‘ละม่อม ไข่ตุ้ม’ นาทีนี้ She ฮอต!!


“ละม่อม” สาวใช้ตัวป้อม มัดแกละ เสียงเหน่อ กับคำฮิต “ไข่ตุ้ม” จากละคร “ทองเนื้อเก้า” ที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันทั่วบ้านทั่วเมือง ชั่วโมงนี้คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักสาวน้อยหน้าซื่อ ที่ทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ “วันเฉลิม” ไปได้ ทำไมหน้าตาถึงได้ดูคนใช้..คนใช้ ได้ขนาดนี้ เพียงแค่ไม่กี่ซีนที่ทำให้ทุกคนรู้จักเธอและเริ่มค้นหากันให้วุ่นว่า เธอคนนี้เป็นใครมาจากไหน เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ใหม่ของคนใช้ในละคร

อะไรทำให้เธอคนนี้ “ขโมยซีน” และ “ขโมยใจ” จากคนดูไปได้ เรามาล้วงลึกและทำความรู้จักกับเธอไปพร้อมๆ กัน…

“ละม่อม” สาวตัวป้อมๆ จากเมืองย่าโม

“ละม่อม-ไข่ตุ้ม” ตอนนี้เดินไปไหนมาไหนมีแต่คนเรียกเธอว่า “ละม่อม” ชื่อจริงๆ ในวงการของเธอคือ “มิน” ส่วนชื่อที่คุณพ่อคุณแม่ตั้งให้ตั้งแต่เด็กๆ เลยคือ “เนย-รตวรรณ ออมไธสง” เธอเล่าว่าเปลี่ยนเป็นชื่อนี้ตอนเริ่มเข้ามาศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร

“มันมาจากการพรีเซนต์ชื่อค่ะ ตอนนั้นเข้ามาปีหนึ่ง น่ากลัวมาก (ลากเสียงยาว) ตัวดำ สิวเขรอะ มีสิวทุกอณูบนใบหน้า อยากเอารูปให้ดูจริงๆ (หัวเราะ) เราเลยใช้ชื่อพรีเซนต์ว่า “ดำทมิฬ” รุ่นพี่บอกว่าเพราะมันเหมาะกับเรา ก็เลยใช้ชื่อนี้มาตลอด เรียกไปเรียกมาก็เหลือแค่ “มิน” ที่มาจาก “ดำทมิฬ” ไม่ใช่ “มินนี่” อย่างที่หลายคนเข้าใจ” (หัวเราะ)

สาวน้อยจากต่างจังหวัดบ้านอยู่โคราช คนในครอบครัวรับราชการเกือบทั้งหมด ฐานะปานกลาง ไม่ใช่สาวไฮโซโก้เก๋ขับรถมินิ อย่างที่เขาว่ากัน…“ไม่ใช่เลย (ลากเสียงยาว) ทุกข่าวที่ออกมาตอนแรกเป็นเรื่องจริงหมด ยกเว้นขับรถมินิ เป็นรถของเพื่อนค่ะ แค่ยืมมาถ่ายเล่นเฉยๆ จริงๆ ขับฮอนด้าแจ๊ส (หัวเราะ)”

มินเติบโตมาจากครอบครัวข้าราชการที่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่เป็นอาจารย์ ที่มีทั้งกรอบและการอบรมที่เข้มงวดอยู่พอสมควร ทำผิดก็ต้องโดนอบรม นั่งสำนึกผิด สุดท้ายก็โดนไม้เรียว ตามแบบฉบับลูกอาจารย์

“ตอนเด็กๆ เรารู้สึกไม่พอใจมากเลยว่าทำไมจะต้องว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเข้มงวดกับเราและพี่ชายขนาดนี้”

แต่พอโตขึ้นมาเธอกลับรู้สึกว่า สิ่งที่พ่อแม่อบรมมานั้นมันทำให้เธอกลายเป็นคนที่มีความคิด มีมารยาทที่ดีสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้ สิ่งที่ได้รับการอบรมมาตลอดนั้นบอกตรงๆ เธอไม่ได้จำ แต่มันกลับกลายเป็น“นิสัย” ที่ติดตัวเธอไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม

“ทุกอย่างมีเหตุผลของมันหมด พ่อกับแม่จะสอนให้เรารู้จักคิด ไม่อย่างนั้นพอโตขึ้นมาเราจะคิดอะไรเองไม่ได้เลย แม้จะค่อนข้างไม่เข้าใจในวัยเด็กและขัดใจอยู่บ้างตามประสาวัยรุ่น แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นกฎเหล็กที่ห้ามแหก ก็ยังมีอิสระอยู่บ้างแต่ทุกอย่างที่ขอที่อยากได้ต้องผ่านกระบวนการคิดอย่างสมเหตุสมผลแล้วเท่านั้น ไม่ได้หวงเหมือนไข่ในหิน สามารถไปใช้ชีวิตได้ตามประสาเด็กวัยรุ่นทั่วไป เพียงแค่บอก แล้วคิดเองว่ามันมีเหตุผลเพียงพอไหมกับสิ่งนั้นที่เราจะขอและอยากทำ จนมาถึงวันนี้ต้องขอขอบคุณพ่อแม่ของเธอเป็นอย่างมากที่ได้สั่งสอนอบรมเรามาแบบนี้ และบอกกับตัวเองไว้เลยว่าถ้ามีลูกก็จะเลี้ยงลูกแบบนี้ด้วยเช่นกัน”

“ละม่อม” ปัญญาชนก้นครัวขนานแท้

ด้านการศึกษาเล่าเรียน สาวน้อยคนนี้ก็ไม่ได้เป็นรองใครเพราะมีดีกรีเป็นถึงนักศึกษาปริญญาโท ศิลปะการละคร จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถ้าเริ่มเท้าความมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว ถือว่าเป็นเด็กที่เรียนหนังสืออยู่ในระดับปานกลาง ตอนเรียนที่โรงเรียนสุรนารี โรงเรียนประจำจังหวัดนครราชสีมา เธอเล่าว่าอยู่ห้องคิง เรียนสายวิทย์ก็จริงอยู่ แต่ก็ชอบในด้านของการแสดงมากกว่า ชอบมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นนักกิจกรรมตัวยง มักได้เล่นละครเวที แสดงละครที่โรงเรียนเป็นประจำ จึงมีความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กๆ

“ไม่ได้อยากเป็นดาราแต่อยากเล่นละคร อยากออกทีวีให้พ่อแม่ ตายาย ให้เพื่อนดู” เธอกล่าว

ด้วยเหตุนั้น เป้าหมายของเธอจึงมุ่งตรงมาที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกการแสดงและกำกับการแสดง ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เมื่อรู้ถึงความต้องการของตัวเองแล้วก็ไม่รอช้าที่จะทำให้มันสำเร็จตามเป้าที่ตั้งไว้ รีบไปสมัครและสอบคัดเลือก เป็นการสอบตรงที่ต้องมีทั้งคะแนนสอบและคะแนนปฏิบัติควบคู่กันไป กว่าจะผ่านจุดนี้มาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ความเป็นเด็กบ้านนอก หน้าตา เสื้อผ้า หน้า ผม ไม่ได้เป็นส่วนสำคัญในการคัดเลือก สิ่งที่ทำให้เด็กบ้านนอกอย่างเธอผ่านตรงนั้นมาได้นั่นก็คือ “ความเป็นตัวของตัวเอง” การแสดงที่เป็นตัวของตัวเองนั่นหมายความว่าเธอมีคาแรกเตอร์

“การได้ค้นพบเส้นทางชีวิตของตัวเอง ได้เรียนและได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักทุกอย่างมันเลยดูสนุกไปหมด ได้อยู่กับเพื่อนๆ ที่ชอบละครเวทีเหมือนกัน ทำให้ชีวิตช่วงนี้มีความสุขมาก ได้ออกไปหาประสบการณ์จริงจากข้างนอกตั้งแต่สมัยเรียน งานเล็ก งานใหญ่ งานช่วย งานฟรี งานได้ตังค์ ไปหมด ได้ไปช่วยงานรุ่นพี่ พี่เขาก็จะช่วยสอนเรา ถือเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตและพัฒนาฝีมือการแสดงได้อีกทางหนึ่ง

เรียกได้ว่าชีวิตช่วงวัยเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยทั้ง 4 ปีของเธอ มีการพัฒนาการแสดงให้กับตัวเธออยู่เรื่อยๆ นอกจากนั้นยังช่วยเติมความมั่นใจให้กับเธอด้วยเช่นกัน

“ถ้าเราอยากทำให้ดีมากขึ้นก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีกว่าเดิม” การวางเป้าหมายในชีวิตของเธอยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะในที่สุดแล้วเธอเองก็คงต้องกลับไปอยู่กับครอบครัว อยู่กับพ่อแม่ที่ได้สร้างทุกอย่างเอาไว้รอ และกลับไปใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาเพื่อพัฒนาบ้านเกิด อยากเป็นข้าราชการเพื่อความมั่นคงของชีวิต เลยตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโททันที ตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาตรีเลยด้วยซ้ำ เพื่อที่จะได้กลับไปเป็นอาจารย์สอนการแสดงที่บ้านเกิด และที่เลือกเรียนศิลปะการแสดง เพราะมีความรู้สึกว่าบุคลากรด้านนี้ยังมีน้อย แต่เด็กๆ ที่อยากเรียนการแสดงมีเยอะมาก ก็ต้องเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ แบบเธอ

“คือถ้าราไม่กระจายบุคลากรดีๆ ไปตามจังหวัดต่างๆ เด็กๆ ก็ไม่ต้องเข้ามาเรียนมากระจุกตัวแต่ในกรุงเทพฯ ก็คงจะเรียนกันอย่างมีความสุข นอกเมืองอากาศดี แล้วยังได้อยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวด้วย เรียนจบก็จะได้กลับไปพัฒนาบ้านเกิดของตัวเองอีกต่อหนึ่งด้วยค่ะ”

ไม่สวย แต่มีเสน่ห์ นี่บอกเลย

หลายคนพอเริ่มเข้ามาวงการบันเทิง และเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น ก็อาจจะมีหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา ก็อาจจะดูดีขึ้นผิดหูผิดตา เช่นเดียวกับสาวน้อยคนนี้ที่ต่อไปในอนาคตก็อาจจะสวยผิดหูผิดตา กับเขาขึ้นมาบ้าง แต่คำตอบของเธอก็ทำให้เราอมยิ้มอยู่ไม่น้อย เพราะเหมือนกับว่าเธอหาคำตอบให้กับตัวเธอเองได้นานแล้ว

“จะทำไปทำไม ทำมาก็ไม่ได้งาน จะสวยก็ไม่สวย ขี้เหร่ก็ไม่ขี้เหร่”

เธอเล่าว่า เมื่อก่อน เธอก็รู้สึกมีปมด้อยด้านหน้าตาซึ่งเป็นปกติที่ผู้หญิงหลายคนต้องคิด เพราะหน้าตานี่แหละที่ทำให้เธอขาดความมั่นใจ จนถึงขั้นคิดว่าตัวเองต้องไปทำศัลยกรรมหรือเปล่า แต่พอโตขึ้นเธอก็ค้นพบความจริง

“คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่หน้าตาหรือรูปลักษณ์ภายนอก แต่คุณค่าของคนอยู่ที่ความมั่นใจของตัวเองมากกว่า” เพราะเธอสามารถแสดงได้ไม่ว่าบทอะไร ก็สามารถตีความตัวละครได้ เวลาแสดงทุกครั้ง ก็รู้สึกมีความสุข ทุกคนชื่นชม แล้วก็ไม่มีใครพูดถึงหน้าตาของเธออีกเลย นั่นเป็นจุดหนึ่งที่เธอค้นพบได้กับตัวเอง

“เราไม่ใช่คนสวยแต่เราเป็นคนมีคาแรกเตอร์” เป็นคำพูดที่คนอื่นมักบอกกับเราเสมอ แต่งานในวงการบันเทิงหน้าตาเป็นสิ่งสำคัญ เราไม่ได้แอนตี้การทำศัลยกรรม แค่เพียงอยากแนะนำให้ทุกคนค้นหาคุณค่าของตัวเองให้เจอก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป เพราะสื่อทุกวันนี้ได้นิยามคำว่าสวยไว้ให้กับผู้หญิงทุกคนไว้ว่าต้องผอม ต้องขาว หน้าต้องเรียว ขาต้องเล็ก ทุกคนก็เลยเชื่อแบบนั้น แต่จริงๆ หน้าตาเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น ถ้าเราตัดสินใจไปทำมันคงต้องทำอย่างไม่จบไม่สิ้น เพราะเรายังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วคุณค่าของเราอยู่ที่ตรงไหน

“เรามีความรู้สึกว่าเราพอแล้ว ใจเรามันเต็ม ใจเราเห็นคุณค่าของตัวเองแล้ว เพราะความไม่สวยนี่แหละมันเป็นเกราะกำบังที่จะคัดคนที่จะเข้ามาหาเราว่าอยากคบกับเราด้วยเหตุผลอะไร นิสัยหรือหน้าตากันแน่ จริงๆ แล้วผู้ชายส่วนใหญ่ชอบแบบเรานะ อาจจะตินิดนึงว่าไม่สวย แต่เรามีเสน่ห์ (หัวเราะ) เราเป็นคนเฮฮา เราเป็นคนพูดตรงๆ คิดยังไงพูดอย่างนั้น ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์นั้นจะไม่ได้พัฒนาไปถึงขั้นคบหากันเป็นแฟน แต่ก็ยังมีตำแหน่งอื่นที่ทุกคนพร้อมจะให้เรา เป็นความสัมพันธ์ดีๆ ที่ยังคงดำเนินต่อไป แต่เท่าที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาจีบเราเลย มีแต่เราที่เป็นฝ่ายเริ่มไปจีบเขาก่อน” เธอเล่า กลั้วหัวเราะและยิ้มร่า

กว่าจะมาเป็นละม่อม องครักษ์พิทักษ์วันเฉลิม

ด้วยความที่เป็นเด็กกิจกรรม และมีความโดดเด่นในด้านการแสดง เธอจึงได้รับการชักชวนจากรุ่นพี่ให้มาแสดงละคร โดยเริ่มจากบทตัวประกอบเล็กๆ ตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง โดยเธอเล่าให้เราฟังว่า เธอได้รู้จักกับพี่สน ที่เขียนบทให้กับโพลีพลัสอยู่ เป็นผู้ชักชวนเธอมา ละครเรื่องแรกที่ได้แสดงนั่นคือ “บ่วงร้าย พ่ายรัก” กับบท “คนใช้” เพราะคาแรกเตอร์ของเธอที่ใครๆ ก็บอกว่าเหมือนอย่างปฏิเสธไม่ได้ แล้วก็ตามมาอีกหลายเรื่อง เธอกับเขาและรักของเรา, คู่แค้นแสนรัก, รักออกอากาศ ซึ่งรับบทเป็นคนใช้ในทุกเรื่อง จนกระทั่งมาถึง “ทองเนื้อเก้า”

“เขาบอกว่าใช่เลย “ละม่อม” หน้าตาแบบนี้หาค่อนข้างยากแล้ว (หัวเราะ) สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนมองเห็นในตัวเราคือความเป็นธรรมชาติ คาแรกเตอร์ที่ค่อนข้างเหมาะกับตัวละครนั้น ความที่เราเป็นเด็กต่างจังหวัด เลยทำให้เราไม่ต้องแสดง ไม่ต้องประดิษฐ์อะไรมากมาย ทำให้คนดูเชื่อได้ว่าเธอมาจากบ้านนอกจริงๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องมาปรับสำหรับตัวละม่อม นั่นก็คือ เสียงเหน่อ ด้วยความที่เราเป็นคนพูดเร็วและพูดจาฉะฉาน เลยดูเหมือนคนมีการศึกษา ไม่เหมือนคนใช้ ผู้กำกับ (อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) เลยบอกว่าไปหาคาแรกเตอร์มาขายหน่อย ก็หามาหลายภาษาทั้งอีสาน ทั้งโคราช ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเสียงเหน่อที่เราทำไปมันเหน่อถูกหรือเปล่า เพราะมันเป็นเสียงเหน่อแบบที่เราเคยเล่นกับเพื่อน สุดท้ายทุกคนก็ลงความเห็นว่าเสียงเหน่อน่ารักดี ก็เลยได้เสียงเหน่อมาทำให้ละม่อมดูเป็นเด็กบ้านนอกมากยิ่งขึ้น”

ไม่เพียงแต่คิดคาแรกเตอร์ของตัวละม่อมแล้ว เธอยังมีส่วนร่วมในการสร้างแบ็กกราวนด์ของตัวละครเอง จากการเปิดไฟเขียวของผู้กำกับคนเก่งที่เปิดกว้างให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในละครเรื่องนี้ ความใส่ใจตัวละครของผู้กำกับไม่ว่าจะเป็นตัวเล็กตัวน้อยก็ตามทำให้ตัวละครนี้ประสบความสำเร็จขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ หรือแม้แต่ตัวนักแสดงเองไม่ใช่เพียงได้รับบทมาก็ท่องและเล่นไปตามบทนั้น แต่มันหมายถึงความเสมือนจริง รู้ถึงที่มาที่ไปของตัวละคร

“ละม่อมเด็กบ้านนอกที่เข้ามาทำงาน ส่งเงินไปให้พ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด พอได้มาเจอกับวันเฉลิมก็เกิดความรัก และสงสาร เราก็เลยถ่ายทอดวิชาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหุงข้าว ซักผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน เพราะรู้ว่าในอนาคตวันเฉลิมต้องพึ่งตัวเอง เพราะพึ่งลำยองไม่ได้เลย” เธอบอกว่านี่คือส่วนที่เธอได้ตีความเอง

ปรากฏการณ์ตัวประกอบขโมยซีน

ไม่ว่าจะด้วยกระแสของละคร หรือบทส่งก็ตาม ที่ทำให้เธอคนนี้กลายเป็นซินเดอเรลลาเพียงชั่วข้ามคืน นาทีนี้ถ้าใครไม่รู้จัก “ละม่อม-ไข่ตุ้ม” ก็คงเชยไปเสียแล้ว การปรากฏตัวของสาวใช้คนใหม่ สร้างความดึงดูดให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างมากด้วยหน้าตาของสาวใช้ละม่อมที่ดูยังไงก็ขำสมกับเป็นเด็กบ้านนอกจริงๆ เห็นแล้วต้องรู้ได้เลยว่าเธอคนนี้เป็นคนใช้อย่างแน่นอน กับคำฮิตติดปากที่กลายมาเป็นยี่ห้อของเธอเลยก็ว่าได้นั่นก็คือ “ไข่ตุ้ม” ที่หลายคนพอได้ฟังแล้วก็อดยิ้มตามเธอไม่ได้

“ไข่ตุ้ม มาจากความคิดของพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ทั้งที่จริงๆ แล้วได้ถ่ายซีนนี้ไปแล้ว โดยที่เราก็พูดว่าไข่ต้ม ธรรมดา แต่อยู่ๆ พี่อ๊อฟก็เดินมาบอกกับเราว่า “ละม่อม พูดว่า ไข่ตุ้ม เชื่อพี่ ดัง” แล้วมันก็ดังจริงๆ อย่างที่เขาว่า ทั้งๆ ที่เป็นแค่คำธรรมดาของสาวใช้เสียงเหน่อที่พูดคำว่า ไข่ต้ม ไม่ชัดแค่นั้นเอง”

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ละม่อมแย่งซีนจากคนดูนั่นก็คงเป็นเพราะความมีเสน่ห์ของตัวละคร ความเป็นธรรมชาติ ความใสซื่อของเธอ รวมถึงความจริง

“สิ่งที่ทุกคนเห็นในละครนั้นเป็นความรู้สึกของเรา (ละม่อม) กับน้องแมค (วันเฉลิม) จริงๆ ที่คนดูสามารถสัมผัสได้ว่าละม่อมรักวันเฉลิมจริงๆ ทั้งในจอและนอกจอ เราสนิทกันมาก พอรักเขาจริงๆ แววตาที่แสดงออกมาว่ารักและสงสารวันเฉลิม จึงออกมาเองโดยที่ไม่ต้องแสดง เสน่ห์มันเลยมาจากความจริง และความเป็นธรรมชาติที่เรามีให้กัน”

ความสำเร็จและความภูมิใจ

แม้จะเป็นเพียง 4 ตอนที่ทำให้เราได้รู้จักกับละม่อม แต่ความสำเร็จของเธอนั้นเกินคาดหมาย ตัวประกอบในบทคนใช้ที่อยู่คู่ละครไทย ไม่ว่าเรื่องไหนๆ ก็ต้องมีคนใช้เกือบทั้งนั้น แต่น้อยคนนักที่จะรับบทคนใช้แล้วโด่งดังเพียงชั่วคืนอย่างเช่นเธอ จะด้วยกระแสของละคร หรือบทที่เขียนออกมาได้ดี ความใส่ใจของผู้กำกับที่มีให้กับตัวละครเล็กๆ ก็นำมาซึ่งความสำเร็จของเธอในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ในเรื่องอื่นๆ ที่เธอเคยได้รับบทคนใช้นั้นเธอเป็นเพียงตัวละครหนึ่งที่ส่งให้ตัวละครอื่นๆ เด่นขึ้นมา แต่สำหรับเรื่องนี้ต้องยกให้เธอเป็น 'นางเอก’ เลยก็ว่าได้

“ภูมิใจมากจนไม่รู้จะพูดยังไง มีวันนึงนอนยิ้มกับเพื่อนสองคน ว่าเรามีชื่อเสียงแล้ว นั่งเช็กข่าวตัวเอง ได้มาออกรายการทีวี และรู้สึกดีใจมากที่มีคนจำเราได้และมาขอถ่ายรูปด้วย แม่เล่าให้ฟังว่า ตอนที่ละครออนแอร์วันแรก ตาดูแล้วนั่งร้องไห้ เขาภูมิใจกับหลาน ดูไปร้องไห้ไป รู้สึกดีใจภูมิใจกับเรา ทำให้เราเองก็รู้สึกภูมิใจไปด้วย” ขณะที่เธอเล่าไป น้ำตาแห่งความภูมิใจกับสิ่งที่เธอกล่าวก็เอ่อล้นออกมาในทันที พร้อมกับกล่าวถึงความภูมิใจอีกเรื่องหนึ่งที่ทุกคนเฝ้ารอนั่นคือ ใบปริญญาใบที่สองจากเธอ ที่แลกมาด้วยความอุตสาหะและความพยายามเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นของขวัญสำหรับคนที่เธอรัก เธอบอกกับเราว่าอีกไม่นานเกินรอคนที่บ้านจะต้องภูมิใจกับเธออีกครั้งอย่างแน่นอน

แต่เป้าหมายใหม่ๆ ยังมีให้เราไขว่คว้าได้อีกเสมอๆ ความสำเร็จของเธอตอนนี้ เธอบอกว่ามันยังไม่ถึงที่สุดเพราะมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ค่อนข้างจะสวยงาม

“เหมือนเราเล่นเกมที่มี 10 เลเวล ตอนนี้เราแค่ผ่านเลเวลแรก และกำลังจะไปสู่เลเวลที่สอง ความสำเร็จของเรายังอีกยาวไกล เพราะเป้าหมายต่อไปในอนาคตคืออยากทำงานตรงนี้ ยังรู้สึกสนุกกับมันอยู่ ส่วนบทบาทที่อยากเล่นต่อไปเพื่อพัฒนาฝีมือนั้น อยากเล่นเป็นนางเอก (หัวเราะ) ใครๆ ก็อยากเล่นเป็นนางเอก อยากรู้ว่าการเป็นนางเอกมันเป็นยังไง? อยากเล่นอะไรที่ตรงข้ามกับตัวเอง เพราะส่วนใหญ่เวลาที่เขาเลือกเราไปเล่นบทอะไรมักจะเลือกจากคาแรกเตอร์ว่าเหมาะกับเราหรือเปล่า แต่อะไรที่มันต่างจากคาแรกเตอร์ก็มักจะเป็นอะไรที่ท้าทายพอสมควรค่ะ”

สุดท้าย เธอได้กล่าวกับเราถึงความรู้สึกของเธอในตอนนี้ นอกจากความสุขที่หลั่งไหลเข้ามาในชีวิตช่วงนี้แล้ว ก็ยังแฝงไปด้วยความหวาดกลัวต่างๆ นานา เพราะตอนนี้เธอเองกลับรู้สึกว่าได้ยืนอยู่ท่ามกลางความคาดหวังของคนอื่น ที่หลายคนคงคิดว่าตัวตนจริงๆ ของเธอจะเหมือนกับละม่อมในบทละคร เพราะความจริงแล้ว บุคลิกและตัวตนของเธอกลับตรงกันข้าม

“เป็นคนไม่ตลกเลย แต่เป็นคนยิ้มง่ายมากกว่า จริงๆ แล้วเป็นคนจริงจังมาก จนบางครั้งน่ากลัว เพราะเวลาทำอะไรจะตั้งใจมากอยากให้มันออกมาดีที่สุดค่ะ”

และขอฝากถึงแฟนๆ ละครของเธอให้ช่วยติดตามผลงานที่กำลังออนแอร์อยู่ในขณะนี้เรื่อง เรือนกาหลง กับ ซิกเซ้นส์ 2 และที่กำลังถ่ายอยู่อีก 2 เรื่อง ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล และนางร้ายซัมเมอร์ ทางช่อง 3

เรื่อง : มนัชญา นามละคร

ภาพโดย : ธัชกร กิจไชยภณ

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE