Marsmag.net

เปาวลี-สุนารี 'We Love ลูกทุ่ง'


จากภาพยนตร์สุดฮา ที่ได้รวบรวมเหล่านักร้องลูกทุ่งระดับตำนานของเมืองไทยไว้มากมาย วันนี้เรามีโอกาสมาร่วมพูดคุยกับสองนักร้องลูกทุ่งสาว “สุนารี ราชสีมา” และ “เปาวลี พรพิมล” ตัวแทนคน “รุ่นใหญ่” และ“รุ่นใหม่” แห่งวงการเพลงลูกทุ่ง ทั้งสองสาวบอกเล่าประสบการณ์ รวมทั้งให้แง่คิดดีๆ เกี่ยวกับวงการเพลงลูกทุ่ง กับวลีที่ว่า “ลูกทุ่งไม่มีวันตาย” จริงหรือ? แล้วเพลงลูกทุ่งแท้ๆ นั้นเป็นอย่างไร? โดยการมองเพลงลูกทุ่งผ่านเธอทั้งคู่ได้อย่างน่าสนใจทีเดียว ถึงแม้จะเป็นนักร้องลูกทุ่งที่ต่างยุคต่างสมัยก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้จากเธอทั้งคู่นั่นก็คือ “ความภาคภูมิใจ” ที่ได้เกิดมาเป็นนักร้องลูกทุ่ง ที่ได้มอบความสุขให้กับคนอื่นๆ โดยผ่านเสียงเพลงของพวกเธอนั่นเอง


วงการเพลงลูกทุ่งมีเจ้าพ่อ-เจ้าแม่แห่งวงการจริงหรือ?

สุนารี : ความจริงแล้วตัวนักร้องไม่มีอะไรอยู่แล้ว แต่ในรูปแบบของบริษัทมันเป็นเรื่องของธุรกิจคู่แข่งมากกว่า ที่ต้องทำไปตามหน้าที่ อาจจะสร้างภาพลักษณ์ให้กับนักร้อง หรือคอนเซ็ปต์ให้กับนักร้องของเขา ซึ่งตรงนั้นก็เป็นเรื่องของบริษัท แต่จริงๆ นักร้องด้วยกันไม่มีอะไร เจอกันก็เฮฮา พูดคุย ทักทายกันตามประสา แต่พอเราได้ร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่อง รวมพลคนลูกทุ่งเงินล้าน ต้องขอบคุณ คุณวิทยา ศุภพรโอภาส และบริษัทเอ็มพิคเจอร์ส จำกัด ที่ทำให้พวกเรานักร้องต่างค่ายต่างวัยได้มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนความคิด ได้มาทำความรู้จักกันมากขึ้น จากที่เคยคิดว่า (สมมติว่า) “เด็กคนนี้ทำไมถึงไม่มีสัมมาคารวะ ทำไมถึงดูแข็งกระด้างอย่างนี้” เพราะว่าเราไม่เคยมีเวลาได้นั่งคุยกันเลย มีแต่ว่าเวลาทำการแสดงคนหนึ่งอยู่บนเวที อีกคนก็รอขึ้นแสดง พอเสร็จลงมาสวนกันก็แค่สวัสดีกันแค่นั้น หรือบางทียุ่งๆ ก็ไม่ได้สวัสดีกัน มันเป็นการมองด้วยภาพภายนอก แต่พอมานั่งคุยกันจริงๆ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย เราเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน 5-6 เดือน นอนวัดนอนศาลาด้วยกัน (หัวเราะ)
จากอดีตถึงปัจจุบัน เพลงลูกทุ่งเปลี่ยนไปจริงไหม?

สุนารี : ลูกทุ่งไม่เปลี่ยน แต่ว่ามันอาจจะมีแนวเพลงใหม่ๆ ออกมา ซึ่งอาจจะมีอิงท่วงทำนองหรือภาษาของลูกทุ่งเท่านั้นเอง แต่จริงๆ ลูกทุ่งก็คือลูกทุ่ง อย่างตัวเองก็ยังร้องเพลงลูกทุ่งแท้ๆ อยู่ “ลูกทุ่งแท้ก็คือลูกทุ่งแท้” เพลงส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นใหม่ตามยุคตามสมัย นั่นไม่ใช่เพลงลูกทุ่งแท้ แต่เรียกว่าเป็นเพลงร่วมสมัยมากกว่า (เข้าใจว่าอย่างนั้นนะ) เพราะทุกครั้งที่เขาพูดกันว่าลูกทุ่งเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ใช่อย่างนั้น “ลูกทุ่งไม่เคยเปลี่ยน ลูกทุ่งยังเหมือนเดิม” แต่คนที่ร้องลูกทุ่งอาจจะมีเปลี่ยนไปบ้างตามโอกาส อาจจะมีเซ็กซี่มากขึ้นมันก็เป็นส่วนหนึ่งของการตลาด อย่างเพลงร่วมสมัยที่เห็นอยู่ในปัจจุบันอาจจะมีจังหวะ ท่วงทำนอง รวมไปถึงการแต่งกายมันก็ต้องประกอบกันด้วย ลูกทุ่งจ๋าๆ อย่างเพลงสมัยก่อน ก็ต้องแต่งตามความเหมาะสมของเพลงด้วยเช่นกัน

โดยส่วนตัวคิดว่าเพลงลูกทุ่งไม่เคยเปลี่ยน แต่เพลงลูกทุ่งสมัยใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากการนำเพลงสตริง เพลงเพื่อชีวิตมาผสม ก็อาจทำให้หลายคนคิดว่าเพลงลูกทุ่งเปลี่ยนไปแล้ว จริงๆ แล้วเพลงเหล่านี้ถูกจัดอยู่อีกหมวดหนึ่งเท่านั้นเอง แต่การนำเสนอของสื่อบอกว่านี่คือเพลงลูกทุ่ง พอเด็กสมัยใหม่มาฟังของสุนารี ก็คิดว่าแล้วนี่คือเพลงอะไร? ทำไมดูเก่าโบราณจัง ซึ่งเด็กที่ไม่เคยฟังจากพ่อจากแม่มาเลยก็จะสับสน ว่าเพลงร่วมสมัยที่ว่าคือ เพลงลูกทุ่ง แต่เพลงของสุนารีเป็นเพลงโบราณ และความต่างของมันอีกอย่างหนึ่งคือ เพลงลูกทุ่งจริงๆ เมโลดี้จะต่างจากเพลงร่วมสมัยมาก รวมไปถึงเนื้อหาสาระ คำสัมผัสนอก สัมผัสใน จะต้องเยอะกว่าเพลงสมัยใหม่ เพลงสมัยใหม่บางทีจะไม่เน้นเรื่องภาษาสวย สังเกตว่าเพลงสมัยเก่าที่คนยังฟังอยู่เพลงนั้นจะเป็นเพลงที่ภาษาสวย เหมือนกวี เหมือนกลอน อ่านแล้วมันไม่ขัดปากไม่ขัดคอ ฟังแล้วก็รื่นหู แต่เพลงสมัยนี้ลองถ้าไม่ร้องตามจังหวะ จะเป็นกลอนไม่ได้ จะไม่คล้องจองกัน รวมไปถึงเรื่องราวในเพลงก็เปลี่ยนไปตามยุคตามสมัยด้วย

บอกได้เลยว่าเพลงในประเทศไทยทั้งหมด ลูกทุ่งร้องยากที่สุด ถ้าเราทำสิ่งที่ยากที่สุดได้แล้ว อย่างอื่นก็สามารถทำได้หมด จะร้องยังไงก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเราเป็นลูกทุ่ง มีความเป็นลูกทุ่งเป็นทุน เอื้อนเป็น ลูกคอได้ ต่อไปไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไหนก็ร้องได้หมด

เปาวลี : ลูกทุ่งยังอยู่เหมือนเดิมเลย แต่ด้วยความที่สื่อออกมาว่า เดี๋ยวนี้ลูกทุ่งเป็นแบบนี้นะ แบบนี้มาแรง แข่งกัน ที่จริงแล้วพื้นฐานลูกทุ่งก็ยังเหมือนเดิมแต่เนื้อหาของเพลงอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัย มีการนำคำใหม่ๆ ที่เป็นกระแสสังคมอยู่ในขณะนั้น เข้ามาใส่ในเพลงลูกทุ่งมากขึ้น แต่ว่าความเป็นลูกทุ่งก็ยังอยู่ การเอื้อน ลูกคอ ก็ยังอยู่เหมือนเดิม รู้สึกดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ร้องเพลงลูกทุ่ง เพราะถือว่าเกิดมาแล้วเอื้อนได้ ร้องได้ บางคนสมัยนี้อาจจะเห็นว่าคนร้องเพลงลูกทุ่ง เชยหรือเปล่า? แต่เราคิดว่าไม่เชยเลย เหมือนเรามีพรสวรรค์ เราภูมิใจที่ทำให้เพลงลูกทุ่ง คงความเป็นเอกลัษณ์อยู่แบบนี้
ตอนนี้มีเพลงลูกทุ่งสมัยใหม่ออกมาเรื่อยๆ คิดว่าต่อไปเพลงลูกทุ่งแท้ๆ จะหมดไปไหม? แล้วจะมีใครมาสานต่อหรือเปล่า? เพราะว่านักร้องส่วนใหญ่ต้องทำเพลงตามกระแสถึงจะขายได้

สุนารี : ไม่หายค่ะ ที่หายคือคนอาจจะหายเพราะตายไป แต่เพลงยังอยู่ อย่างเพลงของสุรพล, ศรคีรี หรือ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่ตายไปแล้ว แต่เพลงยังอยู่ อย่างเพลงเก่าๆ ที่เป็นลูกทุ่งแท้ๆ วงการลูกทุ่งเราหวังอยู่เสมอว่าจะมีคนมาสานต่อ สามารถร้องเพลงลูกทุ่งแบบแท้ๆ ได้ หรือหวังว่าจะมีบริษัทสักบริษัทหนึ่งสร้างเพลงลูกทุ่งแท้ๆ ขึ้นมาให้มันเป็นเพลงใหม่ที่โด่งดัง ทุกคนก็ยังคาดหวังไว้อย่างนั้น แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร

คำว่า “ลูกทุ่งไม่มีวันตาย” คือเรื่องของเพลง ไม่ตายแน่ๆ มันเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่ฝังอยู่ในเลือดของคนไทย ใครที่มีเพลงสตริงอยู่รถ ฟังเพลงสากล เวลาไปคาราโอเกะ ไปงานปาร์ตี้ พอเมาปลิ้นเมื่อไหร่ “สามสิบยังแจ๋ว…หรือ หนูไม่รู้…ขึ้นมาเลย” (หัวเราะ) เพราะเราเคยไปงานมาหลายที่แล้ว ไม่ว่าจะไฮโซหรูเลิศขนาดไหน แต่พอเพลงอะไรของเรา ขึ้นปุ๊บร้องได้หมด เพราะไม่ว่าเพลงของพุ่มพวง เพลงยอดรัก มันสุ่มอยู่ในใจ (หัวเราะ) เพียงแต่ตอนนี้มันมีปัญหาในเรื่องของสื่อ เรื่องของการตลาดเท่านั้นแหละ ถ้าจะเอาลูกทุ่งเก่าๆ มาคัฟเวอร์ ก็ต้องคัฟเวอร์ให้ถึงเหมือนกัน อย่างพี่หนู มิเตอร์ เอาเพลงลูกทุ่งเก่าๆ มาคัฟเวอร์ ถ้าถามว่าเขาคัฟเวอร์ดีไหม? ดี น่าฟัง แต่เป็นในสไตล์ของเขา

เปาวลี : เปาก็เคยร้องคัฟเวอร์ ในอัลบัมของแม่ผึ้ง (พุ่มพวง ดวงจันทร์) ก็นำเพลงแม่ผึ้งมาร้อง แต่คือเราก็ร้องก็ทำออกมาในแบบของเรา เราไม่สามารถไปก๊อปหรือเลียนแบบให้เหมือนต้นฉบับเลยได้ เป็นหน้าที่ของเราที่จะทำให้สุดความสามารถ ให้เป็นตัวตนของเราดีที่สุด

คำว่า “ลูกทุ่งเงินล้าน” ความจริงแล้ว นักร้องลูกทุ่งมีเงินล้านหรือเปล่า?

สุนารี : รวยค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ แล้ว มันเป็นงานเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่คนต่างจังหวัด หรือลูกชาวไร่ชาวนาอย่างเราไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่า เราจะมามีชื่อเสียง มีคนซื้อบัตรมาดูเรา มีคนจ้างเราไปร้องเพลง ซึ่งมันก็เป็นอีกหนึ่งในไม่รู้กี่ล้าน..ล้านคนที่มีโอกาสที่ดีแบบนี้ เป็นอาชีพหนึ่งที่ทำเงินได้ดีพอสมควรแหละ แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะรู้จักบริหารเงินของตัวเองอย่างไร ในทางที่ถูก ที่ควรแค่ไหน จริงๆ แล้วนักร้องส่วนมาก (เอาเป็นสมัยเรานะ) ถ้ายังอยู่ในค่าย ในสังกัด ช่วงแรกๆ ที่เราดังมากๆ จะไม่ค่อยได้รับผลประโยชน์อะไรมากมาย เหมือนอยู่เพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่เมื่อเราออกจากบริษัทแล้ว หมดสัญญาแล้ว ก็จะเป็นช่วงที่เราเก็บเกี่ยวได้ด้วยตัวเองเต็มๆ

เปาวลี : ถือว่าเราก็ยังเด็กอยู่ แล้วก็ได้เดินตามฝันมาตั้งแต่เด็กๆ เลย ตั้งแต่ 5 ขวบ ร้องเพลงมาเรื่อยๆ แล้วเราก็มีความคิดว่าอยากเป็นนักร้องลูกทุ่ง แต่ตอนนั้น เราไม่คิดหรอกว่ามันจะมีรายได้เท่าไหร่ คิดแค่ว่าอยากขึ้นเวทีใหญ่ๆ พอโตแล้วก็อยากแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ไม่อยากให้พ่อแม่ทำงาน เราทำงานเอง ซึ่งอาชีพตรงนี้ก็ถือว่าเป็นอาชีพที่ทำมาจากตัวเราเอง ร้องเพลงออกมาจากเสียงของเราเอง เป็นอาชีพสุจริต มีเกียรติ นอกจากตัวเราเองมีความสุขแล้วก็ทำให้คนอื่นมีความสุขไปด้วย

การที่เราร้องเพลงลูกทุ่งมันอาจจะไม่ค่อยทันสมัย โดยเฉพาะ เปาวลี ที่เป็นเด็กสมัยใหม่ รู้สึกว่ามันขัดแย้งกับวัยของเราไหม?

เปาวลี : ต้องบอกว่าเราเองก็เป็นเด็กวัยรุ่น เป็นเด็กยุคใหม่ ในสังคมแวดล้อมเพื่อนๆ ก็จะฟังแต่เพลงสตริง เพลงเกาหลี ก็จะมีเราคนเดียวที่ร้องเพลง ฟังเพลงลูกทุ่ง ตอนแรกก็คิดว่า ทำไมมีเราคนเดียว ทำไมเพื่อนๆ ติดตามเป็นแฟนคลับนักร้องเกาหลี อินเทรนด์กันมากๆ แต่นี่เราไม่รู้จักใครสักคน (หัวเราะ) รู้สึกแบบนี้ในตอนแรกๆ แต่พอช่วงหลังๆ จะรู้สึกว่าเวลามีงานที่จำเป็นจะต้องโชว์ ก็จะมีแต่เราที่เป็นคนนำ โดยที่เรานำเพลงลูกทุ่งของเราไปประกวด ไปร้องให้เพื่อนๆ คนอื่นฟัง ซึ่งเขาก็อึ้งว่าทำไมเก่งจัง เขาทำไม่ได้ ก็ดีใจที่เราทำให้เพื่อนๆ เห็นว่า ลูกทุ่งมันยาก และมีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเอง ไม่เคยอายเลยที่จะบอกใครๆ ว่าเราเป็นคนลูกทุ่ง คนร้องเพลงลูกทุ่งไม่ได้หมายความว่าจะเชย แค่เราถนัดในการร้องเพลงลูกทุ่ง เรามีพรสวรรค์ในด้านการเอื้อน เพื่อนๆ อยากร้องแต่ก็ร้องไม่ได้ เอื้อนไม่เป็น หลายคนพยายามแล้วแต่ทำไม่ได้ ก็ดีใจที่เราก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงนี้ได้ ทุกคนมีลูกทุ่งอยู่ในใจอยู่แล้วหละ แต่ไม่กล้าเอาออกมา กลัวว่าร้องไปแล้วคนจะรู้จักหรือเปล่า คนจะว่าเชยหรือเปล่า แต่พอเราร้องออกมาแล้วอินกับเรา ทุกคนสนุกไปกับเรา คือแค่นี้ก็ดีใจแล้ว

สุนารี : สำหรับตัวเองแล้วมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่เคยอายเลยที่เป็นนักร้องลูกทุ่ง เป็นคนบ้านนอกขอกนา ทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์ไม่เคยอายเบื้องหลังของตัวเองว่าเคยทำอะไรมา แล้วเรามีกินมีใช้ทุกวันนี้เพราะเพลงลูกทุ่ง เพราะฉะนั้น เราถือว่าเพลงลูกทุ่ง อาจารย์เพลงลูกทุ่ง วงการลูกทุ่ง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับลูกทุ่ง มีบุญคุณกับเรามาก คิดว่าศักดิ์ศรีของมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่ว่าชอบเพลงอะไร มันอยู่ที่จิตสำนึกต่างหาก ถึงเราจะชอบเพลงลูกทุ่งแต่เรามีจิตสำนึกดี คุณชอบเพลงสากลแต่คุณมีจิตสำนึกที่ไม่ดี นั่นต่างหากคือความแตกต่างของศักดิ์ศรี คือเรื่องของจิตสำนึกที่จะต้องเอามาเปรียบเทียบกัน ตอนแรกๆ ที่อายก็เป็นเพราะเราเป็นเด็กบ้านนอก ภาษาเราก็ไม่ถนัด พูดภาษาโคราช พูดภาษากลางไม่ค่อยเป็นก็กลัวว่าจะหลุดภาษาโคราชออกมา ทั้งรูปร่างหน้าตา หลายๆ อย่าง จนวันหนึ่งพอมีชื่อเสียงโด่งดัง ก็มีผู้ใหญ่บอกกับเราว่า “ไม่ต้องห่วงหรอกลูก ดังแล้วก็สวยเอง” ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยอายอีกเลย ที่เราเป็นคนบ้านนอก ถึงวันนี้ดีใจมากๆ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ตรงนี้ได้ ในช่วงเวลาที่ค่อนข้างยาวนาน ต้องขอบคุณแฟนเพลงที่ให้โอกาสและยังศรัทธากับเพลงลูกทุ่ง ก็ขอสัญญาว่าจะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด

 
เรื่อง : มนัชญา นามละคร