากวิศวกรชาวอิตาเลียนชื่อ Guiliano Carcano ในช่วงปี ค.ศ. 1955-1957 รถมอเตอร์ไซค์ MotoGuzzi V8 สามารถทำลายสถิติจากการแข่งขันรถจักรยานยนต์ในรุ่น GP และคว้าตำแหน่งชนะเลิศโดยมีความเหนือกว่าทั้งเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ และแรงม้าที่มีมากกว่ารถจักรยานยนต์จากผู้ผลิตรายอื่นได้


Triumph

Triumph มอเตอร์ไซค์ประวัติยาวนานร่วม 100 ปี เริ่มแรกผลิตออกมาใช้ในราชการสงคราม เป็นรถสัญชาติอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1883 ต่อมาในปี 1902 มีการเริ่มต้นผลิตรถจักยานยนตร์ขึ้นอย่างจริงจัง ซึ่งรุ่นแรกจะเป็นเฟรมแบบเหล็กกล้าที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 239 ซีซี และพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในปี 1906 ใช้เฟรมรถจักรยานพ่วงด้วยเครื่องยนต์ขนาด 363 ซีซี ปีต่อๆ มาก็ได้เริ่มผลิตทั้งรถแข่ง, รถที่ใช้ในงานราชการ ซึ่งในช่วงสงครามโลก Triumph ก็ได้ส่งรถเข้าไปให้หน่วยราชการใช้ด้วย จากนั้นก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันที่พัฒนาให้มีกำลังของเครื่องยนต์ในปริมาณซีซีที่มากขึ้นอีกด้วย


Vespa

เวสป้า รถมอเตอร์สกู๊ตเตอร์ เริ่มต้นผลิตในประเทศอิตาลีหลังจากที่มีการเริ่มต้นผลิตรถ Scooter ขนาดเล็กตามมาด้วยรุ่นที่มีชื่อว่า Vespa(Wasp) ในเวลาต่อมา ซึ่งรถรุ่นดังกล่าวนี้มีความก้าวหน้ามากในด้านรูปทรงและวิศวกรรม และได้กลายเป็นต้นแบบของ Vespa ไปในที่สุด ซึ่งมีการวางจำหน่ายในท้องตลาดจนถึงกลางทศวรรษ1990

scooter รุ่นแรกของ Vespa นั้นมีขนาดเครื่องยนต์เพียง 98 ซีซี ต่อมาได้มีการพัฒนาให้มีขนาด 125 ซีซี 150 ซีซี และ 200 ซีซี ตามลำดับ เอกลักษณ์ของ Vespa เดิมทีนั้นยึดระบบตัวถังแบบเหล็กชิ้นเดียวครอบตัวเครื่อง และติดตั้งระบบเกียร์ไว้ใกล้ๆ กับล้อหลังนั่นเอง

Lambretta
Lambrett มีส่วนคล้ายกับ Vespa แต่ก็ยังมีข้อแตกต่างกันอยู่โดยสิ้นเชิง ซึ่ง Lambrett ได้ความคิดมาจากยานยนต์ที่ทิ้งลงมาจากร่มชูชีพของกองทัพอังกฤษ โมเดล M (รุ่นแรก) เริ่มผลิตในช่วงปลายปี 1948 และทั้งๆ ที่มีศักยภาพที่จะผลิตได้ถึง 80 – 85 คัน / วัน แต่กลับผลิตได้จริงเพียงวันละ 70 คันเท่านั้น ทั้งนี้เพราะตลาดยังไม่ยอมรับเท่าที่ควร ถัดมาเริ่มมีการส่งออกไปจำหน่ายในอเมริกาและอาร์เจนตินาจำนวน 20,000 คัน ขณะเดียวกันทางบริษัทก็เริ่มทำการออกแบบรุ่นที่สอง (โมเดล B) ตามมา โดยมีกำหนดจะทำการผลิตจริงในปี 1949 ทั้งนี้เพื่อแก้ไขจุดอ่อนต่างๆ ของรุ่นก่อนหน้านี้ รถรุ่นที่สองนี้มีลักษณะเหมือนกับรถรุ่นแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการใช้เครื่องยนต์ชนิดเดียวกัน แต่มีการตั้งระบบกันกระเทือนทั้งหน้าและหลังเพิ่มเข้ามา เปลี่ยนจากเกียร์เท้ามาเป็นเกียร์มือ เปลี่ยนขนาดล้อจาก 7 เป็น 8 พร้อมทั้งมีการพ่นสีเมทัลลิกด้วย ในช่วงนี้บริษัทได้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นบริษัทที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Lambretta ได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ถึงปัจจุบัน

เอกลักษณ์ของ Lambretta ที่แตกต่างจาก Vespa คือผลิตโดยใช้ตัวถังแบบเปิด (openframe) ทรงหลอด และไม่มีระบบป้องกันสภาพอากาศที่ดี นอกจากนั้นก็ไม่มีระบบกันกระเทือนอีกด้วย ดังนั้นจึงต้องอาศัยยางในล้อช่วยลดการกระแทก Lambretta ยังยึดรูปแบบทรงหลอดอยู่ แต่ในบางครั้งก็มีการเปลี่ยนแปลงจากระบบขับเคลื่อนด้วยเพลาไปใช้ระบบโซ่ หรือบางทีก็ใช้ทั้งสองอย่างสลับกัน


HEINKEL

HEINKEL เกิดขึ้นระหว่างปี 1953-1964 ภายใต้การสร้างสรรค์ของวิศวกรรมชาวเยอรมันในนาม Heinkel's Factory ระหว่างปี 1953-1964 จากความที่ต้อง “เอาตัวรอด” หลังพ่ายสงคราม โรงงาน “เครื่องบิน” ในเยอรมนีก็ได้ผันตัวเองสู่ธุรกิจแขนงใหม่ตามสนธิสัญญาไลน์การผลิตอุตสาหกรรมหนักในเมือง Karlsruhe ปรับแนวทางด้วยรถต้นแบบหน้าตาแปลกประหลาดในปี 1949 ต่อมาราวปี 1953 จึงได้เปิดตัวในเชิงพาณิชย์แบบเป็นจริงเป็นจัง
ข้อมูล http://www.vrclassiccar.com