Marsmag.net

‘ฌอห์ณ จินดาโชติ’ เปิดอ่านก่อนแล้วจะรู้จักผม

ฌอห์ณ จินดาโชติ ภายนอกอาจดูเป็นหนุ่มหล่อหน้าใส ไม่ต่างกับดารารุ่นใหม่แจ้งเกิดรายวัน แต่หากได้สัมผัสอีกด้านของผู้ชายคนนี้ จะพบทัศนคติเชิงบวก มองโลกในบริบท ซึ่งผู้ใหญ่หลายคนอาจคาดไม่ถึงเสียด้วยซ้ำว่าจะพบได้ในดาราคนนี้

ตอกย้ำความเป็นนักคิดของเจ้าตัวด้วย ‘Present Perfect เพราะวันนี้…ดีที่สุดแล้ว’ พ็อคเก็ตบุ๊คเพิ่งเปิดตัวในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งล่าสุด สร้างกระแสความฮือฮาด้วยการเป็น Best seller ถึงขั้นต้องตีพิมพ์เป็นครั้งที่ 6 โดยเนื้อหาส่วนใหญ่บอกเล่าเรื่องราวคนรอบข้าง ผ่านสายตาของเจ้าตัว แม้อาจไม่ใช่ความรู้แน่นหนา ผลักดันให้มีวิทยฐานะ หรือร่ำรวยชนิดพลิกชีวิต แต่เขามั่นใจว่าผู้อ่านจะได้รับรู้ถึง ‘อีกมุมหนึ่ง’ ของความเป็นจริงการใช้ชีวิต

จุดเริ่มต้นของการเข้ามาอยู่ในแวดวงน้ำหมึก นอกจากแรงผลักจากคนรอบข้างแล้ว การบวชเรียนยังช่วยให้เขามองเห็นสิ่งที่ตนเป็น และเชื่อมั่นว่าจะสามารถเขียนหนังสือได้สักเล่ม

“ผมมารู้ตัวว่าสิ่งที่ผมชอบทำ นั่นคือการขีดเขียนมันมี impact ของคนเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนคือมันมีกลุ่มคนมาติดตามในอินสตาแกรม เป็นกลุ่มที่ชอบในการเขียน ถ่ายภาพของเรา ไม่ได้มาชื่นชอบในอาชีพดารา การที่คุณไปกด follow ใครคนมันคือการยอมรับในตัวตนของเขา เลือกที่จะติดตามใน 365 วันนับจากนี้

มีครั้งหนึ่งผู้จัดการของผมถามว่า เคยคิดไหมเราน่ะจะเป็นนักเขียนได้? ผมบอกมันเป็นแค่ความฝันน่ะพี่ ผมอายุเท่านี้ มีอาชีพอย่างนี้ คนเขาจะคิดว่าเป็นดารามาเล่าเรื่องชีวิตแหละ ดูเฉยๆ ใครๆ ก็ทำได้ พี่เค้าก็บอก เหรอ…ลองไปคอดดูอีกทีนะ มาถึงตอนบวชนี่แหละครับ ทำให้รู้จักตัวเองมากที่สุด กินข้าวก้นหม้อ เดินด้วยเท้าเปล่า ทำตัวเหมือนชาวบ้านทั่วไปทำให้รู้ว่า เฮ้ย…ชีวิตมันกลมกล่อมขึ้น ช่วงธุดงค์ตระหนักคำว่า ‘วันหนึ่ง’ ขึ้นมา วันหนึ่งที่มันผ่านไปแล้ว กับวันหนึ่งที่เราวาดฝันกำลังจะเกิด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการลงมือทำตามความฝัน เพื่อให้วันหนึ่งมาเป็นวันนั้นของเรา”

‘เล่าเรื่องคนอื่นสนุกกว่าเล่าเรื่องของตัวเอง’ คือโจทย์ข้อแรกที่ ฌอห์ณ ตั้งไว้ และพยายามเลี่ยงหน้าปกไม่ให้เป็นรูปตัวเองเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากเจ้าตัวไม่อยากพยายามเอาอาชีพดาราไปยัดเยียดให้ผู้อ่าน

“ชีวิตดาราได้เปรียบมากกว่าคนอื่น ในหนึ่งวันเรามีโอกาสเจอคนหลากหลาย ฉะนั้นผมได้พบทัศนคติของคนที่แตกต่าง ได้เจอผู้คนเจ๋งๆ เมื่อเรามีภาษีดีกว่าคนอื่น ทำไมเราไม่เอามาปรับใช้ ผมรู้สึกว่าทุกครั้งที่เล่าเรื่องบุคคลที่สามมีตัวตนจริงๆ คนมักจะอินไปด้วย อาจเพราะเราไม่ได้ให้เครดิตตัวเอง เล่าแต่เรื่องตัวเองจนมันดูน่าเบื่อ วิธีการดำรงชีวิตของคนอื่นต่างหาก อันนี้น่าสนใจ

ฌอห์ณ ใช้วัตถุดิบอันเป็นผลจากการดำเนินชีวิตของตนเอง ทำให้ทุกตัวหนังสือถูกถอดมาจากประสบการณ์จริง

“ความยากอยู่ตรงการเลือกเรื่องราว เพราะด้วยหนังสือมีพื้นที่จำกัด ผมเขียนมาเกือบห้าร้อยเรื่อง แล้วต้องตัดใจนำมาลง 29 – 30 เรื่อง บางครั้งผมชอบเรื่องหนึ่งมากแต่สำหรับผู้อ่านดูเข้าใจยากเกินไป เขาอาจชอบเรื่องนี้มาก แต่สำหรับผมเขียนด้วยอารมณ์เฉยๆ ฉะนั้นผมจึงต้องมาลงน้ำหนักให้เป็นเหมือนภาพยนตร์ นอกจากผู้กำกับจะชอบแล้วผู้ชมต้องชอบด้วย

ไม่ใช่เพียงเขียนเรื่องให้น่าสนใจเท่านั้น ต้องตอบให้ได้ว่าเราจะให้อะไรกับผู้อ่าน การเป็นคนมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงเหมือนดาบสองคม บางคนอาจมองว่า ก็แค่ดาราเขียนหนังสือจะไปน่าสนใจอะไร แต่สำหรับ ‘Present Perfect’ ผมอยากให้ลองเปิดอ่านเนื้อหาด้านใน แล้วจะพบว่าคุณเองก็มีประสบการณ์ ณ ช่วงหนึ่งของชีวิตคล้ายคลึงกัน ผมแค่ไปเจออีกมุมที่คุณอาจเจอบ้างไม่เจอบ้าง ผมเอามาขยี้ เอามาเรียบเรียงให้ละเอียดละมุนละไมมากขึ้น ใส่ใจกับมันมากขึ้น”

กับข้อคำถาม ฌอห์ณ มองเรื่องทัศนคติของคนทั่วไป เมื่อดาราสักคนมาเขียนหนังสือว่าอย่างไร เขาบอกกับเราว่า ‘อย่าตัดสินคน หรือหนังสือแค่หน้าปกแค่ผิวเผิน’ นี่คือคำที่คลาสสิค เป็นเรื่องจริงอยู่ทุกวันนี้

“มันมีคำคำนี้ครับ Don't judge a book by its cover. แต่ผมไม่เคยว่าใครที่คิดแบบนี้นะ เพราะถ้าคุณจะซื้อคุณก็ต้องพลิกดูหนังสือ สำหรับผลงานชิ้นนี้ ผมภูมิใจที่สุด คือภูมิใจในตัวเอง ผมว่าผลงานที่เราทำอะไรกับมันแทบจะ 100 % บอดเล่าเรื่องราวตั้งแต่วัยเด็ก มันไม่ใช่เรื่องง่าย

คำว่า ทัศนคติ หรือว่าค่านิยมของสังคมมันมีเยอะ หนังสือคือการที่ใครคนหนึ่งจะเขียนมันต้องมีประสบการณ์ และมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับมุมมองการใช้ชีวิตด้วย ยิ่งผมในวัยนี้มาตรฐานคนอ่านค่อนข้างจะสูง ฉะนั้นการตัดสินมันมีมาตั้งแต่เริ่มต้น ผมเป็นนักแสดงวัยรุ่น ความสำเร็จมันไม่ได้การันตีว่าทุกคนจะซื้อ มันมีแต่คำว่าข้อจำกัดไปหมด พอมีโอกาสทำในสิ่งที่เราชอบ จึงไม่ได้คำนึงถึงยอดขาย หรือกระแสอะไรมากนัก มันคือโบนัสของชีวิตมากกว่า”
ไม่ใช่เพียงหนังสืออ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่สำหรับ  ‘Present Perfect’ เขาอยากให้อะไรกับผู้อ่านมากกว่านั้น
“ผมว่าผู้อ่านน่าจะได้อะไรบ้างเหมือนคำนำที่ผมเขียนคือ 'อีกมุมนึง' ชีวิตคนเรามันคือโลกที่มี 360 องศา เราอยู่กับตัวเองจนเคยชินจนไม่ค่อยแน่ใจว่าทุกวันนี้มันดีที่สุดหรือเปล่า ผมแค่ไปเจออีกมุมที่คุณอาจเจอบ้างไม่เจอบ้าง ผมเอามาขยี้ เอามาเรียบเรียงให้ละเอียดละมุนละไมมากขึ้น ใส่ใจกับมันมากขึ้น เพื่อทำให้คนอ่านรู้สึกว่าเฮ้ยมันมีมุมแบบนี้ด้วยหรือ?”

นับจากวินาทีแรกที่ ฌอห์ณ ก้าวเข้าสู่แวดวงน้ำหมึก กระทั่งประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เจ้าตัววางแผนในอนาคตของงานเขียนให้เป็นการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับปรัชญาชีวิตในการเดินทาง

“ผมเดินทางบ่อยในหลายประเทศ Present perfect มันเป็นเหมือนน้ำจิ้มให้คนรู้จักผม รู้จักวิธีการเขียนแบบนี้ ต่อไปมันต้องโตขึ้นด้วยวัยที่เราผ่านไป การเดินทางเราจะเจอผู้คน และความแตกต่างทางภาษา เป็นมุมมองที่เราต้องมองให้ขาด ไม่ใช่แค่เล่าว่า นิวยอร์กมีอะไร มุมไบมีอะไร แต่เรานำวิถีการดำเนินชีวิตของเขามาเล่าใหม่ ทำใหม่ เรียบเรียงให้มันไม่ดูง่ายจนเกินไป ให้มันโตขึ้น ให้ผู้อ่านรู้สึกได้อะไรมากขึ้น”

ฌอห์ณ ทิ้งท้ายกับเราว่า จะด้วยวิธีใดก็ตามทั้ง ฟรี ยืม ซื้อ หรือเก็บหนังสือ Present perfect ได้ เป้าหมายของเขาคืออยากให้ผู้อ่านสามารถเก็บเกี่ยวทัศนคติในนั้น และนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้บ้าง ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม

“ผมยังเด็กอาจจะมาสอนผู้ใหญ่ไม่ได้ แต่ก็มีผู้ใหญ่ที่ดีที่สอนมา และเอามาบอกคุณอีกต่อ ลองเปิดพื้นที่ในหัวใจแล้วนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตของคุณ จะรู้ว่าชีวิตมันมีอะไรที่น่าสนใจอีกเยอะ”
เรื่อง : กรรณิการ์
ภาพ : พาณุวัฒน์ เงินพจน์