Marsmag.net

ย้อนรอยไวรัสสยองโลก หายนะแห่งมนุษยชาติ

มหันตภัยจากอีโบล่าที่กำลังแพร่ระบาดในทวีปแอฟริกา ณ ขณะนี้ นอกจากจะสร้างความวิตกอกสั่นขวัญผวาให้กับคนทั่วโลก เนื่องจากการขยายตัวของมันแล้ว อีโบล่ายังสร้างความน่ากลัวแบบ “เงียบๆ แต่แฝงพิษสง” ให้น่ากลัวเล่นๆ ก็แค่มีไข้ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อและศีรษะ ก่อนที่จะมีอาการคลื่นไส้และท้องร่วง แถมผู้ป่วยบางรายมีเลือดออก และสามารถเผยแพร่ได้จาก ‘คนสู่คน’ ด้วยการมีเพศสัมพันธ์

หลายคนที่ติดตามข่าวด้านสุขภาพมาเป็นระยะๆ ก็เคยผ่านการได้ยินโรคชื่อประหลาดแต่ “แฝงพิษสง” มาก็เยอะ ไม่ว่าจะเป็น โรควัวบ้า โรคซาร์ส โรคไข้หวัดนก 2009 ซึ่งก็สร้างความสะพรึงให้ระทึกโสตประสาท และก็ผ่านมันได้ให้สยองกันเล่นๆ ทุกที
แต่เดี๋ยวก่อน บางคนอาจจะไม่รู้ว่า ในประวัติศาสตร์ภัยพิบัติทางการแพทย์นั้น มีการระบาดของโรคต่างๆ ที่คร่าชีวิตคนได้เป็นล้านๆ ภายในเวลาอันสั้น
โรคติดต่อจากสงคราม Peloponnesian

เหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์แรกสุดของการบันทึกโรคระบาดร้ายแรง โดยเกิดขึ้นในช่วง 430 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยเกิดมาจากสงครามระหว่างเอเธนส์ กับสปาร์ต้า ซึ่งคร่าชีวิตชาวเอเธนส์ไปราว 30,000 คน (เทียบเท่ากับประชากรทั้งอาณาจักรถึงสองในสาม ณ ขณะนั้น)
ทั้งนี้ มีการบรรยายถึงโรคดังกล่าวว่าในตอนแรก ประชาชนก็มีสุขภาพดีตามปกติ แต่จู่ๆ เริ่มมีอาการที่ศีรษะ ตาแดง แถมยังมีที่ลิ้น เลือดออกจากปาก และส่งกลิ่นเหม็น ส่วนบริเวณร่างกายก็มีแผลพุพอง ซึ่งถึงแม้จะมีบางส่วนที่รอดมาได้ แต่ก็ต้องสูญเสียนิ้วมือ ดวงตา และ อวัยวะเพศไปเช่นกัน
โรคอันโตไนน์ (Antonine)

จากเชื้อโรคที่ติดมาจากทหารหลังจากสงครามในอาณาจักรเมโสโปเตเมีย สามารถทำให้ระบาดไปได้กว้างไกลทั้งอาณาจักรโรมัน โดยการสันนิษฐานจาก Galen นายแพทย์ชาวกรีก โรคนี้ซึ่งเกิดขึ้นช่วงปี ค.ศ.165 และตั้งตามชื่อของ Marcus Aurelius Antonines หนึ่งในสองจักรพรรดิที่เสียชีวิตจากโรคนี้
สำหรับอาการของโรคนั้น มักจะมีไข้ ท้องร่วง และเกิดอาการอักเสบ แถมบางคนยังมีอาการผิวแห้ง และมีหนองตามตัว ซึ่งโรคอันโตไนน์นี้ทำให้ชาวกรุงโรมเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 5,000 คน แค่ในระยะเวลา 15 ปี (ค.ศ.165 ถึง 180) ก็สามารถทำให้คนตายไปได้ถึง 5 ล้านคน
โรคระบาดจัสติเนียน

โรคระบาดในช่วงยุคกลาง ที่เกิดขึ้นในจักรวรรดิไบแซนไทน์ ระหว่าง ค.ศ.541 ถึง ค.ศ. 750 ซึ่งการระบาดของโรคนี้มาจากเชื้อ Yersinia Pestis ซึ่งจุดที่มีผู้ตายมากที่สุดอยู่ที่ ฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
โดยคร่าชีวิตผู้คนไปเฉลี่ย 10,000 ราย ต่อวัน และยอดรวมของผู้เสียชีวิตทั่วโลก อยู่ที่ 25 ล้านคน จนถึงขนาดที่ว่า ภาพของศพผู้เสียชีวิตนั้น นำมากองรวมกันเป็นพะเนินเทินทกกันเลยทีเดียว ซึ่งโรคนี้นี่เองเป็นจุดกำเนิดของโรค “กาฬมรณะ” ในช่วงศตวรรษที่ 14
กาฬมรณะ

นี่คือโรคระบาดที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ เพราะด้วยเชื้อ Yersinia Pestis (ซึ่งเป็นตัวเดียวกับโรคระบาดจัสติเนี่ยน) ที่เผยแพร่มาจากสัตว์จำพวกหนู ทำให้คนตายเป็นจำนวนมาก สร้างความปั่นป่วนทั้งการเกิดกลียุคหลายด้าน ทางศาสนา สังคม และเศรษฐกิจมากมาย
โรคกาฬมรณะ หรือ Black Death คาดว่าน่าจะมาจากจีนหรือเอเชียกลาง และแพร่มาตามเส้นทางสายไหมลามมาจนไครเมียในปี ค.ศ.1346 ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายได้พรากชีวิตผู้คนไปราว 75 ถึง 200 ล้านคน จากระยะเวลาแค่ 2 ปี (ค.ศ.1348-1350)
ไข้หวัดสเปน

หลังจากควันไฟสงครามโลกครั้งที่ 1 ดับลงในปี ค.ศ.1918 ภัยร้ายของโรคระบาดก็เกิดขึ้นทันที เมื่อมี “โรคไข้หวัดสเปน” หรือ Spanish Flu ได้ถือกำเนิดขึ้นหลังจากนั้น ซึ่งโรคดังกล่าวเกิดมาจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิดย่อย H1N1 ซึ่งถือกำเนิดจากแคมป์ทหารชั่วคราวในเมือง Kansas ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก็สามารถแพร่กระจายไปได้ทั่วโลกในเวลาไม่นาน
ความร้ายแรงของโรคนี้ทำให้ประชากรหายไปจากโลกกว่า 50 ล้านคน (มากกว่ายอดผู้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 เสียอีก) ซึ่งในสหรัฐอเมริกาประเทศเดียว ก็ปาไปที่ 500,000 รายแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
5 มัจจุราช โรคระบาดในโลกภาพยนตร์
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
อัปเดตหลากหลายเรื่องราวข่าวสาร สาระบันเทิงได้ที่แฟนเพจ mars magazine