สู่โหมดนางฟ้านักไตรกีฬาเต็มตัวของ “ดาร์ลิ่ง อารดา”

ว่ากันว่าใครที่เข้าสู้เส้นทางของนักกีฬาไตรกีฬาแล้วถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะการที่จะลงแข่งไตรกีฬาได้นั้นนักกีฬาจะต้องเป็นคนที่มีสภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์และแข็งแรงมาก และต้องผ่านการซ้อมมาเป็นอย่างดี สำหรับสาวดาร์ลิ่งที่เข้าวงการไตรกีฬาแบบเต็มตัว ก่อนทำความรู้จักเธอในโหมดนักฬา อยากย้อนไปทำความรู้จักเธอในโหมดวงการบันเทิงกันก่อน

ผ่านมาแล้วแทบทุกอย่างกับความสามารถทางด้านบันเทิงของสาวคนนี้ ดาร์ลิ่ง อารดา ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง ผลงานละครทั้งพิธีกรและดีเจ เรียกได้ว่าทุกแขนงของวงการบันเทิง

ภาพของเธอต่อสาธารณะชนในโหมดการเป็นนักกีฬา และเป็นภาพจำได้ดีเมื่อครั้งเธอร่วมเป็นหนึ่งในนักวิ่งโครงการ“ก้าวคนละก้าว” ร่วมกับ ตูน บอดี้สแลม แต่หากสืบค้นประวัติของดาร์ลิ่งจะพบว่า สาวคนนี้รักชอบในการเล่นกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมก็เป็นนักกีฬาบาสเกตบอลและว่ายน้ำของโรงเรียน แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า

ดาร์ลิ่งมุ่งมั่นอย่างมากในเส้นทางของการเป็นนักกีฬาเต็มตัว โดยเริ่มจาก การเป็นนักวิ่ง นักปั่นจักรยาน ก่อนมุ่งหน้าไปไตรกีฬา แถมยังผ่านสนามไตรกีฬาที่ว่ากันว่าโหดสุดๆมาแล้วหลายรายการ รวมไปถึงวิ่งมาราธอนทั้งในและต่างประเทศดาร์ลิ่งยังมีชอบขี่ม้าทุกครั้งในวันที่เธอว่าง สลับกับทำกิจกรรมอื่น

เรื่องความสามารถทางกีฬาบวกกับความสวยและสดใสแล้ว ไม่แปลกใจที่หลายคนมอบตำแหน่ง “นางฟ้านักไตร”ให้กับเธอ

ดาร์ลิ่ง เคยให้สัมภาษณ์กับช่อง“runner's journey” ทางยูทูปเอาไว้เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของการเข้าวงการไตรกีฬา เอาไว้ว่า

“เป็นคนไฮเปอร์มากชอบทำอะไรหลายๆอย่างพร้อมกันก็เลยชอบไตรกีฬา ดาร์ลิ่งเล่นระยะสปินท์เพราะว่ามันทำแต่ละอย่างสิบกว่านาทีแล้วก็เปลี่ยน รู้สึกว่าการวิ่งเป็นอะไรที่ท้าทายมาก…การวิ่งมาราธอนจะเป็นการฝึกสมาธิ..เป็นกีฬาที่น่าหลงใหล

ไตรกีฬามีกีฬาอยู่3 อย่าง ดาร์ลิ่งว่ายน้ำเป็นอยู่แล้วเพราะว่า เป็นนักกีฬาว่ายน้ำตั้งแต่เด็กๆ คุณพ่อเป็นนักกีฬาเยาวชนว่ายน้ำ ส่วนปั่นจักรยาน เราก็คิดว่าเราก็ปั่นจักรยานสองล้อได้ทำไมเราไม่ลอง ส่วนวิ่งก็ถ้าเหนื่อยก็เดินๆวิ่งๆไป

ผลงานที่ภูมิใจที่สุดน่าจะเป็น ไตรนาวี ไปไหว้ให้ทีมสแตนดาร์ทก่อนตอนเช้า ช่วงบ่ายแข่งระยะของตัวเองแล้วก็คว้ารางวัลมาได้ทั้งสองรายการ จริงๆคิดว่าถ้าเราหมดแรงมาตั้งแต่ตอนเช้าแล้วตอนบ่ายก็คิดว่าเรามาเล่นเฉยๆมาจอยแต่พอเราสามารถpushร่างกายตัวเองมาได้ถึงจุดนี้แล้วเลยรู้สึกว่าภูมิใจมากๆ”