Marsmag.net

เปิดโลกดีเจสาว มิตรทางหูของค้างคาวราตรี

แค่เปิดเพลงมิกซ์เสียงอาจไม่เพียงพอ
เพราะ 'หน้าตา' 'ความเซ็กซี่' และ 'เรือนร่าง'
ดูจะเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขที่ไม่อาจปฏิเสธ
สำหรับดีเจสาวหลังแท่นมิกซ์เมโลดี้

อย่างที่หลายๆ คนพอจะรู้ทั่วกันดีว่า “อาชีพดีเจ” อาจจะยังไม่ถึงกับเป็นที่แน่นอนว่าสามารถเรียกเป็น อาชีพส่องสว่าง หรือ ได้การยอมรับ จากสังคมได้อย่างเต็มปาก เนื่องจากช่วงเวลาในการทำงานยังคงเย็นค่ำท้าราตรี และหมิ่นเหม่ต่อทัศนคติคำจำกัดความว่า “งานกลางคืน”

แต่กระนั้นในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา กลับพบว่าจำนวนผู้ประกอบอาชีพนี้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และกลายเป็นกระแสนิยมของเหล่าหมู่วัยรุ่น โดยเฉพาะสาวๆ ที่ตบเท้าเข้ามาเพิ่มสีสันและดีกรีความร้อนแรงยิ่งขึ้น….จนผู้คนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า เขาหรือเธอเหล่านั้น เป็นดีเจผู้สร้างความบันเทิงจากเสียงเพลง ตื้ดๆ (ไม่ใช่ตับๆ) จริงๆ หรือเปล่า!!

เปิด “เพลง” ที่ถูกอก
หรือเปิด “หน้าอก” ถึงถูกต้อง…

ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดกันเล่นๆ เพราะหากย้อนไปสักราว 10 กว่าปีที่ผ่าน คำจำกัดความคำว่า “ดีเจ” เอง ก็ยังถูกตีความแยกออกไปได้ 2 แง่ คือหนึ่งดีเจบนคลื่นหน้าปัดวิทยุ และสอง ดีเจในคลับตามผับสถานบันเทิงยามราตรี เรื่อง “เปิดอก” หรือ “เปิดเพลง” เพื่อเป็นสิ่งดึงดูดผู้ฟัง ก็ไม่ต่างไปจากนั้น…
 
หลักการเป็นดีเจ ยังไงก็ยืนพื้นว่าใช้เพลงเอนเตอร์เทนคนฟัง เปิดเพลงโดนใจลูกค้า เอาลูกค้าอยู่“จูน-จิณปภาณ ปรีดานนท์” เจ้าของฉายา “ร็อกซี่จูน” ดีเจสาวเบอร์ต้นๆ ของวงการเลดี้ดีเจแสดงความคิดเห็น
 
“เอาเรื่องฝีมือให้มันคงที่่ แล้วเรื่องความสวยหน้าตามาเป็นอันดับรอง ความเซ็กซี่ไม่มีความจำเป็นเท่าไหร่ แค่ว่าเราแต่งตัวดี บุคลิกดี หน้าตา ผมเผ้า แต่งหน้าแต่งตาให้มันดูดีก็พอค่ะ

“ถึงแม้ว่าเสน่ห์ความเซ็กซี่มันเป็นส่วนที่ดึงดูดลูกค้าก็จริง แต่มันมากเกินความพอดีก็ทำให้ภาพลักษณ์ของวงการดีเจผู้หญิงดูเสื่อม กลายเป็นว่าเหมือนผู้หญิงที่ทำงานบาร์แล้วก็มาเปิดเพลง ไม่ใช่เป็นดีเจจริงๆ

“สมมติเราแต่งตัวแบบนั้น เราใส่บิกินีมาเปิดเพลง เราอาจจะไม่ได้ถูกมองเป็นดีเจด้วยซ้ำ ส่วนมากคนจะเดาเป็นไปในทางไม่ดีเป็นอันดับแรกเลย”

“คือคนเป็นดีเจ เป็นมืออาชีพจริงๆ เขาจะไม่แต่งตัวแบบนั้น เขาจะขายฝีมือ” ร็อกซี่จูนเผย

ขณะเดียวกัน “ลูกปลา-จามจุรี แจ้งสวน” หรือ “ดีเจลูกปลา” นางแบบสาวเซ็กซี่มากความสามารถที่ผันตัวเองมาเป็นอาร์ทิสต์ดีเจ (ดีเจที่มีเพลงเป็นของตัวเอง) เพราะหลงใหลในเสียงดนตรีกว่า 2 ปีแล้ว จนมีชื่อเสียงและผลงานมากมาย ก็ให้ความเห็นหลักการเป็นดีเจไปในทิศทางเดียวกันว่า “หน้าที่หลักของดีเจ” คือให้ความสนุกสนานแก่ลูกค้า

แต่เรื่องของความเซ็กซี่ที่เพิ่มลงไปในเนื้องานก็ว่าสำคัญไม่น้อยในมุมหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดแปลกหรือเสียหายตรงไหน ซ้ำยังเป็นการเพิ่มหรือพัฒนาทั้งตัวดีเจเองแล้วก็วงการ

“คือเหมือนกับว่าหน้าที่จริงๆ ของดีเจตอนนี้ ไม่ใช่ว่าเปิดแผ่นอย่างเดียวเพื่อให้ลูกค้าพึ่งพอใจ แต่เราต้องมีลักษณะการแสดงออกที่ดี อัธยาศัยดี พูดจาดี เฟรนด์ลี รวมๆ กันด้วย”

“อย่างเรื่องของความเซ็กซี่ก็ถือว่าเป็นจุดดึงดูดลูกค้าไม่น้อย เพราะต้องยอมรับว่าตัวดีเจเองก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ทำให้ร้านดูดี ซึ่งเรื่องนี้ลูกปลามองว่ามันเป็นการพัฒนาของคลับร้าน แล้วก็ตัวดีเจ

ถ้าเราอยากจะเพิ่มมูลค่าของตัวเรา เราก็ต้องมีอย่างอื่นผสมลงไปด้วย” ดีเจลูกปลา กล่าวเสริม

“แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องความสามารถก็ต้องได้ระดับมาตรฐาน ไม่ใช่เซ็กซี่อย่างเดียวแล้วเปิดเพลงไม่ได้เลย อันนี้ก็สมควรที่แบบว่าลูกค้าไม่จ้าง หรือสมควรโดนคนอื่นเขาว่า แต่ถ้าเกิดเราเซ็กซี่ด้วย แล้วเราสามารถเปิดเพลงได้ระดับมาตรฐานด้วย การเพิ่มสีสันความเซ็กซี่มันก็โอเค”

“ก็เหมือนพริตตี้อ่ะค่ะ ถ้าเกิดคนนี้มีความสามารถมาก แต่ไม่ได้สวยมากก็อาจจะได้งาน แต่ว่ามูลค่าของตัวเขาอาจจะไม่ได้มากเท่ากับพริตตี้ที่สวยมากแล้วก็มีความสามารถ มันก็เหมือนกันทุกอาชีพเลย คล้ายๆ กัน”

เพลงคือหน้าที่
ความเซ็กซี่คือของแถม…(ทางเลือก)

ว่ากันว่าสมัยนี้ “เก่งด้านเดียว” หรือ “ชำนาญทางสายเดียว” อาจไม่เพียงพอเสียแล้ว ดูเหมือนว่าทุกอย่างต้องมีการเพิ่มเสริมแต่ง มีทางเลือก เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย และ “เลดี้ดีเจ” เองก็ดูเหมือนจะหนีจุดนี้ไม่พ้น…

“เรื่องนี้อยู่ที่ผู้ว่าจ้างมากกว่าค่ะ ว่าต้องการแบบไหน คือถ้าไม่มีดีมานด์ ก็ไม่มีซัปพลาย” ดีเจลูกปลาเผย พร้อมยกตัวอย่างอธิบายให้ฟังว่า “อย่างเช่นร้านที่เน้นกลุ่มลูกค้าผู้ชาย เขาก็เลือกใช้ดีเจผู้หญิงเป็นหลัก แล้วก็ขึ้นอยู่กับคอนเซ็ปต์ร้านอีกว่า ต้องการคอนเซ็ปต์ไหน ถ้าต้องการเซ็กซี่เขาก็จะเลือกดีเจที่มีลุคเซ็กซี่ ถ้าเขาต้องการน่ารักเขาก็จะเลือกดีเจที่มีลุคน่ารัก ดูสดใส หรือถ้าต้องการคนที่เก่งๆ มีฝีมือ ดีเจตรงนั้นก็รับไป คือมันคนละกลุ่มคนละเป้าหมาย”

“ถ้าถามว่าคิดอย่างไรกับเรื่องตรงนี้ ลูกปลาไม่ซีเรียสเราเข้าใจว่าทางร้านเขาต้องการดึงดูดลูกค้า ถ้าเราเลือกจะรับงานเราก็ต้องดูลิมิตตัวเองว่าเรารับได้ประมาณไหน เพราะแต่ละคนก็มีลิมิตไม่เท่ากัน

แต่ถ้าเราอยู่กลางๆ ได้ เราสามารถปรับตัวตามรูปแบบลักษณะงานได้ ไปที่โน่นที่นี่ได้ ก็จะดีกับตัวเรา ทำให้เราได้งานที่หลากหลายรูปแบบ ใครปรับตัวได้เยอะก็มีงานเยอะ ใครปรับตัวได้น้อยก็งานน้อยตาม

เช่นเดียวกับที่ดีเจสาวร็อกซี่จูน กล่าวยอมรับว่า ถ้ารู้จักปรับในปริมาณที่พอเหมาะพอควรก็เป็นสิ่งที่ดี

ถ้ารู้จักควบคุมความเซ็กซี่ให้อยู่ในปริมาณที่พอดี กับบ้านเมืองก็โอเค เพราะบ้านเรายังไม่เปิดกว้าง คือถ้าเราเอาจุดนั้นมาขายมากเกิน ภาพลักษณ์เราจะดูพลิกไปเลย

“ดังนั้นเราควรจะทำอะไรที่ให้มันเป็นไปในแนวทางเดียวกันให้มันถูกต้องดีกว่า” สาวจูนย้ำ

“คืออยากให้มองถึงส่วนรวมของวงการด้วย เพราะเรื่องรายได้ที่สูง ณ ตอนนี้ มันกลายเป็นแรงดึงดูดให้ผู้หญิงทุกอาชีพสนใจอยากทำอาชีพนี้เสริม ซึ่งเขาเหล่านั้นอาจจะมีแรงจูงใจให้กล้าโชว์มากกว่าคนที่เป็นดีเจตั้งแต่แรกเริ่มเพราะใจรัก ซึ่งมันก็ปฏิเสธไม่ได้

“แต่จริงๆ ถ้าดีเจทุกคนไปในทิศทางเดียวกัน ทางร้านก็จะไม่สามารถมาเปลี่ยนอะไรได้ นอกจากตัวดีเจเองต้องการที่จะขายตรงนั้น”

ขณะที่ฟากของผู้ฝึกสอนอย่าง “เอ-อิทธิพลธนินทร์ เดชฤกษ์ปาน” อดีตศิลปินนักร้องค่ายอาร์เอส ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าของสถาบัน “Vitamin Academy” โรงเรียนคลับดีเจอันดับ 1 ของประเทศไทยที่เปิดสอนดีเจอย่างเป็นรูปแบบ ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า

มันเป็นผลพลอยได้ของตัวดีเจเอง เรื่องความเซ็กซี่เป็นสิ่งที่เป็นรูปติดตัวของแต่ละคน เราไม่สามารถไปทำให้คนที่มีรูปร่างไม่เซ็กซี่ให้เซ็กซี่ได้ แล้วพอคนที่เซ็กซี่อยู่เป็นทุนเดิมมาเป็นดีเจ ก็ถูกจับตาว่าใช้ความเซ็กซี่นำความสามารถ คนก็มองว่าไม่ดี มองว่าขายตัวแน่ๆ

ซึ่งมันเป็นความคิดส่วนบุคคลในการจะมองคน แต่ผมคิดว่าถ้าจะมองเรื่องนี้ว่าเสื่อม เราควรใส่ใจเรื่องมารยาท คำพูดคำจา หรือเรื่องยาเสพติด พวกนี้จะทำให้ดีเจเสื่อมซะมากกว่า อดีตศิลปินขาแดนซ์กล่าว

อีกอย่างหนึ่งสถาบันเรามีสังกัด มีการดูแลดีเจเหมือนเป็นศิลปินดาราคนหนึ่ง ยกตัวอย่างถ้าลูกค้าต้องการจัดงานปาร์ตี้ ชื่อ บิกินีปาร์ตี้ แล้วเราต้องตอบโจทย์ลูกค้าเป็นบิกินี เราก็ไม่ให้ดีเจไปเดินเรี่ยราด เราจะมีชุดคลุม บิกินีไว้ใช้สำหรับแสดงโชว์บนเวทีเท่านั้น หรืออย่างไปโชว์เมืองนอก เราก็มีผู้ติดตามหรือผู้จัดการไปดูแล

“คือเราทำงานที่ข้องเกี่ยวกับแห่งอโคจร เราต้องไม่ให้คนมองดีเจเราว่าง่าย ไม่มีทางเลย”

สรุปความคุ้มค่า
สาวเลดี้เซ็กซี่ดีเจ

ถึงบรรทัดนี้เชื่อว่าใครหลายๆ คนอาจคิดว่ามีแต่คุ้มกับคุ้ม เพราะเพียงไม่กี่โมงยามรายได้เรือนหมื่นเรือนแสนก็อาจมาเยื่อนถึงเครื่องสแครตช์ โดยไม่มีอะไรเสียมิแต่น้อย ทำอย่างกับว่า “เห็น” แล้วก็เอาไปไม่ได้

“จริงๆ แล้วตรงนี้มันก็เป็นแค่ส่วนน้อย มีไม่เกิน 10% ของวงการ และโอกาสได้งานตรงนี้มีแค่ 1% ไม่ใช่ทั้งหมดของวงการ เพราะส่วนมากที่ขายเซ็กซี่อย่างเดียว เขาก็จ้างครั้งเดียว เหมือนเอามาเป็นสีสันเล็กๆ น้อยๆ เรียกลูกค้ามากกว่า” ดีเจจูนเผย

“อีกอย่างแม้รายได้ต่อครั้งเป็นหลักหมื่นก็จริง แต่ว่าชื่อเสียงมันไม่ได้ไปในทางที่ดี สำหรับจูนคิดว่า คนที่เริ่มจากตั้งใจมาเรียนอย่างแท้จริงไม่คิดว่าคุ้มที่จะแลกกับตรงนี้ แต่ถ้าคนที่มาจากเห็นรายได้ดี แค่โชว์นิดๆ หน่อยๆ เขาก็คงคิดว่าของเขาคุ้ม”

“มันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน” ดีเจสาวย้อนถาม

“ถ้าเราแต่งตัวดี คนอื่นเขาก็ไม่คิด เพราะถ้าเรากล้าใส่แบบนั้นจะห้ามไม่ให้คนคิดหรือจ้องทำมิดีมิร้ายได้อย่างไร

“จูนเชื่อว่าดีเจดีๆ หลายๆ คนเขาปฏิเสธ จูนว่ามันเป็นค่านิยมที่ผิด จูนว่าทุกคนแยกแยะออกว่า อะไรถูก อะไรไม่ถูก”

อยากให้มองว่าดีเจคือดีเจ ให้คนติดตามเรื่องเพลง ไม่ใช่อย่างอื่น ถ้าขายตรงนั้นแยกไปทำอย่างอื่นให้คนติดตามตรงส่วนภาพ แยกแยะกันไปเลย
ส่วนดีเจลูกปลามองเห็นต่างออกไปว่า “คุ้ม” ในกรณีที่ดีเจที่มีสังกัดคอยดูแลเรื่องความปลอดภัย

“อันนี้มันขึ้นอยู่กับตัวบุคคล แล้วก็ตัวสังกัดดีเจที่รับงาน อย่างของลูกปลามีคนดูแล มีสังกัด มีคนคอยซัปพอร์ต เวลาไปเล่นคอนเสิร์ต งานอีเวนต์ มีคนคอยดูงาน รับงานให้เรา กั้นคนให้เรา ก็ถือว่าคุ้มไม่เสี่ยงในเรื่องที่จะเกิดอันตราย

“ส่วนเรื่องคนมองว่าไม่ดีเรื่องนี้ลูกปลามองว่าสถานที่ที่เราไปทำงานมันเป็นสถานที่อโคจรอยู่แล้ว คนเขาก็ต้องคิดอย่างนั้นเป็นธรรมดา

แม้ว่าเราจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสีย แต่งานกลางคืนมันเป็นงานส่วนน้อยของคนปกติ ก็เข้าใจ มันขึ้นอยู่กับโลก โลกหมุนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถ้าเขายอมรับได้ เขาได้เข้ามาดูเอง เขาก็จะเข้าใจอาชีพเรา






เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพประกอบเฟซบุ๊ก: DjRoxy Junec, จามจุรี แจ้งสวน