Marsmag.net

“แพทตี้” เซ็กซี่แบบซอฟต์ๆ


เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือก คนที่ “ใช่” กับคนที่ “ใกล้” 3 วัน 2 คืน พอไหมที่จะเลือก “ตกหลุมรัก” ใครสักคน

นี่คือคำถามและสโลแกนหลักใน คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ ที่เพิ่งลาโรงไปไม่นาน หนังเรื่องนี้ แพทตี้-อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา ที่ได้โชว์ความสามารถทางการแสดงมากขึ้นเพราะเป็นนางเอกหนังเต็มตัวครั้งแรกในชีวิต และเป็นครั้งแรกที่แพทตี้ได้เล่นประกบ แดน-วรเวช ดานุวงศ์ คนรักในชีวิตจริง เราจึงตามตัวเธอมาบอกเล่าทัศนะในเรื่องความรักของเธอว่า 3 วัน 2 คืน พอหรือไม่ที่จะทำให้คนเรารักกันได้

ในขณะที่แพทตี้มาโพสต์ท่าเซ็กซี่แบบซอฟต์ๆ พอสวยๆ ให้กับนิตยสาร mars เราขอเวลาสนทนากับเธอ ถึงเรื่องรัก และเรื่องอื่นๆ ซึ่งฟังแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกนึกอิจฉาหนุ่มแดนเสียจริง

เวลากับความรัก

การที่จะรู้จักคุ้นเคย มันต้องใช้เวลา นั่นก็คือ เราจะต้องใช้เวลาในการดูคนคนนึง มันไม่ใช่เรื่องความรัก แต่มันรวมทั้งเพื่อน คนรู้จัก มิตรภาพ ทุกสิ่งมันต้องใช้เวลาทั้งนั้น เราไม่สามารถที่จะเจอหน้าปุ๊บ แล้วก็รู้เลยว่าใครเป็นใคร คนนี้นิสัยเป็นยังไง สำรับตัวแพทตี้เอง ก็ไม่เคยที่จะตกหลุมรักแบบชั่ววูบกับใคร ไม่เคยเลย แต่ถ้ามันมีช่วงเวลาให้เจอกันบ่อยๆ ได้ศึกษาและทำความเข้าใจกัน มันจะทำให้เรารู้จักเค้ามากขึ้น แล้วมันก็มีหลายอย่างให้ต้องคิดระหว่างเราสองคน อย่างเรามีทัศนคติ ความเข้าใจและมุมมองคล้ายกันมั้ย เรามีอะไรต้องปรับตัวกันรึเปล่า นิสัย เราจะต้องคุยกันไปก่อน ว่าเราเข้ากันได้มั้ย

เงื่อนไขของเวลา

ไม่รู้หรอกค่ะ ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน กี่เดือน กี่ปี แต่มันไม่ใช่แน่ว่าเราจะปิ๊งกัน ชอบกันก่อน ตกลงเป็นแฟนกัน แล้วค่อยมาศึกษาปรับความเข้าใจ มันไม่ใช่เริ่มแบบนั้น อย่างน้อยเราก็ต้องรู้จักคนนึงในเบื้องต้นแล้วศึกษาว่ามันไปด้วยกันได้ ใช้เวลาระยะหนึ่ง แล้วค่อยตกลงเป็นแฟน

 
การเป็นคนเลือกและผู้ถูกเลือก
 
ในหนังมันจะพูดเกี่ยวกับคนที่ได้เลือกกับคนที่ถูกเลือก มันแตกต่างกันก็ใช่ แต่แพทตี้คิดว่า การที่เราเป็นคนเลือกมันดีกว่าการเป็นผู้ถูกเลือกมากเลย เพราะคนถูกเลือกมันไม่มีสิทธิ์ ไม่มีอิสระ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง การที่ต้องรอเค้า เค้าจะเป็นยังไง จะโอเคมั้ย เค้าจะเอายังไงก็ไม่รู้ อย่างน้อย คนเลือก อย่างตัวเรา ก็เป็นคนที่มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าเราโอเคกับคนนี้ไหม หรือโอเคกับคนหนึ่ง ยังไงก็ตามเราก็จะต้องใช้เวลากับการทำความเข้าใจในความรัก แพทตี้คิดว่า ไม่ว่าเราจะเป็นคนเลือกและผู้ถูกเลือก ถ้าเรารับกับนิสัยและทัศนคติของคนคนนึงไม่ได้ มันก็ต้องจบ

เมื่อรักแหกกฏเวลา

วัยรุ่นสมัยนี้ มีการติดต่อสื่อสารกันกว้างขึ้น รู้จักกันง่ายขึ้น แต่กลับตกลงเป็นแฟนง่ายเกินไป อย่างในโซเชียลเน็ตเวิร์ก แป๊บเดียวก็ตกลงเป็นแฟนกันแล้ว ทั้งที่ไม่เคยเจอหน้า เห็นหน้ากันเลย เป็นใครมาจากไหน มันอาจจะเร็วไป ยิ่งโดยเฉพาะเด็กๆ ด้วย มันเหมือนว่ามองความรักแบบฉาบฉวย เร็ว ยิ่งมีวัฒนธรรมต่างชาติโดยไม่ได้ผ่านการคิดให้ดีก่อน มันก็เหมือนกับเดี๋ยวนี้มันเข้าถึงตัวกันได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น แพทตี้เลยอยากให้เราใช้เวลาในการคบหา ไม่อยากให้มองความรักเป็นเรื่องแฟชั่น เพราะยังไงก็ตามผู้หญิงก็เสียเปรียบกว่านะ ยกตัวอย่างที่ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก อย่างเรื่องสูบบุหรี่ สังคมอาจมองว่าผู้ชายสูบบุหรี่เป็นเรื่องปกติ สามัญมาก แต่ให้ลองผู้หญิงคีบบุหรี่สูบสิ เสียหายกว่าแน่นอน เพราะคนอื่นจะมองไม่ดีมาก มันจึงไม่ใช่เรื่องเลยที่ว่า ผู้หญิงจะอยากมาเท่าเทียมกับผู้ชายโดยการถือบุหรี่สูบ แล้วตอนนี้ผู้หญิงก็สูบบุหรี่กันมาก ถ้าจะมาอยากเท่าเทียมกันแบบนี้มันก็ผิดนะ อันนี้เป็นตัวอย่างเทียบเคียงที่ไม่ใช่เรื่องของความรัก แต่แค่นี้มันก็พอให้เรามองเห็นอะไรหลายอย่างที่สังคมคิดกันแล้ว อย่างถ้าวัยรุ่นผู้หญิงท้อง ใครล่ะผิดที่สุด ใครๆ ก็มองว่าผู้หญิงก่อนอยู่แล้ว
 

รักมุมมองใหม่
 
มองถึงความรักในมุมมองใหม่ ยิ้มให้กัน ส่งความสุขให้กัน เวลาทะเลาะกันก็ขอให้นึกถึงช่วงที่มันดีๆ อย่าเอาแต่ทำร้ายกันเลย ถ้าคนเรารักกัน คิดจะคบกัน ก็ทำดีต่อกันให้เต็มที่ก็พอ ถ้าวันนึงมันไปกันไม่ได้ เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่าทำไมไม่ทำดีให้มากกว่านี้กับคนที่เรารัก ไม่ต้องไปเสียดายในสิ่งที่ผ่านมาสำหรับความรักที่เพิ่งผ่านพ้นไป เพราะยังไงเวลาก็ย้อนกลับมาไม่ได้

Teaser คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์

ภาพ : นิตยสาร Mars