บางคนว่า นางแบบ-นายแบบ หรือการเป็นโมเดล ก็ไม่ต่างอะไรกับงานในวงการบันเทิง ซึ่งหาเงินง่าย และวัยรุ่นยุคใหม่ต่างก็ใฝ่ฝันในอาชีพนี้ แต่นั่นเป็นความจริงอันจริงแท้หรือไม่ ย่อมไม่มีใครรู้ ดีไปกว่าผู้ที่อยู่ในเส้นทางดังกล่าว
ในช่วงเวลาที่เวทีประกวดโมเดลระดับโลกกำลังจะเปิดม่านขึ้นที่ประเทศตุรกีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พร้อมบรรดานายแบบนางแบบจากทั่วทุกมุมโลกที่มุ่งสู่ตุรกีเพื่อคว้ารางวัลในงาน Best model of the world 2012 เมืองไทยของเราก็ได้ส่งออกตัวแทนเข้าร่วมในการประกวดนี้ด้วยเช่นกัน
ทั้ง “ชยัญตรี เต็งสุวรรณ์” หรือ “สตังค์” และ “ปุณยวีร์ รัตนภัทรพงศ์” หรือ “ปุณ” นั้น มีรางวัลการรันตีมาจากเวที Crow Model 2012 ในฐานะผู้ชนะเลิศฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ในแววตาที่ดูมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว เซ็กชั่นเทสต์เกี่ยวแขนพวกเขามาให้คนไทยเราได้รู้จัก แม้ทั้งสองจะบอกว่า โอกาสที่จะคว้าชัยชนะนั้น ไม่มากนักก็ตาม แต่นั่นจะสำคัญอย่างไร เพราะถ้าชีวิตคือความฝัน การได้ก้าวลงไปในสนามแห่งความฝันและทุ่มเทให้กับมันอย่างเต็มที่ ที่เหลือก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะกังวล…
คาดหวังอย่างไรบ้างกับการไปประกวดในครั้งนี้?
ชยัญตรี : ทำให้ดีที่สุด แล้วก็ไม่ได้คาดหวังอะไร มีคนเคยถามว่ากลัวมั้ย ผมได้สโลแกนมาคำหนึ่ง คนไทยถ้าคิดจะทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก มันเลยเป็นกำลังใจให้สู้
ปุณยวีร์ : เหมือนกับว่าเราไปรับใช้ชาติในฐานะตัวแทนประเทศไทย พอได้ตำแหน่งมาจาก Crow ตอนแรก ปุณเครียดค่ะจะทำยังไง คือเหมือนกับเราก็ไม่มั่นใจในตัวเองพอ ถ้าเทียบไซด์เอเชียกับยุโรป มันต่างกันอยู่แล้ว ส่วนสูง หุ่น แต่ว่าพอเวลาผ่านไป เราจะคิดแค่ว่า หน้าที่ของเราตอนนี้คือเราตามฝันนะ เราไม่ได้มาประกวดเพื่ออะไร แต่เรามาเพื่อจะทำฝันให้มันสูงที่สุด ซึ่งตอนนี้มันบินมาได้ขนาดนี้ เราก็ต้องเพิ่มชั่วโมงบินของตัวเองให้มากขึ้น
คำว่าโมเดลในความคิดของทั้งสองคนเป็นยังไง?
ชยัญตรี : ไม้แขวนเสื้อครับ ไม้แขวนเสื้อที่สามารถสื่ออารมณ์แฟชั่นของดีใซเนอร์ที่เขาดีไซด์ ให้ออกมาทางบุคลิกการโชว์ ให้ทุกคนได้เห็นว่าดีไซเนอร์เขาต้องการจะสื่ออะไร โมเดลคือไม้แขวนเสื้อที่ดีครับ
ปุณยวีร์ : เหมือนกันค่ะ เพราะการนำเสนอเสื้อผ้าให้ถูกต้องตามที่ดีไซเนอร์ตั้งใจไว้ เป็นสิ่งที่โมเดลควรกระทำ
เดี๋ยวนี้ อาชีพโมเดลดูเหมือนจะเป็นอีกอาชีพหนึ่งซึ่งวัยรุ่นยุคใหม่ใฝ่ฝันเหมือนกับงานในวงการบันเทิง เพราะมันหาเงินง่าย หรือเปล่า?
ปุณยวีร์ : จริงๆ ปุณว่าการที่จะเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงได้ มันไม่ใช่เรื่องง่าย คือคนที่จะยืนอยู่ได้ มันอาจจะง่ายที่ว่าคุณสามารถล่าฝันได้ เพราะว่าตอนนี้ก็มีหลายเวทีที่เปิดรับสำหรับคนที่อยากเข้ามา แต่การที่จะทำให้เราอยู่ได้นาน หรือชนะใจกรรมการได้ มันขึ้นอยู่กับว่าเรามีความสามารถ ตั้งใจ ความพยายามในสิ่งที่เราฝันพอหรือเปล่าฃ
ชยัญตรี : ที่บอกว่าหาเงินง่าย ผมคิดว่ามันเป็นผลพลอยได้จากความทุ่มเทของเรามากกว่า เพราะถ้าอาชีพนายแบบ โมเดลคือบอดี้ของคุณต้องเป๊ะ ต้องมีสัดส่วนที่โอเคและเป็นจุดดึงดูดของคนทั่วไปให้มองเป็นจุดสนใจ ดังนั้นแล้ว ตรงนี้มันต้องทุ่มเทครับ มีเงินอย่างเดียวกล้ามไม่ขึ้น หุ่นไม่ดีแน่นอน ต้องมีความทุ่มเทมุ่งมั่น เราแลกมาด้วยความมุ่งมั่นของเรา เหมืนกับคนออฟฟิศแลกด้วยเวลาที่ทำงาน แต่นายแบบแลกด้วยเวลาที่เข้าฟิตเนส
ต้องเข้าฟิตเนสทุกวันหรือเปล่า?
ชยัญตรี : เข้าทุกวันครับ อยู่ในฟิตเนสแทบทั้งวัน อาชีพโมเดล มันต้องมีความตรงต่อเวลา ตรงต่อตัวเอง แล้วก็ความรับผิดชอบ คือจะขี้เกียจไม่ได้ ไม่มีวันหยุดครับ มีความทุ่มเทมากพอรึเปล่าที่จะมาอยู่ในด้านนี้ พอเข้ามาแล้วก็อยู่ที่ว่ารักษาความดีไว้ได้นานเท่าไหร่ เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ เพราะมันทำลายกล้ามเนื้อตรงนี้ต้องรักษาสุดๆ
แล้วมันส่งผลกับตัวเราบ้างไหม?
ปุณยวีร์ : บางทีมันเหนื่อยค่ะ ปุณไม่ได้เข้าฟิตเนสทุกวัน เพราะไม่ต้องสร้างกล้ามเนื้ออะไรมากมาย จะเข้าประมาณ 3-4 ครั้งต่ออาทิตย์ ครั้งละประมาณ 4 ชั่งโมง แต่การต้องเข้าฟิตเนสบ่อยๆ คือเสียเหงื่อแล้วก็เจ็บตัวกลับบ้านด้วย เพราะเวลาเราเล่น กล้ามเนื้อก็อักเสบบ้าง ฉีกบ้าง มันเป็นความเจ็บปวดเพื่อแลกมาซึ่งรูปร่างที่ดี
ดังนั้น การจะเป็นนางแบบนายแบบได้ จึงไม่ง่ายเลย?
ชยัญตรี : ไม่ง่ายครับ แต่ก็ไม่ยาก ถ้าใจถึงนะ เพราะเรื่องหุ่นหรือบอดี้ คุณมีความมุ่งมั่นอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีความบ้าด้วย กล้าที่จะเล่นหนัก กล้าที่จะต้องเจ็บตัวอย่างที่ปุณบอก อย่างผู้ชาย ถ้าเล่นเวทแล้วกลับบ้านไม่เจ็บตัว แสดงว่าไม่โดน กล้ามไม่ขึ้น คือต้องให้ระบม มันต้องเล่นให้ได้ถึงขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องบ้าพลัง แต่ต้องให้รู้จุดว่าเล่นแล้วได้อะไรจากมัน
ปุณยวีร์ : สำหรับปุณ ผู้หญิงที่จะใส่บิกินี่สวยต้องมีซิกแพ็คนิดนึงให้พอเห็น มีลาย แต่การพยายามทำให้มีซิกแพ็คนี่ยากมากกับการซิทอัพและเล่นเครื่องเล่นที่ต้องใช้น้ำหนักซึ่งค่อนข้างเยอะกว่าปรกติเพื่อที่จะให้กล้ามเนื้อมันทำงาน เวลากลับบ้านก็จะทรมาน
มันต่างจากการเล่นกล้ามทั่วไปยังไง?
ชยัญตรี : เป็นเทคนิคเฉพาะของแต่ละคนครับ อย่างบางคนเล่นแล้วเป็นก้ามปู เพราะคิดสักแต่จะเล่น แต่มันก็ขึ้นอยู่กับสายอาชีพด้วย อย่างตรงนี้กล้ามใหญ่ไม่ได้ แต่ต้องชัด บางคนดูไม่มีกล้าม แต่ถอดออกมานี่ชัด เป็นลอนเลย
อย่าง “เจคอบ” ในหนังทไวไลท์นี่ถือว่ากล้ามสวยไหม ซิกแพ็คสาวกรี๊ดขนาดนั้น?
ชยัญตรี : ผมรู้มาว่า ตอนแรก เขาใช้เวลาเก็บตัว 6 เดือน กินทูน่าวันละ 10 กระป๋องเพื่อที่จะเล่นกล้ามเพียวๆสำหรับผมก็เหมือนกัน ควบคุมอาหาร แต่สำหรับผู้หญิงจะหนักกว่า ตรงที่ว่าผู้หญิงต้องควบคุมอาหาร ต้องให้ผอม แต่ผู้ชายมันลำบากตรงที่การหาของกินอาหารแต่ละอย่าง ค่อนข้างแพง ต้องเลือกกินโปรตีน ไขมันน้อย แป้งน้อย ทูน่ากระป๋องหนึ่งก็ 40 บาทแล้ว แล้วคนๆ หนึ่งกินทีก็ 2-3 กระป๋อง อาหารเสริมอีก คือมื้อนึงก็ 300-400 บาทต้องเตรียมไว้เลย เรื่องอาหาร ถ้ากินไม่ถึง กล้ามก็ไม่ขึ้น ดังนั้น เราจึงต้องท่องไว้ในใจตลอดเวลาว่าธงชัยที่เราปักไว้คืออะไร และมันทำให้เราฮึดสู้ทุกครั้ง
ปุณยวีร์ : ถ้าสำหรับผู้หญิงจะเน้นแค่ควบคุมไขมัน คาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก ถ้าจะเลี่ยงก็เลี่ยงแป้ง แต่ปุณเป็นมังสวิรัติ เลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้ว กินแต่ผักอยู่แล้ว
ถ้าผู้ชาย มีเงื่อนไขคือความชัดเจนของกล้ามเนื้อ แล้วผู้หญิงล่ะ ตัดสินกันด้วยอะไร?
ปุณยวีร์ : ผู้หญิงคือการนำเสนอเสื้อผ้า สิ่งที่ดีไซเนอร์ต้องการให้เราเสนอออกมา เราต้องพรีเซนต์ออกมาให้ได้ นั่นคือความสามรถที่แท้จริงของนางแบบที่ควรจะทำ นางแบบต้องสูงไว้ก่อน ถ้าเตี้ยๆ เวลาใส่ชุดราตรีมันไม่สามารถเสนอความสง่างามหรือความโปร่ง ส่วนหน้าตา เมคอัพสามารถเปลี่ยนแปลงให้คุณได้อยู่แล้ว
จริงๆ นางแบบไม่ควรจะผอมมากเกินไป แต่ก็ต้องเข้าใจว่าทำไมนางแบบถึงชอบผอมกันมาก เพราะเวลาเดินอยู่บนรันเวย์ มันมีการถ่ายทอด การถ่ายรูป ดังนั้น มันก็จะเกิดอาการบวมกล้องขึ้นมาอีกนิดนึง นางแบบที่ผอมมากๆเวลาถ่ายอออกมาก็อาจจะดูพอดีกับกล้อง แล้วการผอมมากก็ทำให้เห็นสรีระหรือทรวดทรงของชุดมากกว่า จริงๆ แล้วมันก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนดูแลสุขภาพ ร่างกาย จะได้ผอมๆ สวยๆ อย่างนี้ มันก็มองได้หลายมุมค่ะ
จริงไหมที่เขานินทากันว่าอาชีพนายแบบนางแบบ มักจะมีคนเลี้ยง?
ชยัญตรี : ผมโคตรต้องการเลย แต่มันไม่มี (หัวเราะ) ถามว่ามีคนเลี้ยงมั้ย มันแล้วแต่บุคคลน่ะครับ อย่างตัวผมเอง เราเกิดมามีสองมือสองเท้า เราทำเองได้
ปุณยวีร์ : ส่วนปุณนี่เลี้ยงตัวเองค่ะ ไม่ต้องให้ใครมาเลี้ยง ถ้ามีคนมาเสนอก็ไม่เอาอยู่ดี พยายามหารายได้ให้ตัวเองตลอด มีพรสวรรค์ด้านไหนก็ใช้ด้านนั้น อย่างงานที่ใช้เลี้ยงตัวตอนนี้นอกจากสายบันเทิง ปุณมีธุรกิจส่วนตัว ต่อให้ไม่ทำอะไร ก็ไม่เดือดร้อนอยู่แล้วค่ะ