สเต็ปตุงใจ สไตล์ตุงตา : ฮั่น เดอะสตาร์

“อาจจะเป็นเพราะว่าผมตัวใหญ่ด้วยมั้งครับ ก็เลยได้ชื่อนี้ แต่จริงๆ แล้วมันได้มาตั้งแต่สมัยเรียน ซึ่งบังเอิญแฟนคลับเขาก็เรียกเหมือนกัน”

นั่นคือที่มาของฉายา “หมีฮั่น” หมีไทยที่โด่งดังเสียกว่า “หมีแพนด้า” จากแดนมังกร ที่ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งต้องตามติดชีวิตแบบเรียลิตี้ 24 ชั่วโมง จนช้างไทยน้อยใจกันเป็นทิวแถว

แน่นอนว่า โมงยามนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ฮั่น-อิสริยะ ภัทรมานพ หรือ “ฮั่น เดอะสตาร์” หนุ่มขาแดนซ์เท้าไฟจากเวที “เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว 8” ที่นอกจากจะเติบโตกลายเป็นหมีใหญ่ กระแสความโด่งดังและชื่อเสียงก็เปรี้ยงปร้าง ชนิดไม่มีหยุดมีหย่อน

ล่าสุดกับคอนเสิร์ต “10 Years Of Love The Star” ครั้งใหญ่และครั้งแรกในรอบ 10 ปีของเวทีแจ้งเกิดและเหล่าศิลปินกว่า 50 ชีวิต ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่งหนึ่งในเดือนเด่นที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษเฉพาะจุดก็คือ ฮั่นหมี-หมีฮั่น อย่างไม่ต้องสงสัย

และด้วยนามระบือที่อุ่นดองข้องเกี่ยวกับเรื่อง “ผู้ชายๆ” จนมิอาจปฏิเสธได้…การเปิดใจถึงอะไร บิ๊กๆ เบิ้มๆ ก่อนขึ้นโชว์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ที่เขาบอกเช่นกันว่า “คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน” จึงเกิดขึ้น…

จุดเริ่มต้นฮั่นห้างแตก
และเป้าภูเขาไฟระเบิด

เรียกได้ว่าเป็น 'สัญลักษณ์' ที่ใช้นึกแทนความคิดถึงของบรรดาสาวๆ ทั้งแท้และเทียม ไม่เว้นกระทั่งชายหนุ่มฉกรรจ์ที่อาจจะมีทั้งรู้จักและไม่รู้จักฮั่น แต่ที่แน่ๆ ทุกคนจักถึงบางอ้อในทันทีที่ท่าเต้นท่านี้ปรากฏขึ้น

“มันมาจากตอนประกวดสัปดาห์สุดท้ายที่ผมเต้นเพลง 'คืนนี้อยากได้กี่ครั้ง' ของชิน (ชินวุฒ อินทรคูสิน) ครับ” ฮั่น หัวเราะร่าในทันทีที่กล่าวถึงต้นกำเนิดเริ่ม ที่ทำให้ใครต่อใครพากันติดตราตรึงใจจนกลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์

“จำได้เลยตอนนั้นคิดว่ายังไงก็ตกรอบอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าน่าจะทำให้มันเต็มที่ที่สุด ก็ไม่ได้หวังผลลัพธ์ หรือกระแสที่จะทำให้คนพูดถึงมาจนถึงทุกวันนี้”

ไม่ใช่แค่เจ้าตัวเท่านั้นที่ดูเริงร่าเมื่อพูดถึงเรื่อง 'เข็มขัดสั้น' เพราะคาดไม่ถึงกับความรวดเร็วชนิดจรวดติดเครื่องเจ็ตไอพ่นยังตามไม่ทัน เพราะหลังจากนั้นเพียงไม่นาน เรื่องราวทำนองคล้ายๆ กัน ที่ผู้คนหรือสื่อหลายสำนักโฟกัสให้ความสนใจบรรดาศิลปิน ดารา นักแสดง ฝ่ายชาย เห็นทีจะไม่พ้นเรื่องตุงๆ ในเป้ากางเกง จนกลายเป็นเครื่องหมายการค้าที่ไม่แตกต่างจาก “ไมเคิล แจ็กสัน” ตำนานเพลงป็อปของโลกกับท่าเต้นลูบเป้าอมตะ

“ไม่ถึงขนาดนั้นครับ…คือผมไม่ได้คิดเลยว่าผลมันจะออกมาเป็นแบบนี้ (หัวเราะ) ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณที่เขาติดตามผลงานของเรา เพราะก็มีบางคนที่ไม่รู้จักเรา เขาก็เอ๊ะ ไอ้นี่ไงที่มันเต้นท่านี้ ท่านั้น”

“ส่วนเรื่องที่เป็นกระแสสำหรับผม ผมคิดว่าความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราก็ไปห้ามความคิดเขาไม่ได้ จริงๆ ทุกคนไม่ใช่แค่ผม คนที่ทำงานตรงนี้ เราก็อยากให้คนโฟกัสที่เรื่องงานของเรามากกว่าที่จะมองเรื่องอะไรอย่างนี้

“แล้วอีกอย่างหนึ่งผมก็พยายามคิดงานใหม่ๆ ขึ้นมาเสมอ แต่ว่าทุกคนก็มักจะติดภาพแรก ผมไม่ได้ซีเรียสอะไรกับมันมากมาย แต่ก็ดีใจที่มีคนจำเราได้จากท่านี้”

จริงไหม? ที่จริงไม่ใช่หมีใจดี
แต่เป็นหมีนักล่า

สืบเนื่องมาจากท่าเต้นที่กลายเป็น 'ไอคอน' ความแข็งแรงแกมเซ็กซี่เย้ายั่วในแบบผู้ชายที่เป็นภาพลักษณ์ติดตัวหนุ่มฮั่นจนถึงทุกวันนี้ บทบาทดาวร้ายผู้มากด้วยเสน่ห์เล่ห์ร้ายอันแยบยล ก็พลอยตอกย้ำให้คิดถึงตัวตนที่แท้จริงเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า?

“ก็อาจจะมีบ้างเล็กน้อยครับผม” ฮั่น แซมยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก “หลายๆ คนมักคิดว่าเป็นอย่างนั้นอยู่เสมอ แต่จริงๆ โดยนิสัยส่วนตัวพื้นฐานแล้ว ผมก็ไม่ได้ขนาดนั้น”

“เอาเป็นว่า เป็นคนมีเรื่องผู้หญิงเยอะดีกว่า” ฮั่นเผย ก่อนยอมรับว่า ถ้าย้อนกลับไปสมัยวัยรุ่นเมื่อก่อนอาจจะ “ใช่”

“ก็ยอมรับครับผม ใช่…อย่างสเปกผู้หญิงเมื่อก่อนผมมองที่หน้า มองที่ภายนอก มากกว่าข้างในจิตใจ”

ประโยคถัดมาของฮั่น ทำให้เรารู้นึกถึงคำพูดที่ว่า “ผู้ชายไม่เจ้าชู้ ก็เหมือนงูไม่มีพิษ” ในเมื่อคำกล่าวเหล่านี้หมุดหมายถึง หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่เกินกว่า 90% ไม่อาจปฏิเสธได้ ในฐานะที่เคยเป็นและสามารถที่จะเป็นได้ดีได้เยอะชนิด “ขุนแผน” ก็เรียกได้ ถามว่าความรู้สึกตอนนี้คิดเห็นอย่างไร ต่อเรื่องความเจ้าชู้มากรัก ที่คล้ายเป็นธรรมชาติของผู้ชาย

“จริงๆ เรื่องนี้ผู้ชายหลายคนก็มีนิสัยไม่เหมือนกัน ในความรู้สึกผม ผมว่ายังไงผู้ชายก็คงเจ้าชู้อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะมากหรือน้อยมากกว่า มันก็ไม่แปลกนะสำหรับผม แต่ว่ามันก็อยู่ที่ตัวผู้หญิงว่าแต่ละคนเขาชอบผู้ชายแบบไหน แล้วก็เขาเลือกที่จะคุยกัน ตกลงกัน อะไรยังไงกันแบบไหน

“ถ้าถามว่ากลัวคนติดภาพลักษณ์ หรือมองเราเรื่องนี้ไม่ดีบ้างไหม ก็คงต้องพูดเหมือนเดิมว่า คงไปห้ามความคิดเขาไม่ได้ ผมไม่สามารถ ถ้ามีใครมาพูดว่าผมเป็นอย่างโน้นอย่างนี้อย่างนั้น ผมก็คงจะบอกได้คำเดียว คือไปห้ามเขาไม่ได้ แต่ผมพิสูจน์ได้ ทุกคนที่เป็นข่าว ก็ไม่ได้มีอะไรที่มันจริงสักคน

“แต่ว่าเดี๋ยวนี้พอเข้ามาวงการ เหมือนเราโตขึ้น เรามีความคิดความอ่านมากขึ้น สเปกตอนนี้ก็ไม่มี พูดง่ายๆ คือเปลี่ยนจุดโฟกัสไม่ได้มองเรื่องนั้นแล้ว อารมณ์ตอนนี้อยากดูแลครอบครัวอย่างเดียวดีกว่า

“ต้องรู้ว่าจุดยืนตัวเองอยู่ตรงไหน” ฮั่นเน้นย้ำ ก่อนจะเสริมถึงหลักการความเป็นลูกผู้ชายในแบบฉบับของเขา

“เรื่องบางอย่างถ้ามันมากเกินไปมันก็ส่งผลกระทบต่อเรา เราโตขึ้น เรามีหน้าที่ เราก็ต้องคิดว่าทำอย่างไรให้คนเข้าใจ สำหรับผมแค่ทำทุกอย่างให้มันดี อย่าคิดว่าตัวเองดีแล้ว เพราะว่ายังไงชีวิตมันก็ยังมีคนที่ดีกว่าเรา เราต้องพัฒนาให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ”

คิดจะเป็นฮั่น
ต้องหมั่นเอ็กซซซ…เซอร์ไซส์

ถึงบรรทัดนี้ เชื่อว่าใครหลายคนคงจะกระจ่างแจ้งในคำครหาต่างๆ นานา จนอยากได้ใคร่มีเป็นแฟนควงแขน หรือถือเอาเป็นแบบอย่าง 'ไอดอล' ในดวงใจที่น่าเจริญรอยตามคนหนึ่ง กระนั้นแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เห็นทีจะไม่เปิดเผยหรือเปิดอกคุยไม่ได้เลย ก็คือเรื่อง 'ซิกแพกงามๆ' ของหนุ่มฮั่น เพราะจะว่าไปแล้ว นี่คือต้นตอของเหตุทั้งหมดทั้งมวล ที่ทำให้ “หมีฮั่นน้อย” กลายเป็น “หมีฮั่นใหญ่” ที่ใครๆ ต่างกล่าวขวัญถึง

“ต้องค้นหาก่อนว่าเราต้องการรูปร่างแบบไหน” ฮั่นกล่าวเปิดประเด็น “สำหรับผม ผมเล่นแบบดูโดยรวม เพราะเมื่อก่อนผมชอบเล่นแต่ส่วนบน ชอบเล่นหน้าอก ก็กลายเป็นว่าช่วงบนใหญ่แต่ช่วงขาเล็ก มันก็ไม่สมส่วน เหมือนคนไม่ปกติ (หัวเราะ) หลังๆ ก็เลยต้องเล่นทั้งสองอย่างควบคู่กัน”

“โดยใน 1 อาทิตย์ ผมจะต้องพยายามหาเวลาเข้าฟิตเนสให้ได้ประมาณ 4 วันเป็นอย่างต่ำ แล้วก็เน้นเล่นอก หลังแขน หลัง”

“ส่วนหน้าท้องเราเล่นทุกวัน เล่นทั้งแบบเครื่องเล่น แบบซิตอัพท่าเอามือแตะเข่า ดึงเท้าขึ้นดึงเท้าลง”

และเคล็ดไม่ลับที่จะมีหุ่นเซ็กซี่สาวรักสาวหลง ฮั่นบอกว่าไม่มีอะไรมาก แค่ต้องมีระเบียบวินัยกับตัวเอง อาจจะไม่ต้องถึงกับรักหรือติดแบบเขาหรือที่ใครหลายคนเป็นและรู้สึกกันอยู่ในตอนนี้

“การออกกำลังกายมันต้องใช้เวลา เรื่องระเบียบวินัยจึงเป็นเรื่องสำคัญ แล้วก็วนมาเรื่องเดิมคือต้องเล่น เราสามารถเล่นได้ทุกที่

“เพราะต้องบอกก่อนเลยว่า ผมก็เพิ่งมาสนใจสักพักนี้เอง มาจริงจังเอาช่วงหลังสักประมาณ 1-2 ปี ยอมรับเลยว่าติด ไม่ว่าจะอยู่ที่กองหรืออยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ ถ้ามีโอกาสอย่างน้อยๆ ต้องวิดพื้น หรือถ้ามีเวลาว่างพักสัก 2 ชั่วโมงคั่นงาน ผมจะรีบวิ่งเข้าหาฟิตเนสทันที พูดง่ายๆ เลยว่าเวลาพักผ่อนของเราก็คือเวลาไปฟิตเนส”

แน่นอนว่าทั้งทำงานและออกกำลังกาย ปัญหาที่คนส่วนใหญ่มักจะพบคือ “ยิ่งเหนื่อย ยิ่งกินเยอะ” แทนที่จะมีกล้ามก็กลายเป็นไขมัน

“สำหรับผมไม่ค่อยคุมนะ คนอื่นอาจจะคุม แต่ผมไม่ เพราะว่าส่วนหนึ่งเราทำงานเยอะ อันไหนที่อยากทานเราก็ทานดีกว่า เดี๋ยวไม่มีแรง แต่ก็ใช่ว่าจะกินจุหรือกินอะไร กินเรื่อยๆ ถ้าช่วงไหนน้ำหนักเราขึ้นเยอะ เราก็ไม่กิน

“ก็คือต้องย้อนกลับไปตอบคำถามตัวเองก่อนอีกแหละครับว่า เราต้องการรูปร่างแบบไหน ถ้าเล่นได้ถึงแล้วเราก็ควบคุมให้สมดุล มีระเบียบวินัยในการออกกำลังกาย การกิน

“เพราะถ้าเราดูแลร่างกายดี เราก็จะสามารถทำอะไรในชีวิตได้โอเคมากขึ้น หรือมากที่สุด คล้ายๆ ที่ชอบพูดกันว่า ถ้ากายพร้อม ใจพร้อม ชีวิตมันก็จะดีตาม”



เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : Instagram @Hunz_IPH ,Facebook : ฮั่น The Star 8 และจากค่าย Exact
อัปเดตหลากหลายเรื่องราวข่าวสาร สาระบันเทิงได้ที่แฟนเพจ mars magazine

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE