“เหล้า” เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของมนุษย์มาช้านาน มนุษย์ดื่มเหล้าในงานรื่นเริงมาตั้งแต่สมัยโบราณ เรียนรู้ที่จะ “เมา” กันตั้งแต่เริ่มมีอารยธรรมเลยทีดียว เรามักดื่มกันในเทศกาลและวาระต่างๆ และมีความเชื่อเรื่องการดื่มเหล้าเพื่อสุขภาพ วันนี้เราได้รวบรวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แปลกๆ จากทั่่วโลกมาให้ชมกัน เผื่อใครได้มีโอกาสไปเยือนประเทศนั้นๆ ก็น่าจะ (กล้า) ลองชิมดู เพราะนอกจากจะได้ลิ้มรสเครื่องดื่มแปลกๆ ของแต่ละชาติแล้ว ยังเป็นการเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ ด้วย
1. ซูโบรว์ก้า ไบเซิน กราส วอดก้า (Zubrowka Bison Grass Vodka) ประเทศโปแลนด์
เป็นวอดก้าที่ทำมาจาก Rye Grain จากโปแลนด์ แต่ตัวนี้แปลกจากวอดก้าตัวอื่นๆ คือในขวดที่บรรจุวอดก้าจะมีเส้นหญ้ายาวๆ คล้ายพยาธิเส้นด้าย มันยาวตั้งตลอดแม้ตอนหลังเขย่าขวดแล้วก็ตามไม่นอนก้นขวด น้ำวอดก้าไม่ขุ่นหรือมีตะกอนหญ้าอยู่เลย หญ้าตัวที่อยู่ในขวดนี้ได้มาจากควาย Bison ในป่าเขตหนาว ซึ่งได้สำรอกหญ้าออกมาหลังจากกินหญ้าสะสมไว้ในกระเพาะเยอะๆ เพื่อจะได้กลับมากินใหม่ในยามจำเป็น อาหารที่กินเข้าไปบางส่วนได้รับการหมักแล้วในกระเพาะ อาหารลักษณะดังกล่าวเรียกว่า “เอื้อง” ในหญ้าเหล่านี้มันเต็มไปด้วยเอมไซม์ชั้นดี ทำให้บริษัทที่ผลิตวอดก้านี้นำเอื้องของเจ้า Bison พวกนี้มาใส่ในขวด ดังที่เห็นแล้ว ที่แปลกอีกประการคือ หากนำเส้นหญ้านี้ออกจากขวดไปเมื่อใด จะทำให้น้ำวอดก้าในขวดเปลี่ยนสีไปอย่างเหลือเชื่อ
2. แอ็บแซ็ง (ABSINTHE) ประเทศฝรั่งเศส
“แอ็บแซ็ง” คือสุดยอดเมรัยสีเขียวที่มีหลายฉายา เช่น เหล้าปีศาจ สุราถอนวิญญาณ หรือเทพธิดาสีเขียว แต่ละชื่อการันตีได้ว่าเหล้าสกุลนี้แรงส์จนอยากลาโลก ABSINTHE เริ่มเผยโฉมในฝรั่งเศสจากนั้นก็โด่งดังลามไปทั่วยุโรปในปลายศตวรรษที่ 19 และต้น 20 ด้วยกระแสสรรพคุณจิบดริงก์นี้แล้วจิตเคลิบเคลิ้มสามารถบันดาลความเริงใจให้เกินกว่าปกติ เพราะฉะนั้น ABSINTHE จึงเป็นของโปรดของกวีและศิลปิน ด้วยส่วนผสมของสมุนไพรที่ให้ผลเหมือนเมาฝิ่น มีฤทธิ์ทำให้ประสาทหลอนและเมื่อบวกกับดีกรีแอลกอฮอล์สูงปรี๊ดระดับ 60 อัพ ก็ถูกแบนห้ามจำหน่ายในหลายประเทศจนกลายเป็นของหายาก
3. เบียร์พิซซ่า (Pizza Beer) รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา
เบียร์พิซซ่ายี่ห้อ “แมมมา เมีย” ของสองสามีภรรยาหัวใส ไม่ได้ถูกเติมแต่งกลิ่นและรสให้คล้ายพิซซ่า หากเกิดจากการต้มมอลต์ข้าวสาลีในหม้อต้มยักษ์ภายในโรงงานราว 90 นาที แล้วตามด้วย มะเขือเทศสด พิซซ่า (หน้า “มะเขือเทศ กระเทียม ออริกาโน โหระพา” ที่ผ่านการอบแล้ว และไม่มีส่วนผสมของชีส ไขมัน น้ำมัน) ซึ่งในระหว่างที่ต้มส่วนผสมทั้งหมดจะถูกปั่นตลอดเวลา หลังจากนั้นจึงเติมฮอปส์, ออริกาโน, ใบโหระพา และกระเทียม เมื่อได้ที่แล้วส่วนผสมทั้งหมดจะถูกนำไปผ่านกระบวนการกรอง จากนั้นก็ทำให้เย็นลง แล้วส่งไปหมักในถังขนาดใหญ่เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ ก็จะได้เบียร์ “พิซซ่า” ใสแจ๋ว รสชาติดี ไม่มีตะกอน
4. เบียร์กาแฟ (Coffee Beer) บิ๊กไอส์แลนด์ รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา
บริษัท โคนา บริวอิง คอมพะนี จับแอลกอฮอล์และกาเฟอีนมารวมไว้ในขวดเดียวกัน ภายใต้ชื่อ “ไพพ์ไลน์ พอร์เตอร์” (ขายตามฤดูกาล) และดา ไกรนด์ บัซซ์ อิมพีเรียล สเตาท์ (ผลิตขึ้นจำนวนจำกัด) เครื่องดื่มทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นเบียร์สีเข้มที่ผลิตจากกาแฟโคนาซึ่งปลูกบนเกาะบิ๊กไอส์แลนด์ 100% เบียร์ดังกล่าวมีส่วนผสมของมอล์ตข้าวบาร์เลย์ และกาแฟคั่วสดใหม่ จึงให้กลิ่นกาแฟหอมกรุ่น รสชาติกลมกล่อม โดยเบียร์ “ไพพ์ไลน์ พอร์เตอร์” สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามบาร์และร้านอาหารในฮาวายตั้งแต่เดือนกันยายน-มีนาคม
5. โอทู สปาร์กลิ้ง วอดก้า (O2 Sparkling Vodka) ประเทศอังกฤษ
“โอทู สปาร์กลิ้ง วอดก้า” คือ วอดก้าอัดก๊าซออกซิเจนยี่ห้อแรกของโลก ผลิตโดย บริษัท อิงลิช ดิสติลเลอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ภายใต้สิทธิบัตรคุ้มครอง วอดก้าซ่่าสุดๆ ขวดนี้ ผลิตจากมอลต์ข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ ใช้เวลาในการผลิตทั้งสิ้น 18 เดือน ผ่านกระบวนการกลั่นและกรองในภาชนะบรรจุทองแดง 3 ครั้ง จากนั้นจึงอัดฟองออกซิเจนเข้าไปด้วยกรรมวิธีลับสุดยอด ถึงแม้จะมีพรายฟองฟู่ แต่เครื่องดื่มชนิดนี้ก็มีรสชาตินุ่มละมุน
6. ชิชา (Chicha) ประเทศเปรู
“ชิชา” เป็นเครื่องดื่มของประเทศในแถบละตินอเมริกาที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่เชื่อหรือไม่ว่า ปัจจุบัน ผู้หญิงชาวเปรูที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลในแถบเทือกเขาแอนดีส ยังคงผลิต “ชิชา” ด้วยกรรมวิธีแบบเดิมๆ ซึ่งก็คือ การทุบเมล็ดข้าวโพดดิบแล้วนำมาเคี้ยวในปาก จากนั้นก็คายออกมาตาก แล้วนำไปเทรวมกับน้ำอุ่นในภาชนะดินเผา เสร็จแล้วไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ปล่อยเอาไว้จนหมักบ่มได้ที่ก็จะได้เครื่องดื่ม “ชิชา” แสนอร่อย ถ้าใครอยากลองก็ต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านในแถบเทือกเขาแอนดีสของเปรู บ้านไหนแขวนธงแดงหรือขาวไว้เหนือประตู แสดงว่ามี “ชิชา” ขาย
7. วอม จิน (Worm Gin) ประเทศอังกฤษ
เหล้าจิน หรือ เหล้ายิน เป็นเหล้าที่ทำมาจากข้าวบาร์เลย์ผสมกับผลจูนิเปอร์และสมุนไพรต่างๆ ประเทศที่คิดค้นผลิตขึ้นมาคือ ชาวดัตช์ (ฮอลแลนด์) แต่ปัจจุบันจะนิยมเหล้ายินที่มาจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ เนื่องจากมีรสชาติที่หอมหวนชวนดื่มมากกว่า รวมถึงเป็นเหล้าที่กินแล้วดีต่อสุขภาพ ช่วยขับปัสสาวะได้ดี Worm Gin ของบริษัท English Garden ก็ได้คิดค้นส่วนผสมใหม่โดยใช้ “ไส้เดือน” ที่กินได้เป็นส่วนประกอบ เพื่อให้ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ตามสโลแกน English Garden สวนกินได้!
8. ตุ๊กแกดองเหล้า (Hejie Jiu) ประเทศจีน
เขาว่า “ตุ๊กแกดองเหล้า” มีสรรพคุณทางยา เชื่อกันว่าสามารถป้องกัน/รักษาโรคมะเร็ง ข้ออักเสบ แผลเปื่อย เป็นหนอง พุพอง อักเสบ ฯลฯ ชาวจีน (และประเทศเพื่อนบ้านเรา) จึงนิยมจับ “ตุ๊กแก” มาดองเหล้าขาวหรือวิสกี้ โดยใช้เวลาในการดองตั้งแต่ 10 วันถึง 1 ปี เหล้าชนิดนี้มีขายทั่วไปตามภัตตาคาร (โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัตตาคารที่เสิร์ฟเนื้อสัตว์แปลกๆ) ร้านขายของชำ และร้านขายของที่ระลึก เป็นต้น
9. ลูกหนูดองเหล้า (Baby Mice Wine) ประเทศเกาหลี
สำหรับชาวเกาหลีแล้ว เครื่องดื่มนี้ถือเป็นอาหารบำรุงสุขภาพชั้นเลิศ และหาทานได้ไม่ยาก การทำก็ไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไหร่ โดยนำลูกหนูที่ยังไม่ลืมตามาดองกับเหล้าขาว ทิ้งไว้ 6-7 วันก็พร้อมดื่ม
10. งูดองเหล้า ประเทศเวียดนาม
เครื่องดื่มชนิดนี้พบได้ทั่วไปในประเทศเวียดนาม ซึ่งก็มีทั้งแบบที่กรีดเลือดหรือถุงน้ำดีงูทั้งที่ยังเป็นๆ แล้วนำเลือด/น้ำดีงูไปผสมเหล้าขาวจากนั้นก็เสิร์ฟให้ลูกค้าทันที ส่วนงูพิษที่ถูกดองเหล้าในโหล ก็มีทั้งแบบดองเดี่ยว ดองพร้อมสมุนไพร หรือไม่ก็จัดท่าให้คาบงูตัวเล็กๆ เช่น งูเขียว แล้วปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานหลายเดือน เมื่อดองได้ที่แล้วจึงนำมาขายให้นักท่องเที่ยว หรือหนุ่มๆ ที่อยากเพิ่มความกระชุ่มกระชวย
11. ควาสส์ (Kvass) ประเทศรัสเซีย
“ควาสส์” เป็นเครื่องดื่มที่ชาวรัสเซียนิยมดื่มกันในช่วงฤดูร้อน เครื่องดื่มชนิดนี้เป็นที่นิยมแพร่หลายมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล ผลิตจากขนมปังข้าวไรย์หมัก โดยการเทน้ำร้อนลงบนขนมปังข้าวไรย์อบ จนขนมปังเปื่อยยุ่ยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นก็หมักไว้ในถังไม้ และอาจมีการแต่งกลิ่นด้วยมินต์ เบอร์รี หรือลูกเกด เนื่องจาก “ควาสส์” มีแอลกอฮอล์ต่ำมาก จึงไม่ถูกจัดเป็นเครื่องดื่มมึนเมาในประเทศรัสเซีย เครื่องดื่มชนิดนี้มีขายทั้งแบบที่เป็นถังสีเหลืองติดล้อตั้งขายกันสดๆ ริมถนนในช่วงฤดูร้อน และแบบบรรจุขวดหรือกระป๋องที่ผลิตออกมาทำตลาดแข่งกับโคคา-โคลาและเป๊ปซี่
12. โยกุริโตะ (Yogurito) ประเทศญี่ปุ่น
“โยกุริโตะ” คือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตจากโยเกิร์ต ถึงแม้ว่าจะผลิตที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ บรรจุขวดที่ฝรั่งเศส แต่ก็มีไว้เพื่อจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เครื่องดื่มชนิดนี้สามารถดื่มแบบเพียวๆ หรือผสมนม โซดา น้ำผลไม้ ฯลฯ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักดื่มผู้รักสุขภาพ หาซื้อได้ตามบาร์ ภัตตาคาร และเชนซูเปอร์มาร์เกต ทั่วประเทศญี่ปุ่น (ขนาด 500 มล. จำหน่ายในราคาขวดละเกือบ 600 บาท)
13. ชีนาร์ (Cynar) ประเทศอิตาลี
เชื่อกันว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สีเข้ม รสชาติขมชนิดนี้ ช่วยให้เจริญอาหารและมีสรรพคุณทางยา เช่น ช่วยต้านความเครียด ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตัน ฯลฯ เพราะผลิตจากอาร์ติโช้ค และพืชสมุนไพรอีก 13 ชนิด เครื่องดื่มชนิดนี้อาจมีไว้จิบก่อนรับประทานอาหาร หรือดื่มเพียวๆ แบบออน เดอะ ร็อก แต่ก็สามารถนำมาผสมเครื่องดื่มค็อกเทล หรือเติมลงในเบียร์เพื่อเพิ่มความขม ปัจจุบันนี้มีจำหน่ายทั่วโลก ผลิตและจัดจำหน่ายโดย กัมปาริ กรุ๊ป (Campari Group)
14. เมซคัล (Mezcal) เมืองวาฮากา ประเทศเม็กซิโก
“เมซคัล” เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตจากต้น “อากาเว่ อเมริกาน่า” (บ้านเราเรียกว่าอเมริกาน่าด่าง) ซึ่งเป็นต้นไม้ที่อายุยืน (25-30 ปี) หากปลูกไว้นานๆ จะมีขนาดสูงใหญ่จนท่วมหัว ตลอดชีวิตออกดอกเพียงแค่ครั้งเดียว หลังมีดอกแล้วก็จะตายทันที กระบวนการผลิต “เมซคัล” ยังคงเป็นแบบเดิมๆ เหมือนเมื่อ 200 ปีก่อน เริ่มจากการขุดต้นอากาเว่ อเมริกาน่า ที่มีอายุราว 7-8 ปี ขึ้นมาตัดราก ตัดใบออก จนเหลือแต่หัวหรือแกนกลางรูปร่างคล้ายสับปะรดที่เรียกว่า “ปียาส” (piñas) ซึ่งอาจมีน้ำหนักมากถึง 100 กก. จากนั้นก็นำมาอบความร้อนในหลุมหินเป็นเวลา 4 วัน (หลังอบแล้ว “ปียาส” จะมีรสหวาน สามารถนำมาเคี้ยวแล้วคายกากทิ้งเหมือนอ้อย)
15. ชาร์เทริซ (La Chartreuse) ประเทศฝรั่งเศส
เป็นเหล้าสีเขียวมรกต เริ่มจากปี 1605 เมื่อดุคแห่งเอสเตรส์ (Duc d’Estrees) มอบเอกสารลายมือแก่นักบวชชาร์เทรอซ์ เอกสารนี้เป็นสูตรอายุวัฒนะ วัดกรองด์ บาร์เทริซนำมา ศึกษาและผลิตเป็นเหล้า ซึ่งเป็นยาอายุวัฒนะชื่อ Elixir vegetal de la Grande Chartreuse ให้เณรขี่ลาไปขายตามหมู่บ้านใกล้เคียง ชาวบ้านชอบใจจึงค่อยๆ พัฒนาจากยาอายุวัฒนะเป็นเหล้าสำหรับย่อยอาหาร (digestif) แต่รสชาติเฝื่อน สูตรเหล้ายังคงเป็นความลับสุดยอด มีเพียงบาทหลวง 1 คนและเณร 1 รูปเท่านั้นที่รู้วิธีการปรุง โดยปรุงจากสมุนไพร 130 ชนิด อัตราส่วนต่างกันเล็กน้อยเมื่อผลิตเหล้าที่ต่างกัน โดยปกติแล้วเหล้าชาร์เทริซเป็นเหล้าสำหรับย่อยอาหาร แต่สามารถนำมาผสมค็อกเทลได้