“โมค่อนข้างจะเคร่งศาสนามากในช่วงหลังๆ เพราะว่าโมห่างหายจากศาสนาไปนานมาก 29 ปีเห็นจะได้ คือเกิดมาเป็นคริสเตียนนะ แต่ว่าเป็นลูกแกะที่หลงหายไป 29 ปี”
นี่คือบางช่วงบางตอนที่ ‘แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์’ ได้พูดคุยกับ mars ครั้งล่าสุดเมื่อเธอมาเป็นแบบถ่ายปกฉบับเดือนมกราคม 2559 ซึ่งช่วงเวลานั้นมรสุมชีวิตเพิ่งสร่างซาไปหมาดๆ กับเรื่องราวความรักที่เกือบนำพาชีวิตให้ดับสูญ แต่เมื่อค่อยๆ ลุกขึ้นมาได้ แตงโมก็ประกอบเศษเสี้ยวหัวใจที่แตกร้าวขึ้นมาใหม่และให้ศาสนาเป็นเครื่องนำทาง
“บางคนกำลังอยากตายอย่างที่โมเคยเป็น โมจะเฉลยว่าคนที่อยากตายแล้วไม่ได้ตายแต่ต้องฟื้นมาเจอกับความจริงที่ถาโถมเข้ามา หลังจากมรสุมคำประณามผ่านไปแล้วเราจะได้รู้สึกเลยว่าโคตรโชคดีที่ไม่ตาย เราจะรู้สึกเลยว่าชีวิตมันดี มันมีค่า มันอยากจะเริ่มทำอะไรดีๆ เพื่อตัวเองมากขึ้น”
นั่นจึงเหมือนเข็มทิศและนำพามาสู่ข่าวที่ว่า แตงโมประกาศหยุดถ่ายภาพเซ็กซี่เพื่อเตรียมตัวเป็นแม่ที่ดีของลูกบุญธรรม และผ่าหน้าอกเพื่อเอาซิลิโคนออกด้วยเหตุผลที่ว่าหมดความจำเป็น
จะว่าไปแล้ว มรสุมครั้งนั้นที่ฟาดเหวี่ยงมาในชีวิตของแตงโม ไม่ใช่แค่จะเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับตัวเธอเองเท่านั้น แต่ท้ายสุดหากเรานั่งมองกันดีๆ โดยกันอคติเอาไว้ข้างๆ จะได้เห็นว่าไทม์ไลน์ชีวิตคนเราที่ทะยานขึ้นสูงสุดสู่ความสุขสมนั้นก็มีโอกาสที่จะพลัดหล่นสู่ห้วงลึกแห่งความร้าวรานได้เหมือนๆ กัน เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ในฐานะใดเราก็ยังยืนเสมอกันในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีก้อนเนื้อเต้นเร่าๆ อยู่ที่อกด้านซ้ายเช่นกัน
“มนุษย์ต้องแพ้ ไม่แพ้ก็ไม่โต เป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะชนะตลอดเวลา เราต้องล้มต้องเรียนรู้ก่อน แพ้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี เมื่อเรารู้หนึ่งเราก็เป็นตัวอย่างให้คนอื่นอีกสอง มีแต่ดีกับดีนะ แล้วถ้าอยู่กับความพ่ายแพ้ได้เราจะรู้จักถ่อมตัว ไม่กร่าง”
ชีวิตใหม่กว่าปีที่ผ่านมาของแตงโม น่าจะเสมือนคำเอื้อนเอ่ยกับผู้ที่กำลังท้อแท้ได้เป็นอย่างดีว่า “ทุกคนล้มได้เสมอ แต่อย่าลืมว่าเราก็สามารถลุกขึ้นสู้ใหม่ได้เช่นกัน”
เรื่อง : PAN
ภาพ : Luckana Virunanon