เครื่องบินโดยสารสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ MH370 ลำล่าสุดที่หายไปจากเรดาห์อย่างไร้ร่องรอย พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 คน สร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนทั่วโลก โดยออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม ค.ศ.2014 เพียงไม่กี่ชั่วโมงที่เครื่องทะยานขึ้นสู่น่านฟ้าก็ได้หายไปจากเรดาห์อย่างลึกลับ จนกลายมาเป็นคำถามของคนทั่วโลกว่า เกิดอะไรขึ้นกับเที่ยวบินนี้? และจนถึงวันนี้ (12 มีนาคม ค.ศ.2014) ความพยายามหาคำตอบพร้อมกับความหวังการรอดชีวิตของผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดยิ่งน้อยลงทุกที…
เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในประวัติศาสตร์การบิน โดยที่ผ่านมายังมีเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นกับอีก 6 เที่ยวบินที่ได้หลุดหายไปจากเรดาห์การบินอย่างลึกลับและไร้ร่องรอย จนต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะพบซากเครื่องบินและไขปมปริศนาของการหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้
1.เครื่องบินแอร์ฟรานซ์ เที่ยวบินที่ 447 (Air France Flight 447)
เครื่องบินแอร์ฟรานซ์ เที่ยวบินที่ 447 บินด้วยเครื่อง แอร์บัส เอ 330-203 เป็นเที่ยวบินที่บินจากท่าอากาศยานรีโอเดอจาเรโน ประเทศบราซิล สู่ท่าอากาศยานนานาชาติชาร์ลส์ เดอ โกลล์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่หายไปจากจอเรดาร์ขณะบินอยู่เหนือมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ.2009 โดยได้รับการยืนยันแล้วว่าผู้โดยสาร 228 ชีวิตบนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 5 วันเต็มในการกู้ภัยและค้นหาซากเครื่องบินจนพบ และในอีกสามปีต่อมาถึงตรวจพบสาเหตุของการที่ทำให้เครื่องบินตก โดยรัฐบาลฝรั่งเศส ได้ออกมาสรุปผลสาเหตุการตกของเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ 447 นี้ว่า เกิดผลึกน้ำแข็งก่อตัวในท่อของเครื่องบิน ขัดขวางการทำงานของระบบออโต้ไพลอต จนกระทั่งระบบไม่สามารถทำงานได้ ทำให้เครื่องบินทิ้งตัวลงปะทะกับพื้นน้ำของมหาสมุทรแอตแลนติก และไม่พบผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างใด
2.อะมีเลีย แอร์ฮาร์ต (Amelia Earhart)
หนึ่งในตำนานนักบินหญิงชาวอเมริกันมือหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก “อะมีเลีย แอร์ฮาร์ต” ที่ได้หายสาบสูญไปพร้อมกับเครื่องบินคู่ใจ “ลอกฮีด แอล-10อี อีเลกตรา” เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ.1937 โดยอะมีเลียได้พยายามทำสถิติในการบินรอบโลก จนกระทั่งประสบอุบัติเหตุเครื่องบินของเธอได้หายไปอย่างไรร่องรอย หลังจากนั้นทางการสหรัฐอเมริกาได้ทุ่มเงินกว่า 4 ล้านเหรียญ ในการค้นหาอะมีเลียทั้งทางน้ำและทางอากาศ ถือเป็นการค้นหาที่ราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ จนกระทั่งปี ค.ศ.1939 จึงได้พบโครงกระดูกส่วนหนึ่งของสตรีผิวขาวซึ่งมีลักษณะตรงกับอะมีเลีย และได้ประกาศเสียชีวิตอย่างเป็นทางการของนักบินหญิงแห่งประวัติศาสตร์การบินอเมริกันที่ทุกคนไม่มีวันลืม
3.สายการบินไทเกอร์เที่ยวบิน 739 (Flying Tiger Line Flight 739)
เที่ยวบินกองทัพสหัฐอเมริกา พร้อมผู้โดยสารกว่า 107 คน ได้โดยสารออกจากเกาะกวม และมุ่งหน้าไปยังประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อปี ค.ศ. 1962 แต่กลับหายไปอย่างลึกลับ โดยนักบินเองก็ไม่ได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด แม้จะมีการระดมผู้คนกว่า 1300 คนในการตามหาซากเครื่องบินลำนี้ แต่ไม่พบหลักฐานหรือเศษซากเครื่องบิน มีเพียงคำให้การของลูกเรือประเทศลิเบอเรียรายหนึ่ง ที่กล่าวว่าเห็นแสงสว่างชัดเจนบนท้องฟ้าระหว่างเที่ยวบินดังกล่าวกำลังบินอยู่ แต่คณะกรรมการการบิลพลเรือนของทางสหรัฐได้ระบุว่า “คำพูดดังกล่าวไม่สามารถระบุสาเหตุและความน่าจะเป็นในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้”
4.บริติช เซาท์ อเมริกัน แอร์เวย์ (British South American Airways)
การหายไปอย่างไร้ร่องรอยของเครื่องบินสตาร์ดัชด์พร้อมลูกเรือและผู้โดยสารรวม 11 ชีวิตของสายการบิน British South American Airways (BSAA) ต้องใช้เวลากว่า 50 ปีในการค้นหาร่องรอยรวมทั้งไขปริศนา จากการสูญหายไปในเทือกเขาแอนดี ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อปี ค.ศ.1947 โดยพบร่องรอยหลักฐานมีเพียงรหัสมอร์ส “STENDEC” ที่กัปตันส่งมา ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครรู้ความหมายของคำคำนี้ โดยประเทศอาร์เจนติน่าได้ส่งกองกำลังทหารเข้าค้นหาแทบทุกตารางนิ้วแต่กลับไม่พบแม้แต่เศษซากเครื่องบิน กลายเป็นปริศนามานานหลายสิบปี จนกระทั่งในปี ค.ศ.1998 นักปีนเขา 2 คน ได้ไปพบเศษซากของเครื่องยนต์มีตัวอักษร OLLS-ROYCE ประทับอยู่ จึงสามารถไขปริศนาได้ว่าทำไมเครื่องบินลำนี้จึงหายไปอย่างไร้ร่องรอยนั่นเป็นเพราะถูกฝังอยู่ใต้หิมะจากการพุ่งชนเทือกเขา Tupangato และหิมะถล่มลงมาทับเครื่องบินนั่นเอง
5.ฝูงบิน 19 (Flight 19)
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาสถานที่เกิดเหตุของการหายสาบสูญไปของสายการบินบริติช เซาท์ อเมริกัน แอร์เวย์ ถึง 2 ครั้ง คือในปี ค.ศ.1948 และ ค.ศ.1949 จนได้รับการขนานนามว่า “สามเหลี่ยมปีศาจ” (Devil's Triangle) โดยผู้โดยสารกว่า 51 คน ที่ได้หายสาบสูญไปพร้อมกับเครื่องบินทั้งสองเที่ยวบินนี้ และในปี ค.ศ.1945 เครื่องบินรบทิ้งระเบิด ทีบีเอ็ม เอเวนเจอร์ (Flight 19) ของกองทัพสหรัฐฯ จำนวน 5 ลำ ที่ได้ทำการซ้อมรบอยู่ในพื้นที่ดังได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย นอกจากนั้นลูกเรือที่ออกทำการค้นหา 13 นาย ก็ได้หายสาบสูญไปด้วยเช่นกัน
6.อุรุกวัย แอร์ ฟอร์ซ เที่ยวบิน 571 (Uruguayan Air Force Flight 571)
อุรุกวัย แอร์ ฟอร์ต พร้อมผู้โดยสาร 45 คน มุ่งหน้าไปยังซันติอาโกประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกบนเทือกเขาแอนดีส ในปี ค.ศ.1972 โดยสาเหตุเกิดจากสภาพอากาศที่เลวร้าย และเครื่องยนต์ขัดข้อง ใช้เวลาในการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตกว่า 72 วัน รายงานความเสียหายพบว่ามีผู้เสียชีวิตทันทีจากเหตุเครื่องบินตก 12 ราย อีก 6 รายเสียชีวิตในอีกไม่กี่วันต่อมา และอีก 8 ราย ได้จบชีวิตจากเหตุการณ์หิมะที่ถล่มลงมาทับซากเครื่องบินที่พวกเขาใช้เป็นที่พักพิง จนสุดท้ายเหลือผู้รอดชีวิตเพียง 16 ราย ที่ต้องกินเนื้อจากร่างของผู้เสียชีวิตเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง หลังจากนั้นผู้รอดชีวิต 2 คนได้ตัดสินใจออกเดินเท้าเพื่อขอความช่วยเหลือ โชคดีที่พวกเขาได้พบกับเซลล์แมนนักเดินทางชาวชีลีได้ให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งแจ้งขอความช่วยเหลือกู้ภัยเร่งด่วนไปยังทางการ เรื่องราวโศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์สะเทือนขวัญ “Alive” ในปีค.ศ.1993
ที่มา : http://time.com/20442/malaysian-military-says-missing-jet-went-wildly-off-course/