Marsmag.net

เปิดโลกโอตะกับ ‘แฟนรุ่นลุงของ BNK48’


หลายๆ คนคงรู้จักกลุ่มไอดอลสาวที่กำลังกุมหัวใจเหล่าโอตะไทยอยู่ในตอนนี้อย่าง BNK48 เป็นอย่างดีแล้ว ซึ่งความน่ารักสดใสของพวกเธอได้ก่อให้เกิดกลุ่มแฟนคลับขึ้นมากมาย แต่หนึ่งกลุ่มที่ฮอตไม่แพ้สาวๆ ด้วยยอดไลก์เพจกว่า 100,000 ไลก์ก็คือ ‘แฟนรุ่นลุงของ BNK48’ แฟนเพจที่มาพร้อมคลิปยิงมุก (เสี่ยวบ้างฮาบ้าง) ใส่น้องๆ ที่ตู้ปลา จนบรรดาโอตะต้องคอยติดตามกันอย่างเหนียวแน่น นอกจากความฮาปนสาระในเพจแล้ว วันนี้ mars ได้ชวนตัวแทนแอดมินมานั่งคุยกันกับ ‘ลุงยาม ลุงที ลุงดัน และลุงเทปัน’ ถึงเรื่องราวของเหล่าโอตะ และคำถามอีกมากมายที่เกี่ยวกับ BNK48 ส่วนคำตอบจะเป็นอย่างไร …ลองให้คุกกี้ทำนายกัน

ลุงๆ ทุกคนรู้จักกันมาก่อนไหม หรือเพิ่งมารวมตัวกันจากการตาม BNK48

ลุงดัน : ก็รู้จักกันมานานพอสมควร จากการเริ่มทำเพจแฟนคลับวงเกาหลี…

ลุงเทปัน : ตอนนั้นเฟซบุ๊กเพิ่งบูมใหม่ๆ ตอนที่ตามวง Girls' Generation พอสนิทก็เลยแอดเฟซบุ๊กมาคุยกัน ต่อมาเราเริ่มรู้สึกว่าไม่ได้ชอบวงนี้วงเดียวแล้ว เราชอบวงเกาหลีอื่นๆ อีกหลายวง เลยรวมตัวกันทำเพจสำหรับหลายๆ วงขึ้นมา

ลุงดัน : คือแต่ก่อนเพจวงเกาหลีมักจะแยกเพจกัน หนึ่งวงหนึ่งเพจ แต่ของพวกผมเหมือนเป็นเพจแรกๆ ที่รวมหลายวง ไม่ได้แยกว่าต้องเป็นของวงใดวงหนึ่ง ชอบวงไหนก็ตามได้หมด จากนั้นเราก็กระจายสาขา จากจุดเริ่มในการตามไอดอลทางเกาหลี พอมีไอดอลไทยแท้เราก็เลยมาลองทำกันบ้าง ก็รู้จักกันมา 5-6 ปีแล้วครับ

ทำไมต้อง ‘แฟนรุ่นลุง’

ลุงดัน : ตอนแรกที่เรารู้ว่าจะมี BNK48 เข้ามาในไทยเมื่อต้นปี 2017 แอดมินในเพจแฟนคลับวงเกาหลีของเราคนหนึ่งที่อายุเยอะที่สุด เขาก็พูดเล่นๆ ว่า “เฮ้ย! ถ้าอย่างนั้นกูก็เป็นแฟนรุ่นลุงเลยดิวะ” คำนี้เลย เราก็ชอบแล้วดึงมาเป็นกิมมิกของเพจ ‘แฟนรุ่นลุงของ BNK48’ ครับ

แล้วคนอื่นๆ เป็น ‘รุ่นลุง’ ด้วยหรือเปล่า

ลุงดัน : กลุ่มแอดมินเราอายุมากสุดคือ 40 กว่าๆ น้อยสุดประมาณ 20 ต้นๆ ดังนั้นแฟนรุ่นลุงก็ใช่ว่าจะเป็นรุ่นลุงกันทุกคนนะครับ เราไม่ได้คัดที่อายุ แต่คัดที่ความเข้ากันได้มากกว่า

เห็นชื่อแอดมินผลัดกันมาโพสต์เยอะมาก จริงๆ แล้วทางเพจมีแอดมินกี่คน

ลุงยาม : ตอนนี้เราก็มีทีมแอดมินอยู่ประมาณ 20 กว่าคนแล้วครับ คือเวลาเจอเพื่อนใหม่ๆ เราก็คุยกันแล้วดูคนที่อัธยาศัยเข้ากับเรา เพราะเวลาเราไปตามน้องๆ เราก็จะเจอคนประเภทเดียวกัน เราเลยชวนมาทำเพจ มีทั้งตากล้องแล้วก็คนที่มาดูเฉยๆ แล้วก็เพื่อนเก่าๆ สมัยตามวงเกาหลีด้วยครับ

ลุงดัน : พอเข้ามาแล้วก็ไม่อนุญาตให้ถอนตัวแล้วครับ!!

หนึ่งปีกับหนึ่งแสนไลก์ คิดว่าอะไรคือจุดแข็งที่ทำให้เพจมาไกลขนาดนี้

ลุงยาม : โอ้โห… ความหน้าด้านครับ! (หัวเราะ) จากใจเลย คือจะมีใครกล้าไปเล่นมุกเสี่ยวๆ ตามงานขนาดนี้บ้าง

แล้วจุดเริ่มต้นของการยิงมุกที่ตู้ปลา จนกลายมาเป็นจุดเด่นของเพจมาจากไหน

ลุงที : ตอนแรกเลยเราไม่รู้ว่าน้องๆ ที่นั่งอยู่ในตู้ปลาจะได้ยินสิ่งที่เราพูดจากข้างนอก ตอนนั้นเราก็เรียกน้องแล้วน้องหันมา เราก็ เฮ้ย! น้องได้ยินด้วยเหรอ หลังจากนั้นเราก็เริ่มๆ ชวนน้องคุยบ้าง ถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไป จนวันหนึ่งก็มีคนไปแซวไปเล่นมุกกับ ‘เนย’ ว่า “น่ารักจัง” แล้วเนยตอบมาว่า “บ้า!” ซึ่งเราดูคลิปกันแล้วรู้สึกว่า น่ารักไม่ไหวแล้ว จนอยากให้คนอื่นเห็นบ้าง เพราะช่วงนั้นเนยยังไม่ค่อยดัง ยังเงียบๆ อยู่ ก็เลยอยากให้คนอื่นเห็นเนยในมุมนี้ เราก็คิดกันอยู่พักใหญ่ๆ ว่าจะลงคลิปนี้ดีไหม แล้วมันจะมีผลดีผลเสียอะไรยังไงบ้าง จนสุดท้ายก็เลือกที่จะลง ปรากฏว่ากระแสตอบรับดีมาก มีคนมาถามหาคลิปอื่นๆ อีก เราเลยเห็นว่ามันโอเค ก็เริ่มทำคลิปไปยิงมุกกับน้องๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา



มุกที่จะใช้เล่นกับน้องๆ มีการวางแผนหรือคัดกรองก่อนไหม

ลุงยาม : เราคุยกันหนักมากว่าจะเล่นมุกอะไรกับน้องคนไหน อย่างมุกหยาบคายนี่จะไม่มีเลย ไม่กล้าเล่นเลย
ลุงเทปัน : เพราะว่าน้องในวงก็มีหลายช่วงอายุ ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น ยี่สิบกว่าๆ คือถ้าน้องๆ ที่ต่ำกว่า 15 เราก็ไม่เล่นมุกจีบสาว ก็จะคุยๆ กันเน้นเฮฮาเฉยๆ แต่อย่างน้องวัยยี่สิบกว่าๆ ก็จะฟรีสไตล์และค่อนข้างเปิดกว้างมากกว่า ต้องทำการบ้านเยอะมาก

คนทั่วไปคิดว่าการเป็นแฟนคลับ BNK48 ต้องมี ‘เงิน’ สำหรับพวกคุณมันเป็นแบบนั้นไหม

ลุงดัน : เอาจริงๆ ผมว่าอันดับแรกคือต้องมีใจให้กับน้องก่อน ทุกคนที่เข้ามาเป็นแฟนคลับก็ต้องเริ่มจากการชื่นชอบ แค่นั้นเอง ไม่จำเป็นว่าคุณต้องมาสนับสนุนด้วยเงิน ขอแค่คุณดูเอ็มวีของน้อง แชร์วิดีโอ แชร์คลิป มันก็เป็นการสนับสนุนน้องๆ ในทางหนึ่งแล้ว หรือถ้าคุณโตขึ้นมาหน่อย คุณพอมีเงิน คุณก็อาจสนับสนุนด้วยการซื้อของ ซื้อซิงเกิลอะไรต่างๆ แต่ยังไงต้องเริ่มต้นที่การชอบก่อน
ลุงที : เรื่องการใช้เงินสนับสนุนก็เอาเท่าที่ไหวดีกว่า ซึ่งน้องหลายๆ คนเคยพูดว่า ไม่ต้องซื้อของให้ก็ได้ แค่มาหาตามงาน มาส่งเสียงเชียร์ก็พอแล้ว ตราบใดที่คุณไม่ได้ทำให้ตัวเองเดือดร้อนและไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน มันก็โอเคแล้ว

BNK48 คือสินค้าหรือเปล่า?

ลุงที : จริงๆ โมเดลของ BNK48 ก็คือการเยียวยารูปแบบหนึ่งที่หลายคนรับได้ น้องเป็นผู้หญิงก็อาจจะดึงดูดแฟนคลับผู้ชาย มีการขายสินค้า ส่วนการทำของสนับสนุน หรืออย่างงานจับมือ ถ้าใครเคยไปจะรู้ว่ามันทำให้ศิลปินไอดอลมาเจอกับแฟนคลับ มันคือการได้แลกเปลี่ยนเรื่องราว แลกเปลี่ยนพลังงานที่เป็นพลังบวกให้แก่กัน แฟนคลับหลายๆ คนก็ได้รับพลังงานดีๆ จากน้องๆ ถ้าเคยดูรายการหลายๆ รายการจะเห็นว่ามีคนมากมายที่เคยรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว แต่อยู่ดีๆ มีน้องๆ กลุ่มหนึ่งขึ้นมาในประเทศนี้ เขาก็ได้เห็นและมีกำลังใจมากขึ้น

เสน่ห์ของ BNK48 ที่ทำให้คุณติดตามพวกเธอตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้

ลุงยาม : จริงๆ แล้วคนเรามักจะมีที่พักใจสักที่หนึ่ง ซึ่งสำหรับพวกเรา BNK48 ก็เป็นที่พักใจนั้นครับ

ลุงที : ส่วนผม ผมเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่เขามีพัฒนาการทุกครั้งที่ออกมาแสดง บางคนร้องเพลงปุ๊บร้องไห้ปั๊บ แต่เขาก็พยายามจนติดตัวหลักได้ พอเราเห็นผลลัพธ์แล้วเราก็รู้ว่าน้องมีการเตรียมตัว น้องต้องกลับไปซ้อม ไปข้ามกำแพงของตัวเอง ไม่ใช่กลับบ้านนอนเฉยๆ แน่นอน จุดนี้แหละที่ทำให้หลายคนประทับใจนอกเหนือจากหน้าตา

ลุงดัน : คล้ายๆ กันครับ คือน้องๆ ทำให้เรามีเป้าหมาย เด็กบางคนไม่มีพื้นฐานทั้งการร้องการเต้น แต่ทำไมเขาทำได้ แล้วเราล่ะ เราก็เป็นคนเหมือนกัน เราจะพัฒนาไม่ได้เลยเหรอ แล้วอีกอย่างการได้จับมือกับน้องๆ มันเหมือนการได้รักษาฟื้นฟูจิตใจ ไปรับพลังจากน้อง และเช่นกัน น้องก็รอรับพลังจากเรา เป็นพลังบวกที่ให้แก่กัน

จากการเป็นแฟนคลับ สู่การมีแฟนคลับ คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง

ลุงที : เอาจริงๆ ก็ดีใจ ไม่ใช่ในความหมายที่เราเป็นคนดัง แต่ดีใจที่สิ่งที่เราพยายามทำนั้นส่งไปถึงคนอีกกลุ่มหนึ่งจริงๆ ผมได้อ่านข้อความที่มาบอกว่า เขามาชอบน้องคนนั้นคนนี้เพราะคลิปลุงเลยนะครับ หรือมาขอบคุณพวกลุงที่ทำให้รู้จักน้องๆ มากขึ้น ซึ่งเราก็ภูมิใจในสิ่งที่ทุกคนได้ช่วยกันทำ กว่าจะได้คลิปคลิปหนึ่งออกมาไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะได้รูปแต่ละรูปต้องลงทุนลงแรง ทุกคนก็ยอมเสียสละเวลาและกำลังทรัพย์ส่วนตัวเพื่อไปทำสิ่งที่เป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือทำให้น้องๆ เป็นที่รู้จักมากขึ้น ก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ความพยายามที่จะสนับสนุนน้องมันสัมฤทธิผล จนมันตีกลับมาให้คนทำความรู้จักในตัวพวกเราเพิ่มขึ้นด้วย

ถ้าบทสัมภาษณ์นี้ได้ไปถึงน้องๆ BNK48 คุณอยากบอกอะไรกับพวกเธอบ้าง

ลุงเทปัน : พวกผมเห็นพัฒนาการน้องๆ ตั้งแต่เริ่มเปิดตัว มันอาจจะไม่ได้ดีมากมาย แต่ถ้านับจากศูนย์ ตอนนี้ก็มาถึงแปด เก้าแล้ว อย่างที่บอกว่าครึ่งหนึ่งมันเป็นธุรกิจ แต่อีกครึ่งมันคือความฝันของเด็กๆ ในการเป็นไอดอล ทุกคนอยากติดตัวจริงของเพลงหลัก อยากมีผลงานเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ด้วยโมเดลธุรกิจแบบนี้ ก็อย่าไปท้อมาก มีแฟนคลับที่คอยซัพพอร์ตคุณอยู่ด้านหลัง ถ้าคุณร้องไห้ พวกเราก็ร้องด้วยนะครับ

แล้วในฐานะแฟนคลับ อยากฝากอะไรถึงแฟนคลับด้วยกัน รวมถึงคนอื่นๆ ยังไม่รู้จัก BNK48 ด้วย

ลุงดัน : เรารู้จักน้องๆ มาตั้งแต่เริ่ม เลยได้เห็นแฟนคลับหลายๆ รุ่น และมีความเปลี่ยนแปลงกันไป บางคนอาจจะเลิกตามแล้ว บางคนอาจจะยังตามอยู่ รวมถึงคนที่เพิ่งมาตาม มันก็มีหลายรูปแบบ แต่สิ่งที่เราเจอในหลายๆ งาน คือมีการวิ่งตามน้องๆ แบบไม่สนใจอะไรเลย คือเราอยากให้มองเรื่องความเกรงใจ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา บางคนสนใจแต่ตัวเอง ฉันต้องได้ ฉันต้องเห็น เราเข้าใจนะ เราก็อยากเห็นน้อง แต่บางทีคุณอาจจะลืมคิดไปว่า การกระทำของคุณมันก่อให้เกิดผลดีหรือผลเสีย แล้วผลทั้งหมดนั้นมันไม่ได้เข้าตัวคุณ แต่มันเข้าที่น้อง ลองคิดมุมกว้างๆ หน่อยว่าสิ่งที่แฟนคลับทำมันทำให้คนภายนอกเขามองเห็นแบบไหน เอาแค่พอเหมาะพอควรก็พอแล้ว

ลุงที : สำหรับคนที่ไม่รู้จัก BNK48 ถ้ามีโอกาสก็ลองมาติดตามดูเองสักครั้งก็ได้ อย่าเพิ่งไปฟังเสียงจากภายนอก มาดูด้วยตาตัวเองสักครั้ง มันอาจจะไม่ใช่แบบที่เราคิดก็ได้ อย่าเพิ่งไปตัดสินอะไร

ลุงยาม : คุณลองเปิดใจดูน้องด้วยใจสักครั้งหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร คุณก็อาจจะมาเป็นแฟนรุ่นลุงก็ได้ครับ