ดูเหมือนว่าการทะเลาะเบาะแว้งกันของดารายักษ์ใหญ่ระหว่าง ‘วิน ดีเซล’ และ ‘ดเวย์น จอห์นสัน’ จะจบลงทางในบวก เพราะนั่นทำให้เราได้ดูหนังภาคแยก Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw …แต่ลึกๆ แล้วเป็นแบบนั้นเหรอ?
ย้อนเวลาสักเล็กน้อย…หลังจาก ‘ดเวย์น จอห์นสัน’ เปิดฉากด่าอย่างรุนแรงผ่านไอจีส่วนตัวขณะถ่ายทำ Fast 8 ในทำนองว่า
“ไม่เคยมีหนังแฟรนไชส์เรื่องไหนที่ทำให้เขาเดือดดาลได้เท่านี้ …มีแสดงชายคนหนึ่งที่ไร้ประโยชน์มากๆ ไม่ได้ช่วยทำอะไรเลย น่ารังเกียจจริงๆ”
นั่นก็เหมือนก่อไฟกองใหญ่ให้แมงเม่านักข่าวเข้ามารุมทันที เพราะไม่ใช่เรื่องปกติแล้วแน่ๆ ที่ดาราระดับ A List เช่นเขาจะออกมาด่ากราดผ่านสื่อออนไลน์เช่นนี้ และเมื่อมัดรวมเหตุผลและความเป็นไปได้ต่างๆ นาๆ ต้นเรื่องที่ถูกฉะกลางอากาศนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘วิน ดีเซล’
จากเหตุการณ์นี้มีการเคลียร์กันหลายต่อหลายครั้งผ่านบุคคลต่างๆ แต่ครั้งที่ชัดเจนที่สุดน่าจะเป็น ‘วิน ดีเซล’ เปิดอกคุยกับ ‘ดเวย์น จอห์นสัน’ สองคน จนได้ข้อสรุปว่าสไตล์การทำงานของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน และต่างคนต่างทำงานกันไปดีกว่าที่จะมาเสียเวลาบาดหมาง ซึ่งการเจรจาจบสวยทั้งสองฝ่าย และกลายเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ในทันที
เมื่อยักษ์ใหญ่ทั้งสองไม่อยากทำงานร่วมกัน ทางต้นสังกัดอย่าง Universal Studios จึงปิ๊งไอเดียให้แยกกันทำงานไป แต่ยังอยู่ในกรอบของหนังโกยเงินนั่นจึงเป็นที่มาของ Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw โดย ‘ดเวย์น จอห์นสัน’ และ ‘เจสัน สตาแธม’ ได้กุมบังเหียนผู้อำนวยการสร้างร่วมไปด้วย (จบสวยๆ แบบค่ายยังโกยเงินเพิ่มได้อีกทาง)
กลับมาว่ากันเรื่อง Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw …เมื่อแยกมาซะขนาดนี้แล้วจะคงครรลองหนัง fast แบบเดิมๆ ทำไม ใส่ให้เต็มที่บี้ระเบิดกันให้อลังการไปเลย!
นั่นจึงทำให้นักวิจารณ์หลายๆ คนมองว่า Fast & Furious Presents : Hobbs & Shaw แทบไม่เหลือเค้าเดิมของหนัง Fast & Furious เลย บางคนถึงกับเอ่ยว่า นี่มันหนัง mission impossible ภาค Hobbs & Shaw ชัดๆ!!!
แต่ถ้ามองภาพรวม (รวมถึงคนออกตังค์อย่าง Universal Studios) หนังภาคแยกที่ฉีกกฎเดิมๆ ของ Fast ไปสู่หนังจารกรรมวินาศสันตะโรไฮเทคนั้นก็เพื่อปูทางแจ้งเกิดให้กับสองคู่ใหม่อย่าง Hobbs & Shaw เต็มที่ เพราะอย่าลืมว่า ‘ดเวย์น จอห์นสัน’ และ ‘เจสัน สตาแธม’ เป็นดาราฮอลลีวู้ดระดับ A List ที่มีแฟนๆ ติดตามอย่างเหนียวแน่น ถ้ามัวมากั๊กๆ หยองแหยง โดยไม่ปล่อยให้ทั้งคู่อาละวาดกันสุดเหวี่ยงแล้วล่ะก็…เงินไม่เข้าเป้าก็เท่ากับวืดที่เปิดโปรเจ็คใหม่!! แต่ชะตานั้นก็อยู่ในมือคนดูเช่นกันที่จะช่วยตัดสินว่า Hobbs & Shaw จะได้ไปต่อในภาค 2 หรือไม่?
Fast & Furious Presents : Hobbs & Shaw ไม่ได้มีดีแค่ความมันคูณสิบยกกำลังสองเท่านั้น แต่ยังดูดเอานักแสดงมากความสามารถมาร่วมงานด้วย หนึ่งในนั้นก็คือสาวพราวเสน่ห์อย่าง ‘วาเนสซา เคอร์บี้’ ( Vanessa Kirby)
‘วาเนสซา เคอร์บี้’ สาวลอนดอนผู้มีฝีไม้ลายมือด้านการแสดงน่าจับตามองคนหนึ่งของวงการ เธอเติบโตมาจากนักแสดงละครเวที ด้วยพรแสวงและพรสวรรค์ก็ส่งให้เคอร์บี้ได้รับรางวัลด้านการแสดงหลายครั้ง จากนั้นเธอขยับมาเล่นซีรีย์โทรทัศน์และสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองอีกครั้งในบทบาท ‘เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต’ ในเรื่อง The Crown จนคว้ารางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมจาก BAFTA (British Academy Film Awards ) ในปี 2018
ในวงการภาพยนตร์ เราได้เห็นความพราวเสน่ห์สวยสังหารของเธอในบทแม่ม่ายขาวจากหนัง Mission: Impossible – Fallout ซึ่งซุบซิบฮือฮากันพักใหญ่เมื่อมีภาพหลุดบดปากกับพระเอก ‘ทอม ครูซ’ ออกมา แต่ท้ายสุดแล้วมันก็เป็นแค่ฉากหนึ่งในหนังเรื่องนี้เท่านั้น
ใน Fast & Furious Presents : Hobbs & Shaw เคอร์บี้รับบทเป็น ‘แฮตตี้ ชอว์’ สาวสวยสะบัดตระกูลชอว์ที่เข้าไปเกี่ยวพันกับองค์กรร้ายระดับโลกจนพี่ชายต้องเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งบทนี้นี่เองเราจะได้เห็นเธอใส่พลังอย่างเต็มที่กับแอ๊คชั่นล้างผลาญชนิดแทบลืมหายใจ แต่ไม่วาย ด้วยความสวยน่ามองของเธอก็ทำให้คนเขียนบทต้องหยอดมุก ‘ฮอบส์หลีสาวชอว์’ ลงไปด้วยเพื่อสร้างสีสัน
เอาเป็นว่าอยากดูเสน่ห์และฝีมือของ ‘วาเนสซา เคอร์บี้’ แบบเต็มๆ ก็ไปจองตั๋วเข้าโรงได้เลย ส่วนเราขอเรียกน้ำย่อยด้วยภาพสวยๆ ของสาววัย 31 คนนี้พลางๆ ไปก่อน
ภาพจาก pinterest / vanessa__kirby