Marsmag.net

ขอเวลา…เท่ห์ : เท่ห์-อุเทน พรหมมินทร์

ในปี 2534 วงการเพลงไทยมีโอกาสได้เปิดประตูต้อนรับศิลปินเพลงป็อปหน้าใหม่ เป็นหนุ่มน้อยหน้ามนคนเมืองเหนือ ก่อนที่บทเพลง ‘โกหกหน้าตาย’ จากสุ้มเสียงของเขา จะกลายเป็นปรากฏการณ์โด่งดังถล่มทลาย และไต่ขึ้นสู่ทำเนียบเพลงฮิต เป็นหนึ่งในเพลงป็อปยอดนิยมเพลงหนึ่งของเมืองไทยในยุคนั้น

กว่ายี่สิบปีกับการก้าวเดินบนวิถีนักร้อง “เท่ห์-อุเทน พรหมมินทร์” มีผลงานออกมามากกว่ายี่สิบอัลบัม ทั้งเพลงใหม่และเพลงเก่าที่นำมาคัฟเวอร์ ก่อนจะหายไปร่วมๆ สิบปี กระนั้นก็ดี ท่าทีที่เราสัมผัสได้จากผู้ชายคนนี้ตลอดการสนทนา คือความกระตือรือร้น เมื่อกล่าวถึงวงการดนตรี เมื่อกล่าวถึงการร้องเพลง
เพราะความรักในเสียงเพลงคือเส้นเลือดใหญ่ของชีวิต
เพราะความผูกพันที่มิเคยแปรผันเป็นอื่น
เกิดจากเพลง โตมากับเพลง และเท่ห์-อุเทน บอกว่า เขาก็ยังคงหายใจเข้าออกเป็นบทเพลง
คล้อยหลังที่เสียงเพลง ‘โกหกหน้าตาย’ กลับมาป็อปอีกรอบหนึ่ง จากอานิสงส์แห่งเวทีประกวดอย่าง “The Voice Thailand” เท่ห์-อุเทน พรหมมินทร์ ก็พร้อมคืนถิ่นแห่งเสียงเพลงอีกครั้ง กับงานชุดใหม่ภายใต้ชายคา “Classy Record” ในชื่อชุดที่ฟังแล้วเหมาะแมตช์กับตัวตนของเขาอย่างยิ่ง…“ขอเวลา…เท่ห์”
แน่นอนว่า เมื่อใครสักคนเอ่ยปากขอเวลา ตามมารยาทที่ดีงาม เราก็ควรให้เวลาแก่เขา นั่นยังมิต้องเอ่ยถึงว่า คนที่ขอเวลา คือซูเปอร์สตาร์แห่งป็อปคนหนึ่งซึ่งคลุกคลีอยู่กับแวดวงดนตรีและอุตสาหกรรมเพลงไทยมาทั้งชีวิต แล้วอย่างนี้ มีหรือที่เราจะกล้ากล่าวคำปฏิเสธ…
ระยะเวลาเกือบสิบปีที่หยุดจากการออกงานเพลง ถือว่านานมาก เหตุผลแห่งการกลับมาครั้งนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
 
(ยิ้ม) เรื่องของเรื่องคือ ผมรู้จักกับเจ้าของค่ายคือ พี่ป๊อก (ทวิษย์ชญะ ตั้งสหะรังษี) มา 7-8 ปีได้ครับ ก็เจอกันในฐานะของเพื่อน ของพี่ของน้อง ที่สนิทกับน้าทิวา (ทิวา สาระจูฑะ บรรณาธิการนิตยสารสีสัน) ต่างฝ่ายต่างสนิทกับน้าทิวา พี่บี๋ (คณาคำ อภิรดี) ไปเจอกันที่ร้านโอลด์เล้ง และอันที่จริง งานเพลงชุดที่แล้วของผม (อัลบัมชุด ศ.ค.ศ. 2550) ก็มีเพลงที่พี่ป๊อกเขียน ชื่อว่า “ปาดน้ำตา” ซึ่งเป็นเพลงโปรโมตของอัลบัมนั้น ผมได้รู้จักพี่ป๊อกตั้งแต่ตอนนั้น และได้ร่วมงานกันอีกในอัลบัมของพี่ซ้ง (ฐิติ พฤกษ์ชะอุ่ม) ซึ่งเป็นนักร้องในค่าย ผมมีโอกาสได้ร่วมร้องเพลงในอัลบัมนั้นนิดหน่อย พี่ป๊อกเลยบอกว่าอยากร่วมงานด้วย เราก็ “โอเคพี่” ยินดี

เพราะมีความรู้สึกว่า อยากร่วมงานกับคนที่มีความรักในดนตรี ตั้งใจจริงที่จะพัฒนาวงการเพลง ไม่ใช่แค่คิดในเชิงพาณิชย์อย่างเดียว เน้นงานที่มีคุณภาพ และที่สำคัญ เขาเป็นคนซีเรียสในเรื่องการทำดนตรี เป็นคนทำอะไรละเอียด จึงเริ่มพูดคุยถึงอัลบัมที่จะทำ โดยภาพรวม อัลบัมชุดนี้ยังคงเป็นเพลงซึ่งมีกลิ่นอายของสไตล์เพลงสไตล์ผมผสมอยู่ถึง 80 เปอร์เซ็นต์เลย โดยที่ผมรับหน้าที่เป็นโค-โปรดิวเซอร์ด้วย
เพลง “โกหกหน้าตาย” ที่กลับมาดังมากๆ จากผลพวงแห่งการประกวดของเวที The Voice Thailand มีอิทธิพลต่อความรู้สึกฮึกเหิมที่จะหวนมาทำงานเพลงอีกครั้งของเราไหม
 
ที่จริง ผมตั้งใจจะทำอัลบัมนี้มานานแล้วนะครับ เพราะแฟนส่วนหนึ่งก็บอกว่าอยากฟังเพลงใหม่ของเราบ้าง ส่วนเพลงโกหกหน้าตายที่มีกระแสกลับมาจากรายการ ก็ยอมรับว่ามีผลเหมือนกันในการทำให้เด็กรุ่นใหม่รู้จักเรา เราสังเกตเห็นจากยอดวิวใน Youtube คือตอนแรก เพลงต้นฉบับ มียอดวิวไม่กี่หมื่นเอง แต่มันพรวดพราดขึ้นมาเป็น 3 ล้านวิว นั่นแสดงว่ามีการย้อนกลับไปฟังเพลงต้นฉบับของเรา ซึ่งผมก็ดีใจและภูมิใจนะ ก็ขอบคุณ The Voice และน้องอ้น (กันณพงศ์ ธาระเขตร์) ที่ชอบเพลงนี้และนำมาร้อง มันเป็นการกลับมาดังในรอบยี่สิบกว่าปีเลย ซึ่งจริงๆ เพลงนี้ก็มีคนเอามาร้องคัฟเวอร์เยอะพอสมควร แต่ทุกเวอร์ชันก็ไม่ได้ดังขนาดนี้
ผ่านการมีชื่อเสียงระดับประเทศก็ผ่านมาแล้ว แล้วเพลงเก่าก็กลับมาดังอีกรอบ คิดว่าตนเองยืนอยู่จุดไหนในตอนนี้ บางคนบอกว่า “พี่เท่ห์เป็น Icon ของเพลงป็อป”
 
ไม่หรอกครับ (ตอบทันที) ผมคิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ เป็นคนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ซึ่งอาจจะเคยมีชื่อเสียงระดับประเทศ ถ้าเทียบกับพี่ๆ น้องๆ หลายคน เราอาจจะอยู่ระดับกลางๆ ของประเทศ และโดยส่วนตัว เราไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวงการเพลง ขอเป็นแค่นักร้องคนหนึ่งที่มีความตั้งใจจริงและมีความรักในเพลงไทย รักในภาษาไทย อยากจะสืบสาน และถ่ายทอดสิ่งที่ถูกต้องออกไปเรื่อยๆ

ต่อให้คนจะมองว่า คนร้องเพลงชัดเป็นคนเชย ก็จะขอเชยอยู่อย่างงี้ ไม่เป็นไร แต่เราเชยแบบถูกต้อง ผมจะพูดกับทุกคนเสมอๆ ว่า ใครที่เรียกตัวเองว่าศิลปิน แต่ทำตัวไม่เหมาะกับการเป็นศิลปิน ร้องเพลงไทยยังไม่ชัด คุณสมบัติก็สู้คนเป็นนักร้องธรรมดาไม่ได้ เชิญเป็นศิลปินกันต่อไป ผมเป็นนักร้อง ผมแค่นักดนตรี

กับชื่ออัลบัมใหม่ “ขอเวลา…เท่ห์” อะไรคือความเท่ในแบบของคนที่ชื่อ “เท่ห์” ครับ
 
คิดว่าน่าจะเป็น…ทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านมั้งครับ (หัวเราะ) ดูแล้วมันไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา เออ…เท่ดี คือความที่อาจจะไม่เหมือนใคร อย่างนักร้องลูกทุ่ง คนอื่นอาจจะดูหล่อ บางคนอาจจะดูหวาน แต่ ก็อต-จักรพรรณ์ อาบครบุรี สำหรับเราแล้ว เฮ้ย คนนี้เท่เว้ย ที่สุดแล้วผมว่า มันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน และสำหรับผม ความเท่คือความไม่เหมือนใคร แต่ต้องดูดีนะ (หัวเราะ)
ความเท่แบบไหนที่ไม่เท่เอาซะเลยในความคิดของ “เท่ห์-อุเทน”
 
การทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องแล้วคิดว่าเท่ เช่นเด็กแว้น แว้นตามถนนหนทาง สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่เท่เอาซะเลย หรือว่าเด็กตีกัน คิดว่าเท่เหรอ ตีกันในงานคอนเสิร์ตเนี่ย เท่ตรงไหน อะไรก็ตามที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน คุณไม่เท่หรอก คุณทุเรศ นอกจากไม่เท่แล้ว ยังโดนด่าด้วย และก็ประเภทวางระเบิด ไม่เห็นเท่ตรงไหน
ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่เท่ที่สุดในความคิดของเรา สิ่งนั้นคืออะไรครับ
 
ทำความดี (ตอบทันที) และเป็นคนดี แค่นี้ก็เท่แล้ว แค่นี้พอ แค่ไม่ทำชั่ว และยิ่งทำความดีด้วยแล้ว โคตรเท่เลย คือบางคนแต่งตัวธรรมดาซอมซ่อมาก เป็นวัยรุ่นที่ไม่มีรถขี่ แต่จะข้ามถนนเห็นคนแก่ จูงคนแก่ข้ามถนน นี่ก็เท่แล้ว ในความรู้สึกผมนะ นี่ดูดีแล้ว จิตใจคุณเท่มาก
ในชีวิต มีเรื่องอะไรบ้างที่คิดว่าเท่และอยากทำ แต่ยังไม่ได้ทำ
 
(นิ่งคิด) เป็นนักฟุตบอลระดับชาติ คือเป็นความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งการเล่นดนตรีและเล่นฟุตบอล แต่เราไม่ได้เป็นตัวแทนโรงเรียนนะ เล่นแค่กีฬาภายในของโรงเรียน เพราะมันต้องซ้อมหนัก และที่สำคัญ ผมต้องเล่นดนตรีเลี้ยงชีพตัวเองตั้งแต่เด็กๆ คือต้องหาเงินส่งตัวเองเรียน เพราะฉะนั้น ชีวิตก็เลยมุ่งไปทางดนตรี เราไม่ได้อยู่ในครอบครัวคนมีตังค์ การเล่นดนตรีมันสามารถช่วยหาเงินได้ และด้วยความที่พ่อเป็นนักดนตรี ท่านก็ส่งเสริมเราให้มาทางด้านดนตรี

เรามองย้อนกลับไปแล้ว ก็คิดนะว่า ถ้าตอนนั้น เราบ้าบอลมากๆ แล้วเลือกการเตะฟุตบอลเป็นอาชีพไปสายอาชีพ เล่นบอลนักเรียนไปถึงโค้กคัพ ชีวิตความเป็นนักร้องและอนาคต อาจจะไม่ใช่อย่างนี้ก็ได้
…………………………………………………………………………………

*บางทัศนะของผู้ชายชื่อ “เท่ห์”*
ยุคมืดวงการเพลงไทย
 
ผมมองว่า มันมาตั้งแต่ยุคเทปผีซีดีเถื่อนแล้วล่ะครับ มันเลวร้ายมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว มันทำให้คนที่อยากจะทำงานสร้างสรรค์จริงๆ รู้สึกท้อแท้ เลยคิดว่าทำอะไรออกมาง่ายๆ แล้วกัน ไม่ต้องคิดมาก แค่นั้นเอง จริงๆ ก็ต้องโทษในเรื่องของการปราบปราม และผู้บริโภค ถ้าเราไม่ซื้อซะอย่าง คนที่ทำขายก็คงขายไม่ได้ เหมือนกับกรณียาบ้า ถ้าคนซื้อไม่ซื้อ คนขายจะผลิตมั้ย

แต่เราลองมานั่งนึกสภาพว่า คนที่ขายเทปผีซีดีเถื่อน ไม่ได้จ่ายภาษีให้บ้านเมืองนะ ไม่ได้จ่ายภาษีให้รัฐบาล มิหนำซ้ำ ยังทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศชาติเสียหาย ทำไมเราถึงไม่จับและปรับให้มีโทษเท่ายาบ้า ให้เท่ากับยาเสพติดเลย เพราะถือว่าคุณทำลายระบบของประเทศชาติ นี่ขนาดว่า ที่ผ่านมา ค่ายเพลงทั้งหลายเขาลดราคาลงมาสู้ จากสองร้อยกว่าบาท ลดลงมาเหลือ 139 บาท คือเราคิดว่า เจ้าของกิจการ ลดราคามาสู้แล้วนะ ตอนหลังปรากฏว่าเละกว่าเดิมอีก

เรารู้สึกว่ามันน่าสงสารคนทำเพลง รู้เลยว่า เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว คนทำดนตรี คนทำเพลงมีเงินในการทำงาน ถึงขนาดทำห้องบันทึกเสียงเองที่บ้าน ทำนั่นนี่ผลิตเองที่บ้านหมดเลย บอกได้เลยว่าใครเกิดมาเป็นนักดนตรีประเทศนี้ ยุคนี้ เวลานี้ จะสามารถหาเงินได้ 30-40 ล้านบาท เหมือน 10-20 ปีก่อน ยากมาก เพราะสถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว นักดนตรี นักแต่งเพลงบางคนที่เป็นมือแอเรนจ์ผุดขึ้นดอกเห็ด ทุกคนเรียนจบมา ต่างคนต่างเก่ง แต่ทุกคนต้องมาแข่งกันในเรื่องการลดราคา ซึ่งมันจะมีประโยชน์อะไร เนื่องจากข้าวของแพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่เราต้องลดในเรื่องรายได้
ยุคสมัยแห่งการดังเพลงเดียว
 
นักร้องนักดนตรีบ้านเรา ถ้าไม่ดังสุดๆ ประเภทติดลมบนจริงๆ หรือว่าดังทั่วประเทศแบบพี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย์) รับรองอยู่ยาก บางทีก็น่าสงสารนักร้อง หรือว่าเด็กๆ สมัยนี้ บางคนดังเพลงเดียว แล้วค่ายที่ดูแล คือดูแลแบบเทวดา เด็กทำอะไรไม่เป็น แล้วก็ไปวางตัวให้เด็กเป็นแบบเทวดา คนนั้นแตะต้องไม่ได้ แม้กระทั่งแฟนคลับที่เคยเชียร์ ค่ายยังไม่ให้เข้าใกล้เลย กว่าจะถึงตัว กว่าจะอะไรก็ยาก เลยรู้สึกว่า เด็กๆ บางคนดังเพลงเดียว จากนั้นคุณก็ปั้นคนใหม่ขึ้นมา และไอ้นั่นทำตัวยังไงอ่ะ ทำตัวไม่ถูก ก็เป็นผลจากผู้ใหญ่ดูแลไม่สุด ดูแลเขาแป๊บเดียวในช่วงที่เขาดัง หลังจากนั้นคุณก็ปั้นคนใหม่ขึ้นมาแทน แล้วก็ไม่สนใจคนเดิม เหมือนคุณเอาแต่เงินน่ะ คุณไม่ได้คิดถึงคุณภาพของคน

เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : ปัญญพัฒน์ เข็มราช
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>อัปเดตหลากหลายเรื่องราวข่าวสาร สาระบันเทิงได้ที่แฟนเพจ mars magazine