‘นิกกี้ 9 นิ้ว’ ตอกกลับสังคม 'กินขี้ปี้นอนมันแปลกตรงไหน'


“เคยได้ยินคำว่า ‘กิน ขี้ ปี้ นอน’ ไหม? เอาจริงๆ มีเซ็กซ์กันก็เหมือนกินข้าว เป็นเรื่องปกติของมนุษย์โลก”

คำพูดชัดถ้อยชัดคำจากปากของ ‘นิกกี้-สุระ ธีระกล’ หรือ ‘นิกกี้ พิ้ม’ (Nicky Pimp) หนุ่มสุดห่ามในสายตาของใครหลายคน ที่แวะเวียนมาพูดคุยกับ mars ด้วยเหตุเพราะโปรเจ็คท์ ‘9 นิ้ว AV’ ของเขา ถูกตีตราว่าเป็นตัวการพาสังคมสู่ยุคเสื่อม และขัดกับจารีตประเพณีไทย

“มันแปลกตรงไหนที่จะนำเสนอเรื่องเซ็กซ์อย่างมีศิลปะ มันอยู่ที่ว่าทำในรูปแบบไหนให้ออกมาเป็นโปรดักชั่นที่ดี ผมไม่ได้ทำส่งเดช ผมบอกเลย ผมไม่ได้ทำหนังเอ็กซ์นะ ผมทำหนังอาร์ อีโรติค แล้วภาพที่ผมถ่ายมาไม่มีอนาจารด้วยซ้ำไป

“เอาง่ายๆ เลยพฤติกรรมชอบโชว์ผ่านสื่อออนไลน์มันมีให้เห็นอยู่ทุกวัน ถ้าผมไม่ทำ มันก็ทำกันอยู่แล้ว เรื่องข่มขืน ฆ่ากัน ข่าวมีอะไรกัน มันมีมาก่อนผมเกิดอีก ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับผมเลย สังคมไม่ได้เสื่อมเพราะผม ทุกวันนี้ใครๆ ก็ทำกัน มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ลองดูสิทุกวันนี้ยอดวิวในโลกออนไลน์ทั้งหมดเรื่องไหนเยอะสุด ก็พวกผู้หญิงที่ออกมาโชว์นมขายผลิตภัณฑ์ทั้งนั้น เห็นแชร์กันจัง แถมลงข่าวให้อีกเยอะแยะไปหมด ทำไมไม่ไปจับพวกนั้น ไม่ไปด่าพวกนั้น มายุ่งอะไรกับผม ผมยังทำออกมาเป็นรูปแบบ มีภาพสวยงาม ดูดีมีมาตรฐานมากกว่าอีก

“เรื่องการทำหนังเนี่ย ผมทำมานานแล้ว แต่ก่อนทำหนังแผ่นขายมาตั้งเยอะแยะ แถมหนังแผ่นได้เงินเป็นกอบเป็นกำกว่ามาก เดี๋ยวนี้ก็มีของก็อปปี้เยอะแยะไปหมด ไม่ได้เหมือนแต่ก่อนแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นมันอยู่ที่พัฒนาการของคนที่ทำโปรดักชั่นด้วย ต้องพัฒนาเพื่อให้ทันกับวิวัฒนาการ ถามว่านักร้องทุกวันนี้ได้ขายแผ่นไหม ก็ไม่ใช่ เขาขายโชว์มากกว่า ขายลง YouTube มากกว่า จริงๆ ผมก็ไม่ได้ทำอะไรต่างจากเขานะ แค่ผมทำอะไรบางอย่างที่มันไปโดนมากกว่า โดนทั้งคนทั่วไป และโดนทั้งผู้บริโภคด้วย พอมันโดนมันก็เลยเป็นเหมือนเกิดการปฏิวัติวงการ

“แต่ผมว่ามันมีเรื่องของธุรกิจเข้ามามากกว่า ทำให้ผมโดนแบบนี้ ส่วนใหญ่มันจะเป็นเรื่องระหว่างองค์กร พอมีคนที่เห็นว่าเราทำได้มันก็จะมีคนที่กลัวว่าจะไปขัดผลประโยชน์ ไปทับที่ทับทางเขา ก็เลยพยายามจะปั่นเรื่องลบๆ มาทำร้ายเรา แต่ผมมองว่าเป็นเรื่องธรรมดานะ ผมว่าถ้าลำพังคนที่เป็นผู้บริโภคกันจริงๆ แล้ว ไม่มีผลอะไรหรอก ผมว่าทุกคนมีความสุข ทุกคนแฮปปี้ที่จะได้ชม

“เหมือนทุกครั้งที่ผมขยับตัว จะมีคนจ้องจะจับผิดอยู่แล้ว มันเป็นธรรมดา ชินแล้ว อย่างที่บอกเป็นเรื่องของธุรกิจ ของคนที่กลัวว่าจะเสียผลประโยชน์ ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใครบ้าง พอเรามาปุ๊บเขาก็กลัวว่า เดี๋ยวเราจะเป็นน้องใหม่มาแรง รีบสกัดดาวรุ่งเสียก่อน แบบนั้นก็มี ก็เป็นอะไรที่ตลก แต่มันก็ห้ามไม่ได้ มันมีอยู่แล้วคนประเภทแบบนี้”

เมื่อภาพตัวอย่างของ 'AV สไตล์ไทย' ถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณชน ทั่วสารทิศตราหน้าว่าก็เป็นแค่การขยับตัวเพื่อ ‘สร้างกระแส’ เท่านั้น

“ถามหน่อย มีใครบ้าง(ว่ะ) ที่ทำงานวงการบันเทิงแล้วไม่สร้างกระแส ไม่เรียกเรตติ้ง ถามเลยว่าไม่สร้างกระแสให้คนสนใจแล้วจะทำไปทำไม คนขายลูกชิ้นหรือขายไก่ทอดยังต้องโปรโมตเลย พูดมาได้โง่ๆ มีใครไม่อยากดังบ้าง พอเราดังสินค้าก็ขายได้ถูกไหม ทำธุรกิจไม่เรียกเรตติ้ง ไม่สร้างกระแส แล้วจะมีโฆษณาไว้ทำไม ก็ใช่ไงผมทำเพื่อเรียกกระแสถูกต้องแล้ว ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป ค่ายเพลง ค่ายละครดังๆ ก็ต้องมีดารานักร้องไว้ดึงเรตติ้ง สร้างเป็นกระแส ถ้าไม่มีดารานักร้องแล้วเขาจะอยู่อย่างไร จะมีดารารานักร้องไว้ทำไม

“ผมว่าบางสื่อก็โคตรตลก อาจเพราะเราไม่ได้เสียเงินไปจ้างไอ้สื่อพวกนี้ไง เขาก็เลยมาแขวะ ถามว่าบริษัทใหญ่ๆ จ้างคุณลงข่าว คุณกล้าไปแขวะเขาไหม และอีกอย่างพูดตรงๆ เลย ผมไม่ได้ต้องการพวกเขาด้วย เพราะเขาไม่เคยสนับสนุนผมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พอมาวันนี้อยากจะลงอย่างไรก็เชิญ จะด่าอย่างไรก็เชิญ แต่ถ้าไม่อยากสนับสนุนก็ไม่ต้องมายุ่ง ไม่แคร์อยู่แล้ว ทุกวันนี้เราไม่ได้ไปยุ่งเขาเลย มีแต่เขาต่างหากที่มายุ่งกับเรา เราอยู่เฉยๆ เขาก็ไม่ได้สนับสนุนอะไร แต่พอเราเริ่มจะดังเขาก็จ้องจะมาด่า ซึ่งผมต้องบอกก่อนว่าไม่ได้หมายถึงทุกสื่อนะ เพราะสื่อที่เขาดีๆ ก็มีเยอะ ที่เขาเป็นคนรุ่นใหม่เปิดใจแล้ว มีความคิดอ่านแบบสมัยใหม่แล้ว แต่ไอ้พวกที่แบบยังเป็นสไตล์แบบเดิมๆ ก็ช่างหัวเขา ผมไม่สนใจอยู่แล้ว ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับผมเลย ไม่ชอบก็ไม่ต้องเอาลง แต่ถ้าคุณไม่เอาลงคุณก็ตกรถตกข่าว ก็แล้วแต่เลย เพราะชีวิตคุณทำงานกับกระแสอยู่แล้ว ก็แค่นั้น

“ก่อนหน้านี้คนก็บอกว่า มาทำเป็นกระแสให้สังคมสนใจ ทั้งๆ ที่จริงๆ เป็นตัวทำลายสังคม เอาตรงๆ นะ น่าจะขอบคุณผมมากกว่า พอผมทำ 9 นิ้ว AV กระแส AV มันกลับมาเลย เดี๋ยวนี้คนแชร์ คนอัพ เกี่ยวกับ AV มากมายไปหมด อยู่ๆ บริษัทโน่นนี่ก็ออกตัวมาว่าจะมาทำหนังใหญ่ออกมาเป็นเอวีกัน จริงๆ น่าจะขอบคุณผมนะ”

ความห่ามไม่สนใจโลก จนเหมือนเป็น ‘ด้านมืดของผู้ชาย’ แต่จากการพูดคุย mars สัมผัสได้ว่า ผู้ชายที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 36 ปีคนนี้ ดูเป็นผู้ใหญ่และสุขุมกว่าภาพที่เห็นผ่านสื่อก่อนหน้านี้มากๆ

“ผมอยู่วงการนี้มา 20 ปีแล้ว บางคนอายุยังไม่ครบ 20 ปีเลย น้อยกว่าเวลาที่ผมทำงานมาอีก ผมรู้อะไรควรไม่ควร ผมไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เอาจริงๆ เลยนะผมนี่โคตรดีเลย เป็นคนดีมากๆ เป็นคนปกติของโลกใบนี้ ที่ทั้งผู้ชายและผู้หญิงทุกคนควรจะเป็น เราไม่เบื่อกันบ้างหรือกับโลกหน้าไหว้หลังหลอก ปากหวานก้นเปรี้ยว เจอกันยิ้มแย้มแต่แอบถือมีดข้างหลัง ผมว่าเราควรจะอยู่กันแบบง่ายๆ ใช่ก็ตอบว่าใช่ ไม่ก็บอกว่าไม่แค่นั้นเอง จะมาตอแหลใส่กันทำไม ยกตัวอย่างเช่น บางคนมาถามผม อันนั้นดีไหมอันนี้ดีไหม พอเราบอกว่า ไม่ดี ไม่โอเค ก็มาโกรธเรา เราก็นึกโมโหว่า แล้วจะมาถามกูทำไม คุณจะเอาคำตอบจริงๆ หรือหลอกๆ ล่ะ? คนแบบนี้ผมว่าปัญญาอ่อน”

ย้อนเวลากับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนในยุคหนังแผ่นรุ่งเรือง เขาถือว่าเป็น ‘ตัวพ่อของวงการหนังแผ่นเรตอาร์’ แต่แล้วก็หายตัวไปพักใหญ่ๆ ไม่ได้มีผลงานออกมาเป็นชิ้นเป็นอันนัก

“4 ปีแล้วที่ผมหยุดทำงานวงการบันเทิงไป ก็มีเปิดบริษัทรับงานแบบ Production House แล้วมีปัญหากับพาร์ทเนอร์นิดหน่อยสองปีที่ผ่านมาเลยอยู่นิ่งๆ จนมาทำผลิตภัณฑ์ขายก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี จากนั้นก็เลยคิดเรื่องโปรเจ็คท์จะทำหนัง แต่มีปัญหาเรื่องอุปกรณ์ไม่พร้อม เลยมาประกาศผ่าน Facebook เผื่อเพื่อนๆ ที่เคยทำงานกันจะได้เห็นแล้วสนใจ สุดท้ายก็เริ่มเป็นกระแส เราก็เริ่มเซตทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจนเกิดเป็น ‘9 นิ้ว AV’ ขึ้นมา เปรี้ยงป้างวุ่นวายไปหมด

“ผมเริ่มทำกันมาสักพักแล้ว เพียงแต่ผมว่ามันมีเรื่องของจังหวะชีวิต ซึ่งของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ทุกๆ อย่างมันมีจังหวะมีช่วงเวลา ถ้ามันยังไม่ได้ยังไม่ใช่ ทำอย่างไรก็ไม่ได้ บวกกับงานที่ผมทำส่วนใหญ่ก่อนหน้านี้จะเป็นแบบว่าคนที่เขาไม่เห็นด้วยจะไม่สนับสนุนเรา ไม่มีสื่อที่จะนำเสนอ แต่พอมาวันนี้มีเรื่องของสื่อออนไลน์เข้ามา เราสามารถที่จะทำสิ่งที่เราคิดว่าใช่ได้เอง พอมันใช่ปุ๊บคนก็เข้ามาจอยมากขึ้น มันเลยเกิดเป็นกระแสได้ไว ถามว่าเป็นเพราะสังคมมันเปิดขึ้นไหม สังคมเรามันเปิดนานแล้ว แต่ด้วยว่าสื่อมันมีข้อจำกัดมาก แต่ก่อนมีแต่ฟรีทีวี เขาบังคับให้ดูอะไรเราก็ต้องดูแต่แบบนั้น แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่แล้ว มันไม่จำเป็น”

กับข้อสงสัยที่ว่าใครเป็นนายทุนให้? ‘พ่อหนุ่ม 9 นิ้ว’ มีคำตอบ

“จริงๆ ผมเริ่มทำของผมเองก่อน แล้วคนที่เข้ามาร่วมอุดมการณ์ด้วยส่วนใหญ่ผมก็จะคัดคน โดยเลือกจากเป็นคนที่มีอุปกรณ์ มีฝีมือ และที่สำคัญต้องเข้าใจตรงกันด้วย เพราะว่าทีมผมไม่รับงานนอก ทีมผมส่วนใหญ่เป็นคนที่มีอาชีพหลักอยู่แล้ว จะมาจ้างในการทำโปรดักชั่นอะไรก็ต้องจ้างผมผ่านทีม ซึ่งลำพังเฉพาะงานของทีมพวกผมเองก็ไม่มีเวลาไปรับงานของที่อื่นแล้ว ยุ่งแทบทุกวัน

“อีกอย่างคือพวกเราหารายได้เองโดยการผลิตสินค้าต่างๆ ขายมากมาย ใน www.nickypimpshop.com เราก็เลยไม่ได้ห่วงเรื่องนี้เท่าไร ถ้าไม่มีสปอนเซอร์หรืออะไร เราก็ขายผลิตภัณฑ์ของเราเองได้ แต่บังเอิญว่ามีคนสนใจจะเข้ามาร่วมลงทุน เราจำเป็นต้องเลือกอย่างตั้งใจ ต้องสกรีนก่อน เช่นเดียวกับสินค้าที่เรานำมาขาย เราก็เลือกก่อนเช่นกัน ไม่ได้ขายมั่วซั่ว

“อย่างที่บอกเรามีที่มาที่ไป มีบริษัทของเรา อย่างก่อนหน้านี้ที่ว่าตัวแสดงมีปัญหา คนก็บอกว่าอะไรกันยังไม่ได้เริ่มก็มีปัญหาเสียแล้ว ผมบอกเลยว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมมีผู้หญิงในเครือเป็นกองทัพ เฟี้ยวๆ ทั้งนั้น ผมกล้าพูดเลยว่า ผู้หญิงที่อยู่ใน ‘9 นิ้ว AV’ ทุกคนต้องดัง เรียกว่าดังเป็นรายชั่วโมงเลยดีกว่า ลงหนึ่งชั่วโมง คนก็รู้จักทั่วประเทศแล้ว อย่างที่บอกเราทำแบบมีเทคนิค เป็นขั้นเป็นตอน”

ถึงจุดนี้คงเริ่มสงสัยแล้วสิว่า ‘9 นิ้ว AV’ จะออกมาให้รับชมในรูปแบบใด

“ผมมีช่องทางหลักๆ ที่สามารถติดต่อผมได้อยู่ช่องทางเดียวคือเว็บไซต์ที่กล่าวไว้ ทุกอย่างที่อยู่ในเครือของเราจะผ่านตรงนั้น ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ เสื้อ หมวก หนัง หรืออะไรต่อมิอะไร ซึ่งหนังที่เราจะนำเสนอก็คงจะอัพขึ้น YouTube ซึ่งจะเป็นในระดับที่เขาอนุญาตให้ลงได้ ส่วนที่เป็น Director’s Cut จะอยู่ใน DVD จะออกมาเป็นแพ็คเกจดูดี หน้าตาสวยงาม พร้อมลายเซ็น ดูเป็นของสะสม เป็นอะไรที่มากกว่าแผ่นหนังทั่วไป ซึ่งคนที่จะเข้ามาซื้อก็ไม่ได้ซื้อกันง่ายๆ ต้องเป็นสมาชิกจริงๆ เพราะเราทำทุกอย่างเป็นพรีเมียม มีจำนวนจำกัด หรือต้องมาซื้อแบล็คบุ๊ค ซื้อพ็อกเก็ตบุ๊คก็จะได้ใบสมาชิกแบบที่ผมบอกไป แล้วถึงจะเข้ามาซื้อได้ มันดูมีคุณค่าน่าสะสม มีเรื่องราวของมัน

“ทุกอย่างซื้อผ่านเว็บไซต์ ส่งผ่าน EMS เวิลด์ไวด์รอบโลก ผมพร้อมส่งทุกอย่างไปต่างประเทศได้ตลอดเวลา YouTube ก็ดูได้ทั่วโลก อีกอย่างหนึ่งหนังเราเป็นภาษาอังกฤษ ที่มีซับไตเติ้ลภาษาไทย เราไม่ได้ทำภาษาไทยนะ เหมือนดูหนังฝรั่งเรื่องหนึ่ง เราคิดเพื่อต่อยอดสู่ต่างประเทศอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ในประเทศ แล้วที่ผมบอกว่า โปรเจ็คท์นี้จะสั่นสะทือนวงการ AV ญี่ปุ่น ตอนนี้มันก็เริ่มสั่นแล้วนะ ผมเพิ่งทำมาแค่เดือนเดียว แต่คนรู้จักทั้งประเทศไทยแล้ว โดยที่ไม่ต้องผ่านสื่อทีวีอะไร ต่างประเทศก็มีออกข่าว นี่ขนาดแค่เดือนเดียวเองนะ ผมว่าแค่นี้มันก็ใช่แล้วแหละ เขาต้องมีสั่นสะเทือนบ้าง

“บางคนบอกว่าเดี๋ยวหนังออกมาจะก็อปปี้ เอาสิเชิญเลย เพราะ กูให้มึงดูฟรีอยู่แล้ว ก็อปไปก็ไม่มีใครดู เขามาดูของฟรีดีกว่า เสียเวลาไปซื้อแผ่นปลอมทำไม แต่ถ้าเป็นของแท้ เขาไม่สนใจตัวเนื้อเรื่องของหนังอยู่แล้ว เขาสนใจที่มาที่ไปมากกว่าว่าผู้ชายคนหนึ่งกำลังทำอะไรอยู่ แล้วก็มี DVD เป็นของสะสมเพิ่มเติม ซึ่งถ้าวันหนึ่งผมได้ไปโกอินเตอร์จริงๆ แบบที่ผมบอก ของพวกนี้มันจะมีมูลค่ามากๆ แต่เราก็ขายในราคาหลักร้อย ถูกๆ ไม่มีไรมาก”

กลุ่มเป้าหมายหลักที่วางไว้?

“คงเป็นแฟนคลับและลูกค้าของผมซึ่งมีทุกกลุ่มนะ ตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่เลย ไม่ใช่เฉพาะในประเทศ ต่างประเทศก็มีข่าวออกเยอะ มีกลุ่มสนใจเริ่มเข้ามาทักทาย แต่ตอนนี้เราต้องค่อยๆ ทำจากในพื้นที่ก่อน ค่อยๆ ขยายไปเรื่อยๆ เราก็ยังไม่รู้ว่าจะไปได้ถึงไหน ก็ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปเรื่อยๆ ดีกว่า สำหรับผมคิดว่า ทำมาได้แค่นี้ก็ประสบความสำเร็จแล้ว แต่ส่วนต่างๆ ก็ต้องทำให้ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น พอกลุ่มมันใหญ่ขึ้น คนสนใจเยอะขึ้น ต้องระวังตัวมากขึ้น สำรวมมากขึ้น”

เมื่อถามถึงก้าวต่อไปจะข้ามผ่านเป็นหนังใหญ่ไหม นิกกี้ถึงกับอมยิ้ม แล้วตอบแบบจิกกัดคู่แข่งเล็กน้อยว่า

“ทำหนังใน YouTube ก็ชนะแล้ว จะไปทำหนังใหญ่ทำไม ไม่ต้องมานั่งเหนื่อย ไม่ต้องมานั่งลงทุน มันอยู่ที่กึ๋นนะของแบบนี้ ถ้าจะให้ทำหนังใหญ่ก็เอาเงินมาจ้างสิ ชั่วโมงนี้ยังไม่ทำหรอก ผมพอใจแค่นี้แล้ว ส่วนเรื่องอนาคตถ้ามันเติบโตขึ้นจริงๆ ก็ไม่แน่ เราเจียมตัว เรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่ เรามีเท่าไรก็ทำเท่านั้น

“แต่ถ้ามีนายทุนคนหัวดี ซึ่งผมมองว่าเป็นนายทุนที่ฉลาดอยากจะให้ทำหนังใหญ่ที่เป็นภาษาอังกฤษ ผมก็ยินดีนะแล้วผมกล้าพูดเลยว่าคุณไม่เสียเปล่าแน่นอน ไม่ต้องดูยากหรอก คุณไปดูหลายๆ คนที่เขาบอกว่าทำได้อย่างโน้นอย่างนี้ เอาเข้าจริงๆ หนังออกมาก็เห็นแป็กเยอะแยะ แต่ของผมยังไม่ได้เริ่มเลย คนปูเสื่อรอแล้ว ถึงบอกไงไม่เห็นจะยากเลยถ้าให้ผมทำหนังใหญ่ รูปแบบต่างๆ กลยุทธต่างๆ ก็คงไม่พ้นรูปแบบนี้หรอก ถ้าฉลาดก็เข้ามาลงทุนสิ ของเราไม่ได้ผิดกฎหมาย ทุกอย่างเราทำภายใต้ความถูกต้องของกฎหมายทั้งหมด ลงทุนแล้วขายได้ทั่วโลกเลย ทุกวันนี้แค่เอาโลโก้ ‘9 นิ้ว AV’ ไป ถ้าบริษัทใหญ่ๆ เขารู้จัก เขาก็พร้อมจะเป็นผู้แทนให้ ช่องทางของเราก็มีเอง ไม่เห็นจะต้องไปแคร์ให้คนหาช่องทางให้ ช่องทางของผมตรงกลุ่มเป้าหมายจริงๆ ชัดเจนเลย ของผมไม่ได้แบบว่าให้คนเดินผ่านแล้วดู ของผมนี่แบบว่าออกปุ๊บซื้อ ออกปั๊บซื้อ เรียกว่าแบบนั้นเลยดีกว่า”

ส่วนเป้าหมายในอนาคตกับโปรเจ็คท์นี้ นิกกี้ตอบแบบถ่อมตัวว่า

“ตอนนี้ผมทำไปเรื่อยๆ ก่อน ไม่มีอะไรคาดหวังได้ ผมเคยคาดหวังอะไรที่มันเยอะๆ แล้วมันก็ไม่ได้อย่างที่หวังมาแล้ว ก็เลยไม่คิดจะหวังอะไรให้มันเกินตัว เอาแค่ที่เราทำได้ก็พอ ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้หมดแล้ว มันมีจังหวะมีช่วงเวลาของมันที่เขากำหนดไว้แล้ว ถ้ามันได้ก็คือได้ ผมบอกกับทีมทุกวันว่า แค่นี้ก็ถือว่ามาไกลแล้ว

“อีกอย่างหนึ่ง เราก็ไม่ได้ลืมกำพืด เรายังทำไปเรื่อยๆ ทำเสื้อยืดออกมาขายทีละ 100-200 ตัว ทำหมวกมาทีละเล็กละน้อย สะสมไปเรื่อยๆ ไม่ได้หวังว่าจะต้องมาเป็นขาขึ้นแบบตูมตามเปรี้ยงป้างอะไร อาจจะเป็นเพราะว่าเราเป็นแบบนี้ก็ได้ เลยมีเสน่ห์ในตัวของเรา ดูน่าสนใจน่าติดตาม เหมือนภาพยนตร์สังเกตไหมคนจะชอบดูหนังแบบว่า เริ่มจากเป็นนักเลงข้างถนน ไต่เต้ามาจนเป็นแบบคุมซอย จนมาเป็นเจ้าพ่อ แบบนี้มันดูมีที่มาที่ไป ไม่ใช่เปิดเรื่องมาถึงเป็นแบบว่าระดับท็อป เป็นเจ้าพ่อแล้ว แบบนั้นมันก็ไม่สนุก มันก็เหมือนชีวิตคน คนเราจะน่าติดตามมันก็ต้องเริ่มจากศูนย์ก่อน มีเหตุการณ์โน่นนั่นนี่ให้ดูตื่นเต้น ค่อยๆ ขยับเติบโตมาทีละนิดละหน่อย ให้คนได้ติดตามตลอด เหมือนเป็นซีรี่ย์แต่นี่ไม่ใช่ซีรี่ย์ มันคือชีวิตของผมจริงๆ เราไม่ได้เซตขึ้นมาแต่ว่าเราใช้ประสบการณ์จริงมาปรับแก้ไขทีละนิด ไม่ใช่แบบว่าต้องมาคิดงานให้มันเยอะแยะเกินไป มองอีกมุมหนึ่งเรื่องราวชีวิตผมเหมือนกับให้แรงบันดาลใจกับคนด้วยว่า นิกกี้มันยังทำได้เลย เราต้องทำได้สิ คนแบบนิกกี้มันยังมีที่ยืนในสังคมเลย ทำไมเราจะทำไม่ได้

‘นิกกี้ พิ้ม’ ส่งท้ายถึงแฟนๆ ‘9 นิ้ว AV’ ทุกท่านว่า

“โปรเจ็คท์หนังก็อดใจรอกันสักหน่อยนะครับ ประมาณเดือนเมษายนได้รับชมแน่นอน ส่วน Director’s Cut และของพรีเมียมที่มากกว่าก็เตรียมสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ www.nickypimpshop.com ได้เลย รวมไปถึงสินค้าอื่นๆ เสื้อยืด หมวก อาหารเสริมและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก็สั่งซื้อได้ หรือเข้ามาพูดคุยติดตามได้ที่ช่องทางออนลน์ต่างๆ ทั้งที่ IG : nickypimp9, Facebook : Sura Teeragol แฟนเพจ Facebook : Nicky Pimpz และ กลุ่ม Facebook : 9 นิ้ว AV ทุกๆ ช่องทางผมจะพยายามเข้าไปพูดคุยด้วยในทุกๆ วันครับ อย่างไรก็ฝากผลงานของผมด้วยนะครับ”


เรื่อง : อิทธิพล เนียมสวัสดิ์
ภาพ : พาณุวัฒน์ เงินพจน์

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE