10 การ์ตูน สุดยอดความมันแบบแมนๆ

ความฝันของเด็กผู้ชายคือการเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถปกป้องคนที่เรารักได้สักคน จินตนาการนั้นถูกถ่ายทอดลงบนหนังสือการ์ตูนเด็กผู้ชายที่ว่าด้วยศิลปะการต่อสู้ มิตรภาพ และความรัก แม้เวลาเปลี่ยนผ่านจากเด็กผู้ชายกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แต่ความเป็น “ลูกผู้ชาย” ก็ได้ฝังรากลึกที่เราคงไม่อาจลืม เอาล่ะ อารัมภบทกันมาพอแล้ว ต่อไปนี้คือการ์ตูนเด็กผู้ชายในความทรงจำของเรา

ฤทธิ์หมัดดาวเหนือ (Hokuto no Ken) เนื้อเรื่องโดย บุรอนซอน และวาดภาพโดย เท็ตสึโอะ ฮาร่า ตีพิมพ์ครั้งแรกในโชเน็นจัมป์ ปี 2526 สมัยที่ยังไม่มีลิขสิทธิ์ การ์ตูนเรื่องนี้เคยได้รับการจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์หลายเจ้า จึงมีชื่อเรียกแตกต่างกัน คือ หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ กับฤทธิ์หมัดดาวเหนือ แต่ในภายหลัง สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ ก็ได้รับลิขสิทธิ์ตีพิมพ์และใช้ชื่อเรื่องภาษาไทยว่า “ฤทธิ์หมัดดาวเหนือ” รวม 27 เล่มจบ เรื่องราวกล่าวถึงเหตุการณ์หลังสงครามโลก ครั้งที่ 3 ในปี 199X ซึ่งทำให้โลกกลับคืนสู่ยุคเข็ญและความป่าเถื่อน มีเพียง เคนชิโร่ บุรุษผู้มีรอยแผลเป็นรูปดาวเหนือ 7 แห่งบนหน้าอกเท่านั้นที่จะสามารถกอบกู้โลกได้ด้วย “หมัดอุดรเทวะ” เพลงหมัดที่สามารถทะลวงจุดตายของคู่ต่อสู้ ส่งผลให้อวัยวะภายในแหลกเหลวและระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ในพริบตา ต่อมาในปี 2538 ทางฮอลลีวูดได้นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง “Fist of the Northern Star” โดยมีเค้าโครงมาจากการ์ตูนเรื่องนี้ด้วย

ฤทธิ์หมัดดาวเหนือ ถือเป็นจุดกำเนิดศัพท์เฉพาะที่ใช้เรียกประเภทของโดจินชิ (สื่อญี่ปุ่นที่สร้างและจำหน่ายโดยมือสมัครเล่น) แบบเป็นภาษาพูดว่า K โดยมาจากอักษรคำแรกของชื่อเคนชิโร่ในภาษาอังกฤษ (Kenshiro) ซึ่งเป็นแนวที่เอาตัวละครในเรื่องมาเขียนล้อเลียนโดยให้มีกล้ามและหน้าตาเหมือนกับตัวละครในเรื่องฤทธิ์หมัดดาวเหนือ (รวมถึงการล้อเลียนฉากต่อสู้และแผลเป็นรูปดาวเหนือ 7 แห่ง) ถ้าเป็นแนวการ์ตูนปกติ K จะมาจากคำว่า “คินนิคุ” (Kinniku) ที่แปลว่ากล้ามเนื้อ ซึ่งจะหมายถึงการ์ตูนที่ตัวละครเน้นกล้ามเนื้อเป็นส่วนใหญ่

 
โรงเรียนลูกผู้ชาย Sakigake! Otokojuku) เขียนโดย อากิระ มิยาชิตะ ตีพิมพ์เป็นตอนในโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ระหว่างปี 1985-91 ตีพิมพ์รวมเล่มโดยสำนักพิมพ์ชูเอชะ จำนวน 34 เล่ม โรงเรียนลูกผู้ชายเป็นการ์ตูนแนวต่อสู้-ขบขัน ใช้มุกตลกแบบเกินจริง กล่าวถึงโรงเรียนชื่อ โอโตโกจุกุ เป็นโรงเรียนชายล้วนที่มีลักษณะเหมือนโรงเรียนดัดสันดาน รับเด็กเกเรเข้ามาฝึกศิลปะการป้องกันตัว และฝึกฝนวินัยการเชียร์กีฬาแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า Ōendan (応援団) ตัวละครเอกในเรื่อง ได้แก่ครูใหญ่ของโรงเรียน ชื่อ เฮฮาจิ เอดาจิมะ อดีตทหารผ่านศึกสงครามโลก ครั้งที่ 2 โมโมทาโร ซึรุงิ หรือ โมโม นักเรียนปีหนึ่ง และโอมิโตะ ดะเตะ อดีตหัวหน้านักเรียน

ในประเทศไทย มังงะเรื่องนี้เคยตีพิมพ์ในหลายชื่อโดยหลายสำนักพิมพ์ เนื่องจากในขณะนั้นยังไม่มีกฎหมายลิขสิทธิ์ ได้แก่ ขุนพลประจัญบาน สำนักบุรุษเหล็ก หรือ นักเรียนนายร้อยเดนตาย และถูกนำมาสร้างเป็นอานิเมะโดยโตเอแอนิเมชัน ออกอากาศทางฟูจิทีวีจำนวน 34 ตอน ในปี 1988 สร้างเป็นภาพยนตร์ที่ใช้คนแสดงในปี 2008 และยังมีภาคต่อ ได้แก่
โรงเรียนลูกผู้ชาย ภาค 2 และยังตีพิมพ์อยู่ในปัจจุบัน

เรียกเขาว่าอีกา Crows ผลงานของ ฮิโรชิ ทาคาฮาชิ ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ Crows ZERO I-II และยังสร้างเป็นแอนิเมะชื่อว่า Crows ONE Crows เป็นการ์ตูนที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่นซึ่งมียอดตีพิมพ์กว่า 32,000,000 เล่ม ว่าด้วยเรื่องราวของตัวเอกที่ชื่อ โบยะ ฮารุมิจิ เด็กมีปัญหาที่ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายชาย สุซุรัน หรือมีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า “โรงเรียนของบรรดาอีกา” (The School of Crows) สุซุรัน คือโรงเรียนไม่ประสบความสำเร็จ เป็นโรงเรียนที่ชอบใช้ความรุนแรงกันที่สุดในประเทศ บรรดานักเรียนจะถูกเรียกว่า “อีกา” พวกเขาจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อยๆ และต่อสู้กันเพื่อความมีอิทธิพลและการมีอำนาจในโรงเรียน แต่พวกเค้าต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน เป็นเป้าหมายหนึ่งเดียว ซึ่งไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนคือ การรวมเป็นหนึ่งเดียวของบรรดานักเรียน ไม่เคยมีกลุ่มใดได้ครอบครองความยิ่งใหญ่อันสูงสุดนี้ เนื่องจากพระเอกย้อมผมสีทองเหมือนกับจะทำตัวเป็นจุดเด่น ทำให้หลายคนไม่ชอบขี้หน้าและมีเรื่องกันในที่สุด ทว่าเบื้องหลังของการชกต่อยและความรุนแรง มันก็มาจากความฝันของเราที่เป็นลูกผู้ชายทุกคน คือการยอมรับจากเพื่อนฝูง

จอมเก บลูส์ (Rokudenashi blues) การ์ตูนนักเรียนนักเลงที่เป็นลูกผู้ชายแบบแท้จริงอีกเรื่องที่เข้าขั้นคลาสสิก การ์ตูนวัยรุ่นในตำนานเป็นเรื่องราวในรั้วโรงเรียนญี่ปุ่น โรงเรียนเทเคนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 3 เพื่อนซี้อย่าง มาเอดะ ไทซน, ยามาชิตะ คัตสึยิ และซาวามูระ โยเนยิ ที่มีเรื่องมีราวกับนักเรียนชายในโรงเรียนเดียวกัน ที่มีความขัดแย้งกันภายในก่อนที่จะกลายมาเป็นการปรับความเข้าใจกันจนเกิดเป็นความสนิทสนมกลมเกลียวกันอย่างแน่นแฟ้นของนักเรียนร่วมสถาบันเดียวกันนั้น แทบจะพูดได้เลยว่า ทั้งหมดเกิดขึ้นจากจิตใจอันดีงามที่แฝงอยู่ในความบ้าๆ บอๆ ของเหล่าเด็กผู้ชาย

ช่วงที่การ์ตูน จอมเก บลูส์ โด่งดังกับหนังสือการ์ตูน C-kids ในประเทศไทยนั้น คงไม่มีใครไม่รู้จักกับ 4 จตุเทพ! ที่ทำให้เด็กผู้ชายที่อ่านการ์ตูนในช่วงนั้น กล่าวถึงมากที่สุดในเรื่องของความเท่ และความเป็นนักเลงที่มีจิตใจดี ที่สำคัญช่างแตกต่างกับภาพข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ไทยอย่างเปรียบกันไม่ได้เลย

ข้าชื่อโคทาโร่! (Kotaro Makaritoru!) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นแนวโชเน็น เขียนโดย ทัชซึยะ ฮิรุตะ เริ่มลงตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์โคดันฉะ โชเน็นแมกกาซีน ส่วนในประเทศไทย สมัยยุคของการ์ตูนไร้ลิขสิทธิ์ สำนักพิมพ์ต่างๆ มีการแข่งขันทำให้การ์ตูนเรื่องนี้จึงใช้ชื่อต่างกันออกไป เช่น สำนักพิมพ์หมึกจีนใช้ชื่อว่าโคทาโร่ ส่วนทางสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ใช้ชื่อว่าโคทาโร่เช่นเดียวกัน ต่อมาสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจซื้อลิขสิทธิ์มาอย่างถูกต้องโดยใช้ชื่อว่าข้าชื่อโคทาโร่ ตีพิมพ์ใน KC.Weekly ข้าชื่อโคทาโร่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ และได้รับรางวัล Kodansha Manga Award สำหรับการ์ตูนแนวโชเน็น

ข้าชื่อโคทาโร่ เป็นการ์ตูนแนวศิลปะการต่อสู้ที่แสนประหลาด โคทาโร่ตัวเอกของเรื่อง เขามีผมสีดำยาว มีนิสัยกะล่อน และลามก เขาเป็นอัจฉริยะในด้านการต่อสู้แต่ขาดสามัญสำนึก แต่เขาก็ยังมีความยุติธรรม เขามักจะสร้างปัญหาให้กับกรรมการนักเรียน และพยายามที่จะขโมยกางเกงในของนักเรียนหญิง เป็นการ์ตูนที่มีความยาวมาก และยาวเสียจนผู้แต่งไม่อยากเขียนต่อแล้ว

เซนต์เซย่า (Seinto Seiya) เขียนโดย มาซามิ คุรุมาดะ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่ม 5 คนที่เรียกว่า เซนต์ ต่อสู้โดยใช้ร่างกายของตนเองเป็นอาวุธเพื่อปกป้องคิโดะ ซาโอริ ผู้เป็นอวตารของเทพีอะธีนา และต่อสู้กับทัพศัตรูแห่งความชั่วร้าย ในโลกร่วมสมัยที่มีบรรยากาศของเทพปกรณัมกรีก ในประเทศญี่ปุ่น เซนต์เซย่าลงตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ ของสำนักพิมพ์ชูเอฉะ ประเทศไทย สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจได้รับสิทธิ์ในการตีพิมพ์ฉบับรวมเล่มและยังได้รับการดัดแปลงเป็นสื่อในรูปแบบอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ภาพยนตร์ ละครเวที เกม และของเล่น

การ์ตูนเรื่องนี้จะมีดีที่ชุดเกราะที่สามารถแยกและกลับมาประกอบกันที่ตัวผู้ใส่ได้ (มีรายละเอียดอยู่ที่ท้ายเล่ม) เครื่องป้องกันร่างกายของเหล่าเซนต์แห่งอาธีน่า ปกติจะมีรูปร่างต้นแบบแตกต่างกันไปตามลักษณะของกลุ่มดาว แต่เมื่อถึงเวลาทำการต่อสู้คลอธจะแยกชิ้นส่วนออกมาประกอบเข้ากับร่างกายตามพลังของคอสโมที่เซนต์แต่ละคนกระตุ้นขึ้น ประสิทธิภาพของคลอธจะขึ้นอยู่กับพลังคอสโมของเซนต์แต่ละคน และการ์ตูนเรื่องนี้เป็นต้นแบบให้การ์ตูนชุดเกราะในเรื่องถัดๆ มาอีกด้วย

การาสุ เป็นการ์ตูนที่ได้รับการตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์บันได จากผู้เขียนอัลโกและไจรุโกะ การาสุเป็นเรื่องราวของกลุ่มนักล่าวิญญาณพยาบาทที่มีชื่อว่า การาสุ โดยมีสัญญาณลักษ์เป็น รูปอีกาสามขา โดยเหล่าการาสุจะพำนักอยู่ที่ ศาลเจ้าการาสุเทนกุ ที่เต็มไปด้วย นกกา มากมาย ทำให้ศาลเจ้าการสุจะมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย การดำเนินเรื่องจะอยู่ที่นักล่าที่มีชื่อว่า นาจิ ทาเครุ องเมียวศาล เจ้าโตเกียว ที่ยังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมปลาย หน้าที่ของนักล่าการาสุ หลังพระอาทิตย์ตกดิน จะสวมชุดอีกาออกบินล่าวิญญาณพยาบาทที่มีอยู่ในบนโลกมนุษย์จะเข้าทำการต่อสู้ และสังหารวิญญาณพยาบาทเหล่านั้นแล้วเปิดประตูนรกแล้วส่งวิญญาณเหล่านี้ต่อไป การาสุอาจเป็นการ์ตูนติดเรตไปเสียมาก แต่ก็แน่นอนว่าติดอยู่ในความทรงจำของชายไทยหลายๆ คน

เบอร์เซิร์ก ( Beruseruku) การ์ตูนญี่ปุ่นที่วาดโดย เคนทาโร่ มิอุระ เรื่องราวเกี่ยวกับนักดาบในยุคกลาง โดย กัซ ตัวเอกของเรื่องที่เกิดในกลุ่มนักล่าเงินรางวัล กัซเป็นตัวละครได้อิทธิพลจาก อัศวินรับจ้างชาวเยอรมัน เกิตซ์ ฟอน เบอร์ลีชินเกิน (Götz von Berlichingen) ที่มีชีวิตอยู่จริงในช่วงศริสต์ศตวรรษที่ 15 เขามีแขนขวาที่เป็นแขนปลอมที่ทำจากเหล็ก ซึ่งปัจจุบันแขนปลอมนั้นถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์เนิร์นแบร์ก อาวุธและอุปกรณ์ของกัซ ดาบของกัซ มีชื่อว่า “ดาบฆ่ามังกร” ซึ่งนายช่างตีเหล็กโกโดเป็นคนทำขึ้นมาตามคำสั่งของพระราชาที่ต้องการดาบที่สามารถฆ่ามังกรได้ตามชื่อของมัน ดาบเล่มนี้มันทั้งใหญ่ หนา หนัก และหยาบเกินไปที่จะเรียกว่าดาบมังกร

เบอร์เซิร์กได้ชื่อว่าเป็นการ์ตูนที่มีความรุนแรงสูง ในขณะเดียวกันเป็นการ์ตูนที่มียอดขายมากอันดับต้นเช่นกัน ในประเทศญี่ปุ่น ลงตีพิมพ์ในนิตยสาร ยังแอนิมอล โดยสำนักพิมพ์ฮะคุเซนชะ ในประเทศไทย ได้ลิขสิทธิ์ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ ส่วนฉบับอะนิเมะ ได้ลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายโดย TIGA

บากิ ( Baki the Grappler) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ออกฉายในประเทศญี่ปุ่น ทีวีโตเกียว ฮันมะ บากิ ตัวละครหลักของเรื่องนี้ เป็นลูกของ ฮันมะ ยูจิโร่ “สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” โดนฝึกให้ต่อสู้ตั้งแต่เด็กโดย ยูจิโร่ อย่างเข้มงวด เมื่อโตขึ้นมาจนอายุ 13 ได้รับการฝึกจากครูฝึกมือหนึ่งในทุกๆ สาขาวิชาการต่อสู้จนเชี่ยวชาญเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะในการต่อสู้ มีเคล็ดวิชาการต่อสู้เป็นของตนเอง เป้าหมายหลักอย่างเดียวของบากิคือการเอาชนะ ยูจิโร่ ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากการที่ยูจิโร่ ฆ่า อาเคซาวะ เอมิ (แม่ของบากิที่เกิดกับ ยูจิโร่ ตอนอายุ 19 ปี) ต่อหน้าต่อตาทำให้บากิแค้นพ่อตัวเองมากๆ บากิจึงหาวิธีฝึกซ้อมตัวเองด้วยวิธีต่างๆ จนทำให้ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผล และด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละภาคเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บากิพัฒนาฝีมือตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อรอวันที่จะเจอกับพ่อของตนเอง

คินนิคุแมน (Kinnikuman) เป็นหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นซึ่งเป็นผลงานของ ยูเดะทามาโกะ โดยเรื่องนี้ออกจำหน่ายหนังสือการ์ตูนในช่วงปี ค.ศ. 1987 รวมทั้งหมด 36 เล่มและถูกสร้างเป็นการ์ตูนอะนิเมะ 137 ตอน โดยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์นิปปอนเทเลวิชั่น (NTV) เป็นเรื่องราวของเหล่านักมวยปล้ำแฟนตาซีคินนิคุแมน เจ้าชายของดาว คินนิคุ ที่ปกป้องโลกจากสัตว์ประหลาดที่ต้องการเข้ามายึดครองโลกด้วยลักษณะท่าทางของยอดมนุษย์ที่เงอะงะของเขาเอง และนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการได้พบกับ เทอรี่แมน และมีท ซึ่งต่อมาทั้งคู่จะกลายเป็นคู่หู และเพื่อนที่สนิทที่สุดของ คินนิคุแมน ต่อไป

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE