Marsmag.net

เสียงสะท้อนจากสองตำนาน เมื่อวงการ ‘มวยไทย’ ใกล้อวสาน


“วงการมวยถึงจุดตกต่ำสุดๆ คนดูหายไป เพราะการให้คะแนนของกรรมการที่ไม่ได้ให้เพราะการออกอาวุธมวย แต่ให้เพราะลูกแข็งแรงกับหน้าเสื่อ ศิลปะมวยไทยหายหมดแล้ว ต่อไปจะดูศิลปะมวยไทยต้องดูต่างชาติชก ถ้าจะดูมวยปล้ำต้องมาดูนักมวยไทยชก”
คำจากปากของ ‘สามารถ พยัคฆ์อรุณ’ อดีตยอดมวยเจ้าของเข็มขัดแชมป์มวยไทยเวทีลุุมพินี 4 เส้น และอดีตแชมป์โลกมวยสากลอาชีพรุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวทของสภามวยโลก สะท้อนถึงความเป็นไป ณ ปัจจุบันของวงการหมัดมวยบ้านเราอย่างชัดเจน
เช่นเดียวกับอีกหนึ่งยอดมวยรุ่นราวคราวเดียวกันอย่าง “ขุนเข่าเสาโทรเลข” ดีเซลน้อย ช.ธนะสุกาญจน์ ที่ให้ความเห็นในทางเดียวกัน พร้อมระบุว่า สาเหตุที่วงการมวยไทยในปัจจุบันถึงจุดเสื่อม เพราะกติกาและการทำหน้าที่ของกรรมการได้รับการกดดันจากเซียนมวย ทำให้มวยไทยไม่ได้รับความนิยมเหมือนในอดีต
ยิ่งไปกว่านั้น ผลของมวยคู่พิเศษที่ ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ ใช้ชั้นเชิงมวยสากลไล่ต้อน “ผู้พันวิทย์” ยอดวันเผด็จ ส.จุลเสน อยู่ฝ่ายเดียว แต่สุดท้าย กรรมการกลับตัดสินให้ทั้งคู่เสมอกัน จนฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของไทยถึงกับเอ่ยปากบ่นว่า เหมือนโดนปล้น กรรมการตัดสินเหมือนกลัวโดนอุ้ม พร้อมประกาศแขวนนวมทันที และทำให้ไฟต์ที่ใครๆ มองว่า ‘ปาหี่’ กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที
หลายเหตุประกอบกันจี้จุดชี้ชัดว่า ‘วงการมวยไทยใกล้ถึงกาลอวสาน’ mars มีเสียงสะท้อนจากสองตำนานยอดมวยไทยอย่าง ‘เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง’ อดีตแชมป์มวยไทยหลายรุ่นของเวทีลุมพินี และ ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ เจ้าของชื่อ ‘พิมพ์อรัญเล็ก ศิษย์อรัญ’ อดีตยอดมวยไทยชื่อดังผู้ผ่านสังเวียนผ้าใบมาอย่างโชกโชน ครั้งหนึ่งทั้งสองท่านได้แสดงทัศนะถึงวงการมวยไทยไว้อย่างน่าสนใจ

คิดว่าวงการมวยไทยปัจจุบันเป็นอย่างไร
เจริญทอง: มวยไทยที่ต่อยกันจริงๆ ตอนนี้ ผมคิดว่ามันยังธรรมดาเกินไป แต่พอมวยย้อนยุค หรืออะไรทำนองนี้เข้ามา ด้วยชื่อเสียงและกระแสมันก็ทำให้น่าสนใจขึ้น อีกอย่างการได้ไทยไฟต์เข้ามาช่วย ก็ทำให้มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายเริ่มหันมาดูมวยไทย มันเลยทำให้คนเหล่านี้มาซ้อมมวยเยอะขึ้น เขามาต่อยมวยเพื่อออกกำลังกายกัน เพราะว่าช่วงก่อนหน้านี้ผู้หญิงเขาจะไม่สนใจเรื่องมวยเลย

สมรักษ์: วงการมวยทุกวันนี้ ผมคิดว่ากำลังก้าวสู่ความเป็นอินเตอร์มากขึ้นนะครับ โดยเฉพาะเมืองนอก ต่างประเทศจะนิยมมวยไทยกันมาก และหันมาฝึก มาเรียนมวยไทย แต่ในเมืองไทยเรากลับสวนทางกัน คนไทยจะยอมเสียค่าผ่านประตูเพื่อไปดูมวยไทยกันน้อยมาก คนไม่เข้าไปดูมวยเยอะเหมือนยุคก่อนๆ ยอดผ่านประตูแต่ละครั้งก็ไม่ค่อยดี ต้องรอฝรั่งมาดู ยอดถึงจะเยอะ ถ้าเอาเฉพาะคนไทยเนี่ย มันจะหายไปเรื่อยๆ อาจจะเป็นเพราะว่าระบบการตัดสิน ระบบการพนันเข้ามายุ่งเกี่ยวเยอะมาก มันก็เลยทำให้คนค่อยๆ หายไป
แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็จะมีคนที่เริ่มหันมาสนใจมวยไทยมากขึ้นเหมือนกัน เราจะเห็นว่าฝรั่งเริ่มมาเรียนมวยไทยกันเยอะ มวยไทยก็เริ่มบูมขึ้นมาหลังจากมีการประชาสัมพันธ์ที่ดี เพราะผมคิดว่า ชั่วโมงนี้ ในภาวะบ้านเมืองเราตอนนี้ ภัยมืดมันเยอะ ทุกคนต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน ผู้หญิงตอนนี้ก็เลยนิยมมาเรียนมวยไทย เด็กๆ ก็เริ่มหันมาเรียนมวยไทย อย่างน้อยๆ ก็เป็นการออกกำลังกาย และเป็นศิลปะป้องกันตัวได้ด้วย อย่างเช่นมีเด็กตัวเล็กๆ ที่พ่อแม่เอามาเรียนกับผม เด็กไม่สบาย หรือโดนเพื่อนรังแกก็เอามาเรียนมวยไทย คือไม่ได้จะสอนให้ไปเอาคืนเขานะ แต่มันเป็นการป้องกันตัว และทำให้เด็กแข็งแรงกระฉับกระเฉงมากขึ้น มันได้ผล
อย่างค่ายมวยของเจริญทองเนี่ย ไฮโซพากันไปเรียนเยอะมาก อาจเป็นเพราะว่าครูหล่อก็ได้ (หัวเราะ) จริงๆ แล้วไปเรียนแบบนี้มันดีกว่านะ สมัยก่อนคนนิยมไปฟิตเนสใช่ไหม ฟิตเนสราคาคอร์สหนึ่งมันตั้งหลายหมื่น แต่มาเรียนมวยไทย หนึ่ง-ราคาถูกด้วย สอง-มันได้ออกกำลังกายทุกสัดส่วน สาม-ได้วิชาป้องกันตัว เลยทำให้กระแสมวยไทยเริ่มจะดีขึ้น
อีกอย่างกระแสที่ทำให้บูมขึ้น ผมคิดว่าน่าจะมาจากบัวขาว หรืออาจมาจากไทยไฟต์ที่จัดขึ้นมาเป็นรูปแบบของซุปเปอร์สตาร์ เป็นรูปแบบของไฮโซ เปลี่ยนมวยไทยไปสู่รูปแบบของเอนเตอร์เทน ทำให้คนรุ่นใหม่รู้จักมวยไทยมากขึ้น ต้องยกเครดิตอันนี้ให้กับบัวขาว และทีมงานไทยไฟต์

มวยไทยยุคปัจจุบันมีพัฒนาการขึ้นมาอย่างไร เมื่อเทียบกับมวยไทยยุคก่อน
เจริญทอง: เหมือนที่สมรักษ์เขาบอกแหละ สมัยนี้คนเขาไม่ค่อยดูมวยกันจริงจัง ส่วนมากมีแต่ต้องการดูฟรี คือการเข้าดูฟรีใครก็อยากดู แต่ว่าเวลาชกกันจริงๆ มันไม่ได้เป็นแบบนี้ มันจะคนละอย่างกันเลย

สมรักษ์: สมัยผมชกมวยเมื่อก่อนเนี่ยคือของจริงนะครับ คำว่าของจริงคือ ขึ้นไปบนเวที นับถอยหลังห้า-สี่-สาม-สอง ถ้าใครวางเดิมพันก็จะได้เสียกัน ทำให้เกมบนเวทีมันสนุก เสียงเชียร์มันดังสนั่น แดง เฮ้! น้ำเงิน เฮ้! เราเรียกว่าของจริง ของจริงเนี่ยหมายถึงว่า คนกล้าวางเดิมพันได้เสีย แต่ทุกวันนี้มันพัฒนาไปสู่รูปแบบของมวยไทยเอนเตอร์เทน ไม่มีการเล่นได้เสีย เป็นมวยไทยบันเทิง คือเมื่อขึ้นชกก็จะมีรูปแบบของแสง สี เสียง เป็นรูปแบบของเกมโชว์ แต่ไม่มีการเล่นได้เสีย ถ้าดูไปดูมามันคล้ายการต่อยมวยไทยเพื่อโชว์ แต่อีกแง่หนึ่งมันเป็นการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าเมื่อเราเอานักมวยไทยมาต่อยกับฝรั่ง มีน้อยมากที่คนไทยจะแพ้ เพราะฉะนั้นเราจะเห็นแสง สี เสียง ตระการตา แต่ขึ้นไปจะมีแค่คนไทยไปไล่เตะฝรั่ง เรียกว่าเดิมพันหนึ่งร้อยต่อหนึ่งบาท ยังไม่มีคนรองเลย มันเลยกลายเป็นการบันเทิงเสียมากกว่า แฟนมวยตัวจริงเขาไม่ดู จะเห็นว่ามวยแบบนี้มีการเกณฑ์คนมาดู และมีการจัดฉาก แฟนมวยจริงๆ สายแข็งๆ เขาไม่ดูกัน เขาเรียกกันว่ามวยลิเก แต่มันเป็นการเผยแพร่ศิลปะมวยไทย ให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสนใจ

มีความคิดเห็นอย่างไรต่อนักมวยไทยรุ่นใหม่
สมรักษ์: ถ้าพูดกันจริงๆ ผมคิดว่าเด็กรุ่นนี้ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ไม่เหมือนยุคเจริญทอง ยุคพวกผมนี่จะมีแต่ตัวสุดยอด สังเกตได้จากเด็กรุ่นใหม่ๆ เนี่ยจะไม่ค่อยมีแฟนคลับ ทุกวันนี้จะหาพวกที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ยาก เหมือนเด็กรุ่นใหม่ตอนนี้มาชกเอาค่าตัวแล้วก็กลับบ้าน ไม่ห่วงคนเล่นเดิมพัน (หัวเราะ) คือจริงจังนะครับ แต่มันก็ได้แค่นั้น มันไม่มีลีลาแพรวพราว มันไม่มีลูกล่อลูกชน มันไม่คลาสสิก เลยทำให้ไม่เพลินตา หรือมันอาจจะมาจากระบบการตัดสินของกรรมการก็เป็นได้ เพราะเด็กรุ่นใหม่ตอนนี้เอาความแข็งแรงเข้าว่า พอระฆังตี ก็เข้าปล้ำตีเข่ากันอย่างเดียว ศิลปะมวยไทยก็เลยหาย มันเลยไม่มีนักมวยที่เด่นๆ ออกมา มีความแพรวพราว มีชั้นเชิง มีไอคิววัดถึงกัน พอระฆังตีปุ๊บ เดินเข้าปล้ำตีเข่าใส่กันห้ายก ใครแข็งแรงกว่าคนนั้นชนะ มันเป็นรูปแบบของการตัดสินที่เอื้อประโยชน์ต่อมวยแข็งแรงมากกว่า

เจริญทอง: ผมก็คิดว่าเด็กรุ่นนี้ไม่ดีเหมือนรุ่นก่อนๆ นะ สมัยที่ผมต่อย เด็กๆ ฝึกมวยกันเยอะนะครับ สมัยนี้เด็กต่างจังหวัดรุ่นเล็กๆ ก็ไม่ค่อยมีแล้ว ผมคิดว่าไม่แน่นะ ต่อไปมันอาจจะหายไปเลยก็เป็นได้ มีแต่ต่างชาติที่สนใจมากกว่าคนไทย

แล้วกับมวยต่างชาติล่ะ
สมรักษ์: อย่างฝรั่งเนี่ย เคยเห็นเขาต่อยใช่ไหม มีศอกกลับ มีจระเข้ฟาดหางนะ ถ้าอยากดูศิลปะมวยไทยให้ไปดูมวยฝรั่ง (หัวเราะ) แต่ถ้าอยากดูมวยปล้ำให้มาดูมวยไทยชก เพราะพอกรรมการตัดสินให้มวยปล้ำตีเข่าชนะ แต่ละค่ายก็จะฝึกให้มีแต่มวยปล้ำตีเข่าอย่างเดียว คือไม่ต้องไปเตะ ไปศอกกลับอะไรหรอก เดินปล้ำตีอย่างเดียวก็ชนะ เป็นเมื่อก่อนเนี่ยมันจะวัดกันที่ไอคิวมวย มันไม่ใช่ว่าใครแข็งแรงจะชนะเสมอไป มันเป็นศิลปะการต่อสู้ สู้วงใน วงนอก มีลูกล่อลูกชน มีจังหวะสอง จังหวะสาม มีขยับหลอก มันจะดูเพลินและสวยงาม

มวยไทยน่าสนใจกว่ากีฬายอดฮิตอื่นๆ อย่างเทควันโด หรือยูโดอย่างไร
เจริญทอง: จริงๆ ที่ผมเปิดยิมมวยเนี่ย เพราะผมเห็นฟุตบอลเขาก็เปิดสอน เทควันโดเขาก็เปิดสอน ผมเห็นพ่อแม่บางคนเอาลูกใส่ชุดเทควันโดไปเดินห้าง ผมคิดว่ามันเป็นแฟชั่นนะ แล้วก็ตั้งคำถามว่า ทำไมพ่อแม่เด็กไม่มองภาพลึกว่ามวยไทยเป็นศิลปะประจำชาติ อีกอย่างมันได้เยอะนะ ทั้งป้องกันตัว กำลัง ร่างกาย มันได้กับตัวเราทั้งนั้น ถ้ามองไปตามโรงเรียนตอนนี้ ทำไมรัฐบาลไม่เอามวยไทยเข้าไปในหลักสูตร แต่กลับเอาพวกกีฬาอื่นๆ เข้าไป จริงๆ แล้วถ้าจะโกอินเตอร์ก็พูดกันได้อยู่แล้วล่ะ แต่ควรหันกลับมาดูแลตรงนี้ให้มากหน่อย ไม่ใช่ผู้หลักผู้ใหญ่มัวแต่อยู่เฉยๆ คือคนถ้าไม่มาดูแลเองมันไม่ได้หรอก ถ้าเอาแต่นั่งเขียน นั่งแถลงข่าวมันก็เป็นไปได้หมดแหละ คือต้องมาศึกษา มาลอง มาเล่นดู ว่ามันเป็นไปได้ไหม

เราสามารถทำให้มันเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมเหมือนกีฬาของประเทศอื่นได้ใช่ไหม
เจริญทอง: ผมถามแบบนี้ มวยไทยกับเทควันโดอย่างไหนมีมากกว่ากันในเมืองนอก มวยไทยนี่เมืองนอกมีเยอะมากนะครับ มีหลายประเทศมากๆ ตอนนี้คือหลายๆ ฝ่ายต้องช่วยกันดูแล ผู้หลักผู้ใหญ่นี่สำคัญนะ มันต้องโปรโมต และพัฒนาให้ดีขึ้น เพราะถ้ามันยังอยู่แค่นี้ ก็จะอยู่แค่นี้ อยู่ไปงั้นๆ อยู่ไปวันๆ

อย่างไทยไฟต์ถือว่าจับทางถูกแล้วใช่ไหม
เจริญทอง: ใช่ครับ ไทยไฟต์นี่คนดูเยอะนะ แล้วทำไมคนถึงดูเยอะล่ะ ก็เพราะคนเขาอยากดูแสง สี เสียง เหมือนที่สมรักษ์เขาบอกนั่นแหละ ใครก็อยากดูจริงไหม แล้วไทยไฟต์ดูฟรี และบัวขาวก็สร้างชื่อไว้ให้ ผมยกตัวอย่างมวยไทยกับฟุตบอลเนี่ย ฟุตบอลอยู่ระดับไหน แต่มวยไทยนี่มีทั้งสมรักษ์ที่สร้างชื่อเสียงถึงขั้นคว้าเหรียญทองโอลิมปิก หรือบัวขาว เขาทราย (เขาทราย แกแล็คซี่) สามารถ (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) พวกนี้ก็ดังทั่วโลกนะครับ สำหรับบางอย่าง จริงๆ ผมก็ตำหนิรัฐบาลนะ ผมถามว่าเอางบมาเทให้ฟุตบอลเนี่ย แล้วฟุตบอลมันไปถึงไหนกัน บางทีก็เอางบไปทิ้งเยอะแยะไปหมด แต่กับมวยไทยไม่มาดูแล
อยากให้เด็กมาเรียนมวย ก็ลองเอาสมรักษ์ เขาทราย สามารถ ไปเปิดคลินิกสอนมวย แล้วให้ กกท. (การกีฬาแห่งประเทศไทย) จ่ายค่าตัวดูสิ ใครๆ เขาก็อยากมาเรียนกับมวยดังๆ แต่ดูตอนนี้สิ ไม่เห็นจะมีอะไรพัฒนาขึ้น หน้าหนังสือพิมพ์ก็ให้พื้นที่กีฬาฟุตบอลตัวเบ้อเร่อ แต่กับมวยไทยมีอยู่นิดเดียว นี่ถ้าไม่ได้ฝรั่งเข้ามาช่วยนะ โปรโมเตอร์มวยก็ตายกันหมดแล้ว

สมรักษ์: คือฝรั่งเนี่ยถ้าเข้ามาเที่ยวเมืองไทย อันดับแรกก็คือต้องไปดูวัดพระแก้ว อันดับสองต้องมาดูมวยไทย ไม่ว่าจะเป็นเวทีลุมพินี หรือราชดำเนิน คือถ้าไม่มาดูมวยไทยแปลว่ายังไม่ได้มาถึงเมืองไทย จะเห็นได้ว่ามันบูมมากนะในต่างชาติ แต่คนไทยจริงๆ กลับหาย ถ้ารัฐบาลเทงบมาเยอะๆ แล้วช่วยกันทำ มันก็น่าจะส่งเสริมได้มากกว่านี้ เช่น จังหวัดหนึ่ง หรือจังหวัดหลักๆ มีเวทีมวยประจำจังหวัดสร้างขึ้นมาและรับรองโดย กกท. เหมือนส่งเสริมฟุตบอลนั่นแหละ คือก็ต้องทำให้จังหวัดหนึ่งๆ มีเวทีมวยประจำจังหวัดไปเลย เด็กเขาจะได้มีที่แข่งขัน แล้วมีงบประมาณจัดการแข่งขันมวยให้แต่ละจังหวัดจัดประจำไปเลย พอมวยมันบูมขึ้น เด็กๆ เขาก็จะทำมาหากินกับอาชีพนี้ได้

แล้วจะพัฒนาไปสู่ระดับโลกอย่างไร
สมรักษ์: มันต้องส่งเก็บตัวระยะยาว คือพอเด็กเข้าโรงเรียนกีฬาแล้ว จะไปถึงระดับทีมชาติ ระดับโลก มันก็ต้องมีระดับมหาวิทยาลัย สมมุติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์รับนักมวย นักมวยทีมชาติก็มาเรียนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือว่าจุฬาฯ รับว่ายน้ำ แบ่งกันให้ชัดเลย พอรับมาเสร็จ เราก็จ้างโค้ชแต่ละชนิดมาประจำมหาวิทยาลัยไปเลย ผมยกตัวอย่างนักกีฬาว่ายน้ำนะ ผมเคยไปพูดที่ทำเนียบรัฐบาล ผมถามว่ารัฐบาลให้อะไรกับกีฬาว่ายน้ำบ้าง เขาบอกว่าไม่ให้อะไรเลย ล้าหลัง เบี้ยเลี้ยงวันละ 150 บาท สมัยผมชกเนี่ยค่าแรงก็ 150 บาท ทั้งที่ค่าเงินมันต่างกันเยอะแล้ว ผ่านมาสิบปียังไงก็ยังงั้น เพราะฉะนั้น มันก็เลยไม่พัฒนาเท่าที่ควร ผมเลยบอกว่า กีฬาว่ายน้ำเขามีงบใช่ไหม ถ้านักกีฬาคนไหนทำได้ดี ก็ส่งไปเรียนอเมริกา ไปปีหนึ่งห้าคนสิบคน ปีหนึ่งๆ มันใช้งบมหาศาลใช่ไหม ไปแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ พอได้โควตาหลวงไปเรียนอเมริกาแล้วมันก็ทำให้สถิติตก เพราะพอได้ไปแล้วก็ไม่สนใจอย่างอื่นแล้ว ทำไมเราไม่จ้างโค้ชจากอเมริกามาประจำที่มหาวิทยาลัยของเราล่ะ แทนที่จะสอนได้สิบคน ก็สอนได้ทั้งมหาวิทยาลัย เราเลือกเอาคนเก่งที่สุด มันต้องดึงโค้ชมาประจำแต่ละมหาวิทยาลัยเลย แล้วดีลกันว่าของสมาคมมวยจะให้เอาเด็กเข้าไปเรียนที่ไหน

การฝึกซ้อมหรือพรสวรรค์อย่างไหนสำคัญกว่า
สมรักษ์: การฝึกซ้อมต้องสำคัญครับ สมัยเด็กผมซ้อมเยอะ สมมุติต่อยวันนี้เสร็จ ตื่นเช้าอีกวันผมก็ซ้อมเลย แต่จริงๆ แล้วผมมีพรสวรรค์เยอะนะครับ เพราะตอนที่ต่อยมวยครั้งแรกผมไม่เคยซ้อมเลย แล้วพอพ่อผมลากไปชก กลายเป็นเก่งเลย คือจะว่าไปแล้วผมนี่เก่งตั้งแต่ในท้องแม่นะครับ (หัวเราะ) แต่การฝึกซ้อมมันต้องสำคัญ เพราะตอนเด็กๆ ผมต่อยครั้งแรกแล้วรู้สึกชอบ หลังจากนั้นก็ซ้อมมาตลอด ซ้อมทุกวันไม่เคยมีพัก จนมวยกลายเป็นสายเลือด หลังๆ นี่เลยกลายเป็นอรหันต์ คือเรารู้ว่าถ้าจะต่อยกับคนนี้ต้องซ้อมประมาณไหน เราก็สามารถคำนวณได้ เพราะเราเคยซ้อมมาเยอะจนจบหลักสูตรแล้ว

เจริญทอง: กีฬาทุกอย่าง การฟิตซ้อมนี่สำคัญที่สุดนะครับ ถ้าเราได้ซ้อมมันจะทำให้เรามั่นใจในตัวเอง สมมุติวันนี้ซ้อมดีแล้วชนะ ต่อไปเราต้องทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม ทิ้งไม่ได้เพราะมันสำคัญที่สุด การมีชีวิตเป็นนักมวยมันต้องใช้เวลา มันต้องรักจริงๆ การงานทุกอย่างถ้าเราไม่รัก เราทำมันไม่ได้หรอก เมื่อก่อนผมซ้อมบ้าง อยู่ยิมบ้าง ออกไปเที่ยวบ้าง มันก็ไม่ดีเท่ากับได้อยู่กับมวย แต่ตอนนี้ผมอยู่ที่ยิมตลอด ใจมันรัก บางวันผมไม่อยากไปไหนเลย เช้าตื่นมาก็กินกาแฟ วิ่ง ซ้อมมวย แล้วก็สอนเด็กตั้งแต่สิบโมงถึงเที่ยง ตกเย็นกินข้าวเสร็จ ก็เข้านอน อยู่แบบนี้ตลอด ไม่ได้ไปไหน เพราะเราชอบไม่อยากไปไหนเองด้วย มวยมันกลายเป็นชีวิตไปแล้ว

ว่ากันว่าวงการมวยมักมาพร้อมการพนัน?
เจริญทอง: จริงๆ แล้วการพนันสำหรับตัวผม ผมคิดว่าไม่ดีนะ ผมเล่นไม่เป็นเลย อย่างสมรักษ์นี่เขาอาจจะมีบ้างนิดหน่อย
สมรักษ์: ไม่นิดหน่อย ผมน่ะเล่นเยอะ (หัวเราะ)

มันส่งผลดี ผลเสียต่อวงการมวยไทยอย่างไร
สมรักษ์: มันเป็นผลดีนะครับ คือมวยเนี่ย มันเป็นศิลปะประจำชาติไทย มันต้องมาคู่กับการพนันอยู่แล้ว คือต้องเข้าใจนะว่า คนมาดูมวย เขาก็ซื้อบัตรมาเพื่อจะเล่นเดิมพัน มันเป็นแบบแฟนคลับใครแฟนคลับมัน มาเล่นกันได้เสีย มันเพิ่มรสชาติในการเชียร์มวย อีกอย่างถ้าใครเป็นพวกเซียนเนี่ย เขาเล่นแล้วได้ตังค์นะ ซื้อตั๋วเข้ามาดูทุกวัน พวกเซียนจริงๆ ที่เล่นเป็นอาชีพเนี่ย รวยนะครับ ส่งลูกไปเรียนเมืองนอกได้เลย เพราะว่าเขาเล่นแบบฉลาด

มันช่วยขับเคลื่อนวงการมวยด้วยใช่ไหม
สมรักษ์: ใช่ครับ คือต้องเข้าใจว่า การพนันในเวทีมวยมันถูกกฎหมายนะ เวทีราชดำเนิน ลุมพินีนี่ถูกกฎหมาย การที่นักมวยจะต่อยได้ค่าตัวเป็นแสน มันต้องอาศัยแฟนมวยซื้อตั๋วเข้าไปดู เข้าไปดูเยอะ นักมวยจะได้ค่าตัวเยอะ มันต้องอาศัยพวกเซียนมวยซื้อตั๋วเข้าไปดู พวกเซียนมวยเข้าไปดู เขาก็ต้องเล่นมวย
เจริญทอง: ฟุตบอลล่ะ? แทงบอลนี่ถูกกฎหมายไหม (หัวเราะ)
สมรักษ์: ตอนนี้เริ่มจะถูกกฎหมายนะ (หัวเราะ) ก็พวกตำรวจเป็นโต๊ะเอง ตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมาย มันเลยกลายเป็นถูกกฎหมายไป (หัวเราะ)

มีคำแนะนำกับนักมวยรุ่นใหม่ๆ ไหม
สมรักษ์: อย่างแรกที่จะแนะนำเลย เพราะสำคัญที่สุด ก็คือการล้มมวย เพราะการล้มมวยมันเป็นการทรยศต่อวิชาชีพ จะทำอะไรก็ไม่มีวันเจริญ การล้มมวยคือการต้มคนดู ชีวิตผมไม่เคยล้มมวย เพราะพ่อผมสอนมาว่าอย่าล้มมวย

เจริญทอง: มันไม่ดีหรอก มันเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง มีตัวอย่างให้เห็นเยอะแยะเต็มไปหมด อีกอย่างคือ ถ้าเราอยากชกมวย เราต้องทำให้เต็มที่ ถึงเวลาซ้อมก็ต้องซ้อม ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ให้ได้

ตั้งแต่ชกมาเคยมีคนมาจ้างให้ล้มมวยไหม
เจริญทอง: ส่วนตัวผมไม่มีนะครับ ไม่เคยเลย
สมรักษ์: ผมมีนะ สมัยก่อนค่าตัวหมื่นกว่าบาท ขนาดค่าตัวเป็นแสนแบ่งแล้วก็ได้แค่คนละครึ่งกับหัวหน้าค่าย ได้ประมาณห้าหมื่น วันนั้นไปชกสองรอบ ชกมวยสากลเสร็จ ก็ต้องไปชกมวยไทยกับฉมวกเพชร (ฉมวกเพชร ช่อชะมวง) ตอนเช้าไปชั่งน้ำหนักที่ราชดำเนิน เสร็จแล้วนั่งมอเตอร์ไซค์ไปชั่งที่อินดอร์สเตเดียมหัวหมาก เซียนเขาก็ตามไป ตามไปถึงเขาเรียก “ไอ้บาสมานี่ ชกสองรอบไหวเหรอ เอาแบรนด์ไปกิน” ใส่กล่องมาเลยนะ ผมก็บอกขอบคุณเขา แต่พอเปิดมานี่ โอ้โห แบงก์พันเต็มกล่องแบรนด์เลย ทั้งหมดล้านหนึ่ง เราไม่เคยเห็นเงินล้านไง ใจเต้นตุบๆ เปิดออกนับทีละใบ แต่ผมก็คิดถึงคำของพ่อว่า “มึงอย่าทรยศต่อวิชาชีพ” ก็เลยพับใส่กล่อง แล้วบอกเขาว่า พี่ครับ พ่อผมสั่งว่าห้ามผมล้มมวย เพราะล้มมวยจะไม่มีวันเจริญ พี่เอาเงินล้านเนี่ยไปเล่นผมเหอะ ไม่มีแพ้

ผลเป็นอย่างไร
สมรักษ์: วันนั้นก็ชนะ เขาเลยให้ทิปมาห้าหมื่น

คิดว่าต่อไปจะมีสมรักษ์คนใหม่ หรือเจริญทองคนใหม่ขึ้นมาบ้างไหม
สมรักษ์: มีครับมี เพราะว่าอย่างน้อย อย่างสมรักษ์ คำสิงห์, เจริญทอง, เขาทราย, สามารถ หรือนักมวยดังๆ ที่ได้เหรียญโอลิมปิก มันก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เยาวชน อย่างสมรักษ์ คำสิงห์ได้เหรียญทองกลายเป็นฮีโร่ เด็กรุ่นหลังที่เกิดวันนี้ เขาก็อยากเป็นสมรักษ์เหมือนกัน เขาก็จะมีความมุ่งมั่นในการฝึกซ้อมเพื่อจะไปแข่งขัน เพราะเขาอยากเป็นสมรักษ์ เหมือนตอนสมัยที่ผมเป็นเด็กๆ เนี่ย ขาวผ่อง (ขาวผ่อง สิทธิชูชัย) ได้เหรียญเงินโอลิมปิกมา โอ้โห เราดูทีวี เขาแห่แหนกันไปทั่ว เราก็ตั้งเป้าไว้ว่า โอ้โห ขนาดตัวดำขนาดนั้นยังดังได้เลย เราหล่อกว่าตั้งเยอะทำไมจะดังบ้างไม่ได้ (หัวเราะ) เราก็ตั้งเป้าว่าสักวันเราจะเป็นแบบพี่ขาวผ่องให้ได้ เห็นไหมเมื่อก่อนเหรียญทองโอลิมปิกได้ยากมาก พอผมได้เหรียญมา เด็กทุกวันนี้ก็อยากจะดังแบบสมรักษ์ มันก็ทำให้เขามีความมุ่งมั่น ตอนนี้ก็ได้เหรียญทองกันมาเยอะแยะ

เจริญทอง: บางคนอยากเป็นแบบสมรักษ์ อยากมีชื่อเสียงเหมือนสมรักษ์ก็ดี หรือเหมือนเจริญทองก็ดี มันก็ขึ้นอยู่ที่ความสามารถของเขา แต่ยังไงผมว่าเขาก็คงพยายามเต็มที่นะ และมันก็ต้องมีองค์ประกอบหลายๆ อย่างซึ่งจะช่วยผลักดันเขาขึ้นมา อย่างเช่น หนึ่ง-หัวหน้าค่าย หรือโปรโมเตอร์ต้องดูแล ไม่ใช่พอนักมวยต่อยแพ้ก็ไปดองเขาเป็นสามสี่เดือนกว่าจะได้ต่อยอีก แบบนี้มันก็ยาก เดี๋ยวนี้นักมวยกว่าจะได้ต่อยที ก็เฉลี่ยยี่สิบกว่าวันต่อครั้ง สมัยผมต่อยเนี่ยเดือนละสามครั้ง มันก็ได้อะไรเยอะกว่า สอง-นักมวย หัวหน้า และโปรโมเตอร์จะต้องช่วยกัน อะไรต่อมิอะไรมันก็จะดูดีขึ้น เด็กก็จะได้ตั้งใจขยันฝึกซ้อม ไปเรียนหนังสือเสร็จ กลับมาก็มาทำหน้าที่ของนักมวยต่อ นักมวยมีแค่สองอย่างก็พอ คือเรียนหนังสือและชกมวย ถ้ามีความรับผิดชอบ และที่สำคัญมันก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเด็กเองด้วยที่จะต้องขยันฝึกซ้อม

ค่ายมวยของแต่ละคนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
เจริญทอง: ตอนนี้ดีขึ้นมากครับ เพราะมีคนสนใจและเข้ามาเรียนเยอะ มีการบอกปากต่อปาก เขามองว่ามันเป็นการออกกำลังกาย เป็นการเรียนป้องกันตัว ยิมของผมจะไม่ได้เน้นไปที่การมาฝึกมวยเพื่อไปชกขึ้นเวทีเป็นอาชีพ เพราะมีผู้หญิงเข้ามาเรียนเยอะ ผู้หญิงเขาอยากดูแลตัวเอง อยากลดน้ำหนัก อยากได้กำลัง อยากเล่นให้ร่างกายมันแข็งแรง และเพื่อจะได้มีวิชาป้องกันตัว เพราะทุกวันนี้มันอันตรายจะตายไป เห็นไหม โดนปล้น โดนปาดคอ โดนจี้ คนเป็นมวยกับคนไม่เป็นมวยมันต่างกันเยอะนะครับ คนเป็นมวยแค่นิดเดียวก็จะป้องกันตัวเองได้ และมันอาจเพราะแต่ละคนที่เข้ามาเรียนเขาชอบด้วย

สมรักษ์: ของผมนี่จะเน้นนักมวยไทย แต่ถ้ามีคนทั่วไปอยากเรียนก็จะเปิดสอนบ้างนะครับ แต่เน้นพวกที่ขึ้นชกต่อยจริงๆ ปั้นขึ้นเวทีจริงๆ มากกว่า เพราะผมก็ปั้นเด็กขึ้นเวทีมานานแล้ว และจะให้ความสำคัญกับเด็กที่ด้อยโอกาส อย่างเด็กลูกวินมอเตอร์ไซค์ ลูกคนงานก่อสร้างอะไรแบบนี้ เราไม่ได้ไปหาคนที่ไหน แต่จะมองคนที่อยากเป็นมวย ถ้ามาฝากกับผม ผมก็รับหมดนะ แล้วหัดมวยให้เขา ส่งเสริมให้เขาขึ้นชก

บทบาทของคนเป็นครูสนุกไหม
เจริญทอง: ผมคิดว่ามันก็ดีไปอีกอย่าง เหมือนเมื่อก่อนเราเรียนหนังสือเราก็มีครูใช่ไหม เมื่อก่อนผมก็เป็นลูกศิษย์ การเชื่อฟังครูมันจะได้ดี ไม่มีครูคนไหนอยากสอนเรื่องเลวๆ ให้ลูกศิษย์หรอก ตอนนี้รองลงมาจากนักมวยก็มาเป็นครู การสอนลูกศิษย์เราก็ต้องทำให้ตัวเองมีเกียรติ เด็กจะได้นับถือ ทำให้เด็กเชื่อในสิ่งที่เราสั่งสอน การได้ถ่ายถอดในสิ่งที่เราเชื่อผมชอบมากนะ ทำตรงนี้มาสิบปีแล้ว ชอบมากกว่าให้ไปทำอย่างอื่น เพราะอาชีพของเราก็อยู่ตรงนี้มาตลอด

สมรักษ์: เหมือนสมัยก่อนเราเป็นนักมวย เราต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง ที่จะใฝ่ดี ที่จะมุ่งมั่น การจะต่อยมวยให้ชนะเราต้องมีความรับผิดชอบในการฝึกซ้อม สำหรับบทบาทของครู เมื่อเราไปปั้นคนรุ่นใหม่ขึ้นมาเนี่ย จะพยายามสอนให้รู้จักรับผิดชอบต่อตัวเอง แต่ต้องยอมรับว่าเด็กมันไม่ใช่ตัวเรา บางทีบอกหูซ้ายทะลุหูขวาเยอะแยะ เมื่อมันไม่ใช่ตัวเราเอง มันเลยพูดยาก ร้อยพ่อพันแม่มาอยู่ด้วยกัน เราสอนเท่าที่ทำได้ ส่วนเด็กจะทำได้ไหมมันอยู่ที่ตัวเด็กเอง เพราะต้องบอกตรงๆ ว่า เราไม่สามารถที่จะบังคับใจคนได้ นักมวยบางทีมันเลี้ยงได้แต่ตัว หัวใจมันเลี้ยงไม่ได้

ทำไมถึงรักกีฬามวย
สมรักษ์: ผมมีกินทุกวันนี้ก็เพราะกีฬามวย เป็นสมรักษ์ คำสิงห์ทุกวันนี้ก็เพราะมวย แม่ผมมีบ้านอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะมวย แล้วผมได้เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรก็เพราะมวย ถ้าเกิดให้ผมไปสอบ สอบทั้งชาติผมก็สอบไม่ติดหรอก ผมชกมวยเก่ง เขาก็มาเชิญผมไปเป็นเลย นี่ไง เพราะว่ามวย เพราะมวยให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับผม ผมถึงรักมวย

เจริญทอง: ถ้าผมไม่ชกมวยผมก็คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้แน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มาก็เพราะมวยเหมือนกัน

สมรักษ์: มวยเนี่ย ถ้ามีความรู้จริง เก่งจริง มันก็สามารถเอาเป็นอาชีพได้ เช่น สมัยเด็กๆ อาจชกมวยส่งตัวเองเรียน ชกมวยช่วยเหลือพ่อแม่ พอเลิกมวย ชกมวยไม่ไหว หมดสภาพแล้ว แก่แล้ว เขาก็ใช้อาชีพนักมวยมาเป็นครูสอนมวย กลายเป็นผู้เผยแพร่ต่อไป อย่างนักมวยเก่าๆ ที่เขาเก่งจริง ทุกวันนี้พอเลิกมวยไปแล้วก็ไปเป็นโค้ชที่เมืองนอก ตอนนี้แถบยุโรป อเมริกา เขาเคารพเรามาก เพราะฉะนั้นถ้ามีอาชีพติดตัว ก็ไม่ต้องกลัวอดตาย

หลายถ้อยหลายคำตอกย้ำถึงการ ‘ย่ำอยู่กับที่’ ของวงการนี้ แต่ในมุมดีๆ ทั้งสองท่านก็ยังคงรักในกีฬามวยและพร้อมทำหน้าที่ ‘ครู’ ประสิทธ์ประศาสตร์วิชาให้กับคนรุ่นหลังต่อไปเพื่อให้ ‘มวยไทย’ ยังคงเป็น ‘มรดกของคนไทย’ ต่อไปตลอดนานเท่านาน