Marsmag.net

'เมย์-รัชนก อินทนนท์' ขวัญใจคนเดิมที่พร้อมเติมความสุขให้คนไทย


คนไทยเริ่มรู้จักเธออย่างกว้างขวางจากฟอร์มอันยอดเยี่ยมในโอลิมปิกเกมส์ 2012

จากนั้นหนึ่งปีในวัย 18 ฝน เธอคว้าตำแหน่งแชมป์โลกด้วยการล้ม ‘ลี เสี่ยว เร่ย’ นักตบเจ้าถิ่น มือ 1 ของโลก (ในขณะนั้น) 

สองปีต่อมา เธอได้เขียนประวัติศาสตร์ให้กับตัวเองและวงการแบดมินตันไทย ด้วยการเป็น นักแบดมินตันหญิงเดี่ยวคนแรกของไทยที่สามารถคว้าแชมป์เอเชียมาครองได้สำเร็จ และเป็นการบุกไปย้ำแค้นคู่ปรับคนเดิมถึงแดนมังกรอีกครา 

ขอเสียงปรบมือต้อนรับนักแบดมินตันขวัญใจชาวไทย… 

‘เมย์ – รัชนก อินทนนท์’

สวัสดีแชมป์เอเชียคนแรกของไทย
สวัสดีค่ะ (หัวเราะ)

ในฐานะตัวแทนคนไทยต้องขอบคุณเมย์ที่ช่วยสร้างความสุขที่แท้จริงให้กับคนไทย
ต้องขอบพระคุณมากๆ เช่นกันค่ะ ที่ช่วยส่งแรงใจเชียร์หนู

ได้แชมป์เอเชียกลับมางานเดินสายเยอะไหม
ก็มีบ้างค่ะ ก็มีเดินทางไปขอบคุณสปอนเซอร์ต่างๆ ต้องขอบคุณสปอนเซอร์ทุกท่านที่ดูแลหนูอย่างดี เข้าใจในวิถีนักกีฬา แต่ละท่านไม่เคยรบกวนเวลาฝึกซ้อมของหนูเลย แต่อย่างรายการเกมโชว์ต่างๆ ก็ต้องปฏิเสธไป เพราะว่าหนูมีแมตช์แข่งขันต่อ ต้องฝึกซ้อมต่อเนื่อง จะไปทุ่มให้กับตรงนั้นก็ไม่ได้ เพราะนั่นไม่ใช่อาชีพหลักของเรา

ตอนนี้มีทัวนาเมนต์อะไรรออยู่บ้าง
หลังจากนี้ก็มีทัวนาเมนต์ซูเปอร์ซีรี่ย์ ที่ออสเตรเลียและก็อินโดนีเซีย คือตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา จะเป็นการแข่งเพื่อเก็บคะแนนไปแข่งโอลิมปิกในปีหน้า ถือว่าเป็นช่วงที่สำคัญเพราะว่าจะใช้เวลาประมาณ หนึ่งปีถึงประมาณสิ้นเดือนเมษายน 2016 โดยเขาจะเก็บคะแนนโดยเลือกจากสิบรายการที่ดีที่สุด
ส่วนซีเกมส์ เมย์ลงแข็งประเภททีมอย่างเดียว เพราะว่าติดไปแข่งลีกจีน ซึ่งเป็นอีกแมตช์ที่สำคัญมากๆ ในการสะสมคะแนน แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ ทีมชาติเรามีน้องครีม (บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์) มีพี่แนท (ณิชชาอร จินดาพล) ไม่น่าจะมีปัญหา

ซ้อมหนักเลยสิ
ก็ประมาณหนึ่งค่ะ คือก็ซ้อมปกติ ไม่ได้หักโหมอะไรมาก แต่จะเน้นมากกว่าเดิมหน่อย และก็พยายามรักษาสภาพร่างกายของตัวเองให้ดีที่สุด

ตอนนี้เมย์สังกัดทีมชาติ แต่เห็นว่าซ้อมกับสโมสร
ใช่ค่ะ คือตั้งแต่เริ่มเล่นเลยเมย์ก็ซ้อมกับสโมสรอยู่แล้ว ไม่เคยเข้าแคมป์เก็บตัวกับทีมชาติแบบยาวๆ นานๆ เลย แต่ก็มีซ้อมอยู่บ้างนิดหน่อย

ความแตกต่างระหว่างซ้อมทีมชาติกับสโมสร
ในความคิดหนู ถ้าเกิดซ้อมกับทีมชาติจะมีหญิงเดี่ยวคนอื่นๆ ที่เป็นทีมชาติเหมือนกัน ฝีมือไล่ๆ กัน ย่อมเกิดการแข่งขันกันแน่นอน เราต้องคอยควบคุมตัวเองหลายๆ อย่าง เราจะไปตามคนอื่นมากก็ไม่ได้ ตีตามแนวทางเขามากก็ไม่ได้ หรืออย่างถ้าเขาขี้เกียจซ้อมกัน แล้วใครจะซ้อมให้เราล่ะ แต่ที่นี่จะมีโค้ชและทุกๆ ท่านที่คอยใส่ใจ หาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวหนูในทุกๆ เรื่อง อย่างเวลาเมย์ไม่สบายขอโค้ชหยุด เขาก็เข้าใจให้เราหยุด แต่พอเราหายดีโค้ชก็สละเวลามาชดเชยให้เรา คือเขาไม่อยากให้เราขาดซ้อมบ่อย เพราะว่าหนูมีโปรแกรมต้องแข่งตลอด

แชมป์โลกก็ได้แล้ว แชมป์เอเชียก็คว้ามาแล้ว เหลืออีกหนึ่งคือ โอลิมปิก วาดหวังไว้แค่ไหน
ทุกคนบอกว่ามีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ หรือไม่ก็เหรียญใดเหรียญหนึ่ง เพราะถ้าวัดจากตอนนี้ทั้งผลการแข่งขัน คู่แข่ง และฝีมือเราเอง หนูก็ถือว่ามีโอกาสที่จะถึงจุดนั้นได้ แต่บางทีก็อยู่ที่เรื่องใจของหนูเอง คือมันเป็นรายการใหญ่ ถ้าใจเราถึงจริงๆ ก็มีโอกาส และทุกคนส่วนใหญ่ก็จะคาดหวังกับรายการนี้สูง ถ้าตีดีก็ดีเลย แต่หากหลุดฟอร์มก็ออกทะเลไปเลย

หลังจากได้แชมป์โลก มีฟอร์มหลุดไปอยู่พักหนึ่ง
ใช่ค่ะ ตอนนั้นคือเป็นเพราะความคิดของหนูเองที่ว่าเราไปถึงจุดของแชมป์โลกแล้ว ก็เลยคิดว่าระดับซูเปอร์ซีรี่ย์เราต้องทำได้แน่ๆ มีโอกาสแน่ๆ ตั้งเป้าไว้ว่าอยากจะชนะตลอด จะบุกจะตบอย่างเดียว พอบุกไม่ตายก็เหมือนว่าไม่รู้จะตีอะไรแล้ว เลยกลายเป็นความกดดันตัวเอง สร้างมันขึ้นมาด้วยความคิดของเราเอง
พอหลังจากนั้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาก็เลยตั้งสติกับตัวเองใหม่ เริ่มจากศูนย์เลย คือจะไม่คิดมาก และพยายามทำมันให้เต็มที่ ผลเลยออกมาดีได้แชมป์เอเชียนั่นเอง

คนคาดหวังกับเราไว้เยอะ เราก็คิดว่าน่าจะได้ ตรงนี้จะสร้างเป็นแรงกดดันเหมือนครั้งที่แล้วไหม
หนูคิดว่าเรื่องนี้อยู่ที่ว่าเราจะบริหารความคิดและสภาพจิตใจเราได้ดีแค่ไหน เพราะว่านักกีฬาก็หวังที่จะชนะ อยากให้ผลงานออกมาดีที่สุด ครั้งที่แล้วหนูก็คิดว่าหนูทำดีที่สุดแล้ว เพราะตอนแรกหนูเจอกับนักแบดฯ จากเยอรมนีซึ่งไม่เคยชนะเลยตั้งแต่รายการซูเปอร์ซีรี่ย์ แล้วก็เพิ่งมาชนะเขาครั้งแรกที่โอลิมปิก แต่จากที่หนูบอกคือเราก็รู้ฝีมือของแต่ละคนและตัวเราเองอยู่ บวกกับประสบการณ์การควบคุมตัวเองต่างๆ ที่ดีขึ้น ก็เลยรู้สึกมั่นใจ
ตอนนี้ไม่รู้สึกกดดันเลยค่ะ อย่างรายการล่าสุดที่อินโดนีเซีย ก็เจอกับนักแบดฯ เยอรมนี หนูก็พยายามคิดว่าเราได้แชมป์มาแล้ว มีดีกรีแล้ว ต้องตีอย่างไรให้เขารู้สึกว่าในครั้งต่อๆ ไปเขาจะไม่อยากเจอกับเราอีก พยายามตีให้แต้มห่างที่สุด เกมแรกก็สูสีหน่อยๆ แต่เกมสองก็พยายามปิดให้ขาดไปเลย

คู่แข่งคนไหนที่ไม่อยากเจอ
มีนักกีฬาจีนชื่อว่า ‘หวัง ยี่ ฮาน’ หนูเจอเขามา 9 ครั้ง ไม่เคยเอาชนะได้เลย แรกคือเรื่องแรง หนูสู้เขาไม่ได้ เพราะเรื่องกำลังจีนถือว่าขึ้นชื่อมาก มาตอนนี้หนูแรงก็ไม่ได้หมด ฝีมือก็ไม่ได้แพ้ ก็คงเป็นเรื่องของใจมากกว่า อย่างลูกที่ควรต้องเด็ดขาดใจหนูยังไม่เหี้ยมพอเท่ากับเขา แต่ถามว่าครั้งต่อไปเราอยากเจอไหม ก็อยากเจอนะ จะได้ลบสถิติตรงนี้เสียที
ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่หนักใจอะไร เพราะก็สูสีกันทั้งนั้น ถือว่าเป็นการวัดใจตัวเองไปในตัว เพราะการที่เราไม่อยากเจอก็เหมือนว่าเรากลัว คืออาจจะมีบ้างว่าเขากำลังฟอร์มดีเราก็หวั่นๆ แต่อีกใจก็คิดว่า วัดกันไปเลยดีกว่า หากเราชนะเราก็จะยิ่งได้ใจว่า ขนาดเขาฟอร์มดีเรายังชนะเลย ได้พลังมาเต็มๆ ก็เลยไม่ได้กลัวใคร

ว่ากันว่าเรื่องของรายได้ แบดมินตันเป็นกีฬาที่ไม่ได้มีรายได้มากมายอะไร เมื่อเปรียบเทียบกับกีฬาข้ามเน็ตเหมือนกันอย่างเทนนิส
จริงค่ะ แต่ตอนนี้ก็ถือว่าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆ รุ่นพี่ที่ตอนนี้เป็นโค้ชให้หนูก็เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนได้น้อยมากๆ รุ่นเมย์โชคดีเงินรางวัลสูงขึ้น
ตอนเด็กๆ หนูก็ไม่ได้คิดจะยึดเป็นอาชีพเลย ตอนนั้นไม่ได้คาดหวังว่าเราจะต้องเป็นนักแบดฯ ทีมชาติ เพราะก็แค่ตีเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไรมาก คือ แม่ปุก (กมลา ทองกร ผู้อำนวยการโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด) ก็แค่ไม่อยากให้หนูไปซนหรือไปเล่นในโรงงานทำขนม เลยทำให้หนูได้มาตี ตอนแรกก็ไม่ได้พร้อมอะไร เพราะหนูก็ไม่ค่อยมีเงินซื้อหา ก็ได้แม่ปุกนี่แหละค่ะดูแล
นอกจากนี้ หนูโชคดีที่ผู้ใหญ่ที่เป็นสปอนเซอร์ต่างๆ เขาเข้าใจหนูทั้งเรื่องฐานะตั้งแต่เริ่มต้น เขาเข้าใจว่าเมย์เป็นเด็กที่สู้เพื่อครอบครัวมากๆ ผู้ใหญ่ก็เลยอัดฉีดให้ค่อนข้างเยอะ และ แม่ปุก พี่มุก (คณิศรา เงินศรีสุข ผจก. ทีมบ้านทองหยอด ) พี่เป้ (ภัททพล เงินศรีสุข) ที่เป็นโค้ช ก็บอกว่าเมย์โชคดีที่สปอนเซอร์รักเรา และดูแลเป็นอย่างดี

พูดถึงน้องๆ ที่เห็นเราเป็นไอดอล และกำลังเดินเข้าสู่วิถีของนักแบดฯ มืออาชีพ ควรเริ่มต้นอย่างไร
กีฬาประเภทนี้ดูเหมือนเป็นอะไรที่ง่าย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยนะคะ อย่างตอนแรกๆ ที่หนูเริ่มหัด พี่เขาก็โยนลูกมาให้หนูก็ตีไป เขาก็ตีกลับมาแล้วลูกมาเร็วก็โดนหัวไปหลายครั้งเลย (หัวเราะ )ก็ต้องพยายามใส่ใจให้มากที่สุดในทุกๆ รายละเอียด โดยเฉพาะในระดับพื้นฐานซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่างที่นี่เขาจะสอนเริ่มตั้งแต่การตั้งท่า ตีอย่างไรให้ถูกวิธี คือท่าและการตีจะสวยมากๆ คนจะบอกเสมอว่า เด็กทีมนี้ตั้งท่าสวยตีสวยซึ่งทั้งหมดมาจากการฝึกทั้งสิ้น
นอกจากนี้ก็จะมีฝึกการวิ่งเข้าหน้า การวิ่งถอยหลัง โค้ชนะพยายามเน้นในจุดตรงนั้นเพื่อให้เด็กซึมซับและเคยชิน ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ และถ้าเด็กดีขึ้นก็จะให้ไปตีเกมเพื่อดูการวิ่งเข้าหน้าถอยหลัง เด็กคนไหนยังไม่ดีตรงไหน ก็จะให้มาพัฒนาตรงนั้น แล้วหากดีขึ้นก็ขยับขึ้นไปอีกรุ่นหนึ่ง ไปตีเกมกับคนที่ฝีมือสูสีกันได้ ทำให้เด็กได้คิด สนุก และใส่ใจกับตรงนั้นมากขึ้น
ส่วนการเดินทางสู่วิถีมืออาชีพต้องอยู่ที่ใจของเราเอง ใจของนักกีฬา ระเบียบวินัยถือเป็นเรื่องสำคัญ บางทีต้องฝืนใจก็มี อย่างตอนเด็กๆ ใจหนูก็อยากไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน แต่มันก็ไม่ได้ เพราะเราต้องมีหน้าที่เรียน เรียนเสร็จก็ต้องรีบกลับมาซ้อม เพื่อนชวนไปเที่ยวเล่นกินข้าวกันหลังเลิกเรียนเราก็ไปไม่ได้ ไม่ใช่แค่ไม่กล้าไปนะคะ เรียกว่าไม่กล้าแม้แต่จะขอเลยมากกว่า ก็ได้แต่ขอโทษเพื่อนไปว่าไม่ได้จริงๆ ถ้ากินที่โรงเรียนพอได้ แต่หากต้องออกไปนอกสถานที่นี่พูดเลยว่าไม่กล้า ก็บอกเพื่อนไปตรงๆ
คือเพื่อนมัธยมต้นคือเพื่อนที่ทำให้หนูได้เข้าใจคำว่าเพื่อนในโรงเรียนที่สุด มีเวลาอยู่กับเพื่อนค่อนข้างมาก เพราะยังไม่ได้ตีเป็นอาชีพนัก แต่ช่วง ม.ปลาย หนูเริ่มเข้าสู่ระบบอาชีพแล้ว ทำให้ไม่ค่อยได้ไปโรงเรียน ไม่ค่อยได้สุงสิงกับเพื่อน

เท่ากับว่าเมย์ก็สูญเสียชีวิตวัยรุ่นไป
ก็ประมาณหนึ่งนะคะ คือก็มีบ้างที่เรารู้สึกขี้เกียจ ผู้ใหญ่ก็จะคอยสอนคอยบอก แต่ละท่านก็บอกว่าเข้าใจนะว่าเรารู้สึกอย่างไร ก็ช่วยให้หนูไม่คิดอะไรมาก อีกอย่างการเล่นกีฬากลายเป็นเหมือนชีวิตประจำวันของหนูไปแล้ว ก็พยายามทำให้ควบคู่ไปด้วยกันทั้งเรื่องเรียนและกีฬา
นอกจากนี้ก็มีรุ่นพี่ๆ มาแนะนำว่า ช่วงชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นคนอื่นเวลานี้เขาเที่ยวเล่นใช้ชีวิตแบบวัยรุ่น แต่อีกหน่อยเขาก็ต้องทำงาน อาจไม่ได้มาสนุกแบบนี้อีก แต่เมย์ทำงานตั้งแต่เด็ก โตขึ้นเมย์ก็จะใช้ชีวิตได้สบายกว่าคนอื่น หนูก็เลยคิดว่าเราก็ควรทำตอนนี้ให้ดีที่สุด ชีวิตนักกีฬามันจะสั้นกว่าคนทำงานปกติทั่วไป แต่ถามว่ารายได้เยอะไหม แน่นอนเยอะกว่ามาก ทั้งนี้ก็อยู่ที่เราว่าจะรักษาสภาพร่างกายและพัฒนาฝีมือได้ดีแค่ไหน

ในเมื่ออาชีพนักกีฬาสั้น เมย์วางแผนอนาคตหลังแขวนแร็กเก็ตไว้อย่างไร
คงเป็นโค้ชแบดฯ ค่ะ เพราะเป็นอะไรที่เราถนัดอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ต้องคุยกับผู้ใหญ่อีกที เพราะมีคุยๆ ไว้ว่าอาจจะเข้ารับราชการตำรวจ ซึ่งก็ยังไม่แน่นอนค่ะ ก็พยายามหาอะไรที่ดีที่สุดสำหรับเราหลังจากเลิกเล่น

จากเด็กที่ตีแบดฯ เล่นไปวันๆ ตอนนี้เป็นน้องเมย์ขวัญใจของคนทั้งประเทศแล้ว รู้สึกอย่างไร
หนูอาจจะเกิดมาไม่ได้มีฐานะที่เพียบพร้อมอะไร ดีตรงที่ว่าเราได้รับโอกาสที่ดีกว่าเด็กคนอื่นๆ เลยทำให้เราได้มาถึงจุดนี้ ด้วยการมีผู้ใหญ่ที่รักเราและคอยช่วยเหลือตลอด ถามว่าจะมีเด็กสักคนหนึ่งที่จะได้รับการดูแลเอาใจใส่ขนาดนี้อีกไหม หนูว่ายากค่ะ หนูไม่รู้นะคะว่าผู้ใหญ่คนอื่นๆ เขาจะคิดกับเด็กที่พยายามเอามาปั้นอย่างไร แต่แม่ปุกท่านถือว่าเป็นคนที่ใจดีมากๆ และช่วยเหลือหนูแบบไม่ได้หวังผลอะไรเลย หนูเลยคิดว่าหนูโชคดีมากๆ ที่ได้มาถึงในจุดนี้โดยมีท่านดูแล รวมไปถึงพ่อแม่ที่ดูแลหนูมาอย่างดี เพราะตอนนั้นแค่ลำพังท่านทำงานก็เหนื่อยมากๆ แล้ว ยังต้องมาดูแลหนูอีก พอหนูเริ่มแข่งได้รางวัลก็เลยเก็บสะสมเงินรางวัลต่างๆ ไว้ใช้จ่ายเองเพื่อลดภาระของพ่อแม่
อีกอย่างหนึ่งตอนเด็กๆ คู่หูของหนูก็เป็นคนที่มีฐานะ หากมีการเดินทางไปแข่งขันต่างจังหวัดไกลๆ เขาก็สงสารเรา ออกค่าเครื่องบินให้เดินทางไปพร้อมกันเลย แม่ยังบอกหนูว่าโชคดีมากๆ ได้นั่งเครื่องด้วย แล้วแม่ก็ถามว่าเห็นอะไรไหมข้างบน หนูก็บอกตามประสาเด็กๆ ว่า เหมือนเห็นนางฟ้าเลย คือเราเป็นเด็กก็คิดว่านางฟ้ามีจริงอะไรแบบนั้น (หัวเราะ)

ชีวิตอยู่ยากขึ้นไหม
ชีวิตส่วนตัวก็ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ต้องทำอะไรที่เหมาะสม ไม่ให้ดูเป็นทางลบกับการเป็นนักกีฬาของเรา การที่เราทำอะไรที่ไม่ดี ก็จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชนรุ่นต่อไป เพราะเขาเห็นเราเป็นเสมือนต้นแบบคนหนึ่ง แม่ปุกก็บอกว่า ดีตรงที่มีคนให้ความสนใจเราเยอะ แต่ในอีกด้านหนึ่งมีคนรักก็ต้อมีคนเกลียด ฉะนั้นเราควรวางตัวให้ดี ไม่ออกนอกลู่นอกทาง อย่าทำตัวหยิ่ง ทำตัวให้เป็นปกติเหมือนก่อนที่เราจะเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา

ฝากถึงคนไทยที่รอเชียร์
ต่อจากนี้ไปทุกรายการถือว่าสำคัญมากๆ สำหรับหนู เพราะต้องเก็บคะแนนเพื่อไปแข่งโอลิมปิก จากคะแนนตอนนี้ก็ได้ไปแน่นอนแล้ว แต่อย่างไรก็ดีก็พยายามรักษาฟอร์มการเล่นของตัวเองให้ดีที่สุด พยายามเรียกความมั่นใจของเราให้กลับมาเหมือนเดิม ตีให้เป็นธรรมชาติที่สุด และพัฒนาให้ดีขึ้นเพื่อจะได้พีคที่สุดในช่วงโอลิมปิก 2016 และหวังว่าจะทำให้คนไทยมีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ




เรื่อง : อิทธิพล เนียมสวัสดิ์
ภาพ : พาณุวัฒน์ เงินพจน์