Marsmag.net

เธอกลับมาพร้อมเพชฌฆาต : เคที่ คทรีน่า กลอส

“รู้จักใครที่เป็นเพชฌฆาตบ้างไหม…”
แน่นอนว่าคงไม่มีใครรู้จักเป็นการส่วนตัว อาจจะมีบ้างที่เคยที่ได้ยินได้ฟังเรื่องราว “เพชฌฆาต” ผู้ทำหน้าที่ลั่นไกปลิดชีพนักโทษประหาร แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องไกลตัว มากกว่าจะรู้จักแบบสนิทชิดเชื้อ

อนึ่ง ถ้าเป็น “เพชฌฆาตนารีสยบ” หรือ “เพชฌฆาตหน้าหยก” ก็ว่าไปอย่าง

นี่คือสิ่งที่เราอยากจะบอก “เคที่ คทรีน่า กลอส” นักแสดง นางแบบ พิธีกร ดีเจ และมือเบสวง Venus butterfly กับคำถามที่จ่อคอหอยเราด้วยดวงหน้าสวยกริบราวคมมีด ประดุจเธอเป็นเพชฌฆาตเสียเอง ประหนึ่งมือสังหารในภาพยนตร์เรื่อง “เพชฌฆาต” ที่กำลังลงโรงฉายเร็วๆ นี้

“โอ๊ย…อย่างเคที่ ยิงนกยิงอะไรยังไม่เป็นเลย ยิงเป้ายังพลาดเลย (หัวเราะ) เคที่ไม่กล้าหรอก ทำไมได้” เธอว่าพลางแซมรอยยิ้มในคำตอบ

เป็นเรื่องที่คาดเดาได้อยู่แล้ว เพราะการฆ่าคนคนหนึ่งให้ตกตาย แม้จะ “ถูกต้อง” ตามหลักความยุติธรรม ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ใครก็สามารถกระทำการอย่างง่ายดาย แต่ถ้าเป็น “สัจธรรมชีวิต” “ความทุกข์-สุข” “ความฝัน” หรือ “อุปสรรคชีวิต” เราบอกได้คำเดียวเลยว่า เธอ “ปลิด” มันทิ้งโดยง่ายนิดเดียว!!

เก่าไป ใหม่มา
ไม่มีปัญหาสำหรับเคที่

เชื่อว่า ชื่อของ “เคที่ คทรีน่า กลอส” อาจจะไม่คุ้นหูเท่าใดนักกับเด็กหนุ่มรุ่นสาวสมัยใหม่ แต่ถ้าสำหรับคนที่นาวาชีวิตแล่นมาเกินครึ่งทางของฝั่งน้ำ ทุกคนจะต้องร้องอ๋อ!! พลันนึกถึงใบหน้าสวยๆ ของสาวลูกครึ่งอดีตนางเอกสุดฮอต และอดีตมือเบสวงหญิงล้วนสุดจ๊าบแห่งยุค ผู้นี้ได้อย่างแน่นอน

“จริงๆ ก็ไม่ได้หายหรอก ไม่ได้แบบว่าจมดินไปแล้ว (หัวเราะ) แต่เราไปทำอะไรหงุงหงิงๆ ของเรา ในส่วนที่คนไม่ค่อยสนใจ” เธอเผยถึงช่วงชีวิตหลังจากชื่อเสียงค่อยๆ ร้างลาเงียบหายไปจากพื้นเบื้องหน้าของวงการ จนใครๆ อดที่จะสงสัยไม่ได้เกี่ยวกับการหายตัวไปของเธอ…

“คือตอนหลังจากที่ Venus Butterfly ออกอัลบัมเต็มชุดแรก แล้วทัวร์ในเมืองไทยเสร็จ เราไปทัวร์อเมริกา ตอนไปทัวร์นี่ล่ะ ชื่อเสียงค่อนข้างจะหายเพราะเราไปนาน เนื่องจากต้องการไปชิมลางงานตรงนั้นดู แล้วพอไปปุ๊บแล้วมันไม่ค่อยเวิร์คในลักษณะที่เราจะไปยึดมั่นเป็นอาชีพ เราก็เลยตัดสินใจ ลองวางมันไว้ดูก่อน”

แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ใครจะยอมวางอะไรลงอย่างง่ายดาย ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของชื่อเสียง สำหรับคนในวงการบันเทิงยิ่งไม่ต้องพูดถึง

“เคที่ไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับเรื่องพวกนี้ แล้วมันก็ไม่ได้มีผลต่อการใช้ชีวิตของเคที่ด้วย เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว การใช้ชีวิตของเคที่มันเป็นทางที่เราเลือก

เคที่เป็นคนที่แบบว่า มีความเชื่ออยู่เรื่องหนึ่งคือ ทุกอย่างที่เรารู้สึกในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความทุกข์ ดีใจ เสียใจ มันอยู่ที่ตัวเรา ถ้าเราเลือกที่จะดีใจ มีความสุขกับสิ่งเล็กๆ ในชีวิตเรา เราก็จะเป็นคนมีความสุข แต่ถ้าเราเลือกที่จะทุกข์กับทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิต โดยที่มองข้ามสิ่งเล็กๆ ที่มันทำให้เรามีความสุขได้ เราก็จะไม่มีความสุขกับมันเลย

“มันก็เป็นธรรมชาติหรือเปล่า” เธอย้อนถาม ก่อนจะยอมรับอย่างติดตลกว่า ตัวเองไม่ใช่นางพญาผมขาวที่จะอยู่เป็นอมตะ ไม่มีวันร่วงโรยตามกาลเวลา

“ยอมรับว่านักแสดงหน้าใหม่เยอะม้ากกก…แล้วมันเป็นกระแส เราก็ไม่อยากพยายามดันตัวเองเข้าไปอยู่ตรงนั้น แต่เคที่ค่อนข้างแฮปปี้กับสิ่งที่เคที่เป็น เคที่ไม่ใช่นางพญาผมขาวที่จะอยู่ยงคงกระพัน

“เราต้องทำให้มันง่ายขึ้น ยืดหยุ่นกับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องชีวิต เรื่องงาน อย่างสมมุติว่าเคที่เดินแบบ แล้วเดินๆ ไป ถุงน่องเคที่รันกลางงาน เคที่ก็จะหัวเราะ แล้วพูดว่าเคที่ถุงน่องรัน หรือเคที่ใส่ส้นสูงเดินนานๆ แล้วรู้สึกเจ็บขา เคที่ก็จะถอดรองเท้า เดินเท้าเปล่า

คือเคที่รู้สึกว่าเวลาที่เรารู้สึกไม่เดือนร้อน คนอื่นจะไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่เวลาที่เราเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ ทุกคนจะแบบว่า โอ้ว ตายแล้ว

ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่เธอก็ยืนยันว่ายังไงก็ต้องทำให้มันง่าย เพราะทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ และปัญหาอีกเช่นเดียวกันที่จะทำให้เราแข็งแกร่ง

“ปัญหาทุกปัญหามันมีทางออก เพียงแต่ว่าเราเห็นหรือเปล่า หรือว่าในบางครั้งเราอาจจะมีทางออกบางทางอยู่แล้ว แต่ว่ามันไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เป็นทางออกที่เราไม่ชอบ แต่มันอาจจะส่งผลดีกว่าทางออกที่เราคิดว่ามันควรจะเป็น เราก็ควรยืดหยุ่น

ปัญหามันก็เหมือนจานที่แตก จะให้จานมันกลับมาเหมือนเดิมก็คงไม่ได้ มันก็ย่อมมีรอยร้าว แต่รอยร้าวนั้นมันก็ไม่ได้แย่นิ บางรอยมันก็สวยดีนะ แล้วมันยังใช้กิน ใช้ประโยชน์ได้อยู่อีก

อุปสรรคเหรอ?
คือเรื่องเล็กกะจิดริด

นอกเหนือจากการเป็นทั้งศิลปิน ดารานักแสดง นางแบบ ดีเจ และพิธีกร การก้าวเข้ามาในฐานะ “โปรดิวเซอร์” มือใหม่แกะกล่อง ย่อมต้องพบเจอกับอุปสรรค และความท้าทาย ใหม่ๆ ที่ยากแท้จะหยั่งถึง “เยอะแยะมากมาย” เธอว่าเปิดประเด็น ก่อนจะเท้าความย้อนว่า ก็เหมือนกับการแรกเริ่มทุกอย่าง ตั้งแต่เข้าวงการเป็นนักแสดงนางเอกแถวหน้า เริ่มหัดตีเบสชนิดไม่รู้คอร์ดเหนือคอร์ดใต้ หรือการหลับตาพร่ำเพ้อคนเดียวเพื่อฝึกฟังเสียงพูดตอนทำงานด้านดีเจ

“ต้องบอกก่อนเลยว่า มันไม่เหมือนกันสักอย่างเลย เคที่ถูกชวนเขามาทั้งๆ ที่ไม่เป็นอะไรเลย อายุ 14 เป็นนักแสดง ตอนที่เล่นดนตรีก็ไม่มีใครมาสอน หยิบเอง จับเองหมดเลย กว่าจะเป็นสเกลเนี่ย ประมาณสี่ปีเห็นจะได้ กว่าจะรู้ว่าสเกลคืออะไร หรือตอนที่เป็นดีเจ ก็เหมือนกัน ไม่เคย ไม่เป็น ก็นั่งพูดหน้าไมค์คนเดียว แรกๆ ก็ตลกตัวเอง ก็ต้องฝึกหลับตาพูด คือเราไม่มีเบสิกพื้นฐานตั้งแต่เริ่ม”

“ทุกอย่างต้องพยายามหมด” เธอเสริม แม้ว่าลึกๆ จะเชื่อว่าตัวเองเป็นผู้โชคดีทางดวงชะตาที่ “โอกาส” มักถูกหยิบยื่นวิ่งเข้าหาเสมอๆ “เคที่รู้สึกว่าจริงๆ แล้วชีวิตเคที่ถูกลิขิต อย่างเวลาที่ไปดูดวง เขาก็จะบอกว่าเคที่เป็นคนประเภทโอกาสวิ่งเข้าหา ไม่ค่อยต้องวิ่งเข้าหาโอกาสสักเท่าไหร่ ก็เป็นอย่างนี้มาตลอด”

แต่กระนั้นเหนือสิ่งอื่นใด เราเชื่อว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นซ่อนอยู่เบื้องหลัง เพราะ “โอกาส ย่อมเป็นของผู้ที่ศรัทธามันเสมอ”

ค่ะ…อีกอย่างที่เคที่ทำเมื่อมีโอกาส คือตั้งแต่เกิด เคที่ไม่เคยทิ้งโอกาสอะไรๆ ที่เข้ามาแบบจริงจัง เมื่อมันเข้ามาแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะโยน หรือปัดมันทิ้งไป ก็เอาหมด…(หัวเราะ)

อย่างเรื่องวงดนตรี เราก็ไม่ได้ทิ้ง ทุกครั้งที่เจอก็ยังคุยกันอยู่ ว่าวันหนึ่งอายุ 40 กันแล้ว เราอาจจะยังนั่งเล่นกันอยู่ ก็เป็นไปได้ เพราะดนตรีมันไม่มีอายุ แต่ว่างานอย่างอื่น เราก็ไม่ทิ้ง งานที่สามารถดูแลเราได้ก็ยังทำควบคู่กันไป

“คือฝันได้แต่ว่าฝืนไม่ได้” เคที่เน้นย้ำ “เพราะฝันมันจะมีความสุข แต่ถ้าเราฝืนมันก็ไม่ใช่ความฝัน”

“มันไม่ใช่ฝันลมๆ แล้งๆ ในความคิดของเคที่ เคที่คิดว่า ถ้าเคที่ทำถึงที่สุดแล้ว มันคือความสำเร็จ ไม่ว่ามันจะได้แค่ไหน ได้รับรางวัลตอบกลับมาแค่ไหน มันก็คือความสำเร็จทั้งหมด อย่างเช่นตอนที่ทำวง เคที่ไม่เคยคิดว่าเคที่จะเป็นไอดอลของใครสักคนหนึ่ง

“แต่วันนี้ เวลาที่มีคนมาบอกว่า “ผมหรือหนูชอบวงพี่มาก สมัยนั้นที่ดูวงพี่ แล้วรู้สึกอยากเล่นดนตรี” หรือว่ามีน้องๆ ผู้หญิงบางคนที่ไปซื้อกีตาร์ ซื้อเบสมาเล่น เพราะว่าเห็นเราเป็นแบบอย่าง มันทำให้รู้สึกดี หาที่เปรียบไม่ได้

ดังนั้น การที่จะเรียนรู้ทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ใครก็เรียนได้ เรียนได้หมด ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเปิดก๊อกไหน เพื่อที่จะรับมัน

ไม่มีอะไร ที่ทำไม่ได้
และไม่อยากทำ

ถึงบรรทัดนี้ ดูเหมือนว่าสาวสวยมากความสามารถผู้นี้จะไม่มีอะไรเลย ที่ไม่เคยทำ และทำไม่สำเร็จดังเป้าที่คาดการไว้

“โอ๊ย มีค่ะ อีกเยอะแยะ” เธอว่าแซมยิ้ม เมื่อเราถามซ้ำใครคนใดคนหนึ่งที่บังเอิญคิดเช่นเดียวกัน “เคที่อยากลองเป็นผู้กำกับภาพยนตร์”

เธอเล่าว่า หลังจากการเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์เรื่องเพชฌฆาต ความคิดที่อยากเป็นผู้กำกับก็ทำให้กำลังใจของกระเจิงขวัญหนีดีฝ่อ

“หลังจากทำงานตรงนี้ ค่อนข้างมั่นใจว่าความสามารถไม่ถึง คือลองได้…” เธอกล่าวหยั่งเชิงคล้ายไม่มั่นใจในสามารถตัวเอง

คงต้องเป็นหนังสั้นๆ เพราะเคที่ไม่สามารถลำดับวิธีการขั้นตอนในหัวเป็นภาพยาวๆ ได้ เหมือนผู้กำกับเรื่องหนังเรื่องนี้ คือเขาเหมือนมีม้วนฟิล์มวิ่งอยู่ในหัวตลอด สามารถหยุดแล้วจอด แล้วถอย แล้วจำได้ทุกเม็ดรายละเอียด

เคที่ทำไม่ได้ เคที่สามารถบอกได้ว่า การแสดงตรงนี้เยอะไป น้อยไป ตรงนี้ดี ตรงนี้ไม่ดี ตรงนี้เข้าใจ ไม่เข้าใจ คือสามารถให้ไอเดียได้ แต่ทำคนเดียวเคที่ไม่มั่นใจ ตรงนี้ต้องเรียนรู้อีกเยอะ (หัวเราะ)

“แล้วถ้าค่อยๆ เริ่ม ทำสองคนล่ะ” เรากระเซ้า เพราะคิดว่าความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่อ สิ่งใดๆ ทั้งปวง ไม่แน่เราอาจจะได้เห็นเธอในฐานะ “ผู้กำกับ” วันข้างหน้าก็เป็นได้

“ถ้าทำสองคน คิดว่าน่าจะทำได้” เธอออกตัว “แต่ว่าการทำงานสองคน ในฐานะผู้กำกับ รู้เลยว่ามันยาก ยากมากที่คนสองคน จะเป็นเอกภาพเดียวกัน มันจะต้องมีคนใดคนหนึ่งตัดสินใจ”

“ถ้าเคที่เป็นผู้กำกับมือที่ 2 อาจจะเป็นไปได้ เพราะเคที่เป็นคนค่อนข้างมีเหตุมีผล แล้วมักจะยอมเวลาที่ใครมีเหตุผลดีกว่าเรา”

“แต่ต้องดีกว่านะ” เธอทิ้งท้าย แกมยิ้มหยอกอย่างไม่เสแสร้ง พลางปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องตัดสินความสามารถ เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่อง “เพชฌฆาต” ที่เธอรอคอยการตัดสินจากผู้ชม

เราทำเต็มที่แล้ว ถ้ามีสักคนหนึ่งออกมาแล้วบอกว่าชอบเรื่องนี้มาก 'แม่งโคตรชอบ' เลย เคที่จะฟิน ผิดกับอีก 90 คน ที่เขาบอกว่าไม่ชอบ หรือคนที่บอกว่า 'Good Job' จะเฉยเลย เคที่จะมีความสุขมากที่มีคนหนึ่งคนชอบหนังของเรา เคที่จะเลือกปฏิบัติตัวอย่างนี้ เลือกที่จะมีความสุขมากกว่าความทุกข์



เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : ปัญญพัฒน์ เข็มราช
อัปเดตหลากหลายเรื่องราวข่าวสาร สาระบันเทิงได้ที่แฟนเพจ mars magazine