5 เมืองน่าพัก น่าพาคนรักไปบอกเลิฟ


Stoty/photo ด.ช.ตีนเปลือย
Tein.Boyfoto@gmail.com

วาเลนไทน์ใกล้เข้ามาแล้ว หลายคนอาจกำลังมองหาสถานที่โรแมนซ์ๆ เพื่อควงแขนใครสักคนไปใช้จ่ายช่วงเวลาอันรื่นรมย์ด้วยกัน นี่คือ 5 สถานที่ซึ่งได้รับการยอมรับในแง่มุมความสวยงามและน่าท่องทางไปพักชม แน่นอนว่า มันไม่ใช่ “ที่” ใหม่อะไรเลย แต่เชื่อสิว่า มันไม่เคย “เชย” เลย ในความนึกคิดของนักเดินทางทั้งหลาย คุณจะไปพักผ่อนหย่อนใจ หรือจะพาคนรู้ใจไปสารภาพรัก ก็งดงามดุจเดียวกัน

 
“เชียงคาน” วันวาน วันนี้ ที่นี่ยังสวยงาม
หลายปีก่อน…………….. ที่หน้าต่างบานไม้ จะถูกเปิดออกรับการเปลี่ยนแปลง “เชียงคาน” เป็นเพียงเมืองห้องแถวไม้ซ่อนตัวอยู่ริมน้ำโขง ท่ามกลางความเรียบง่าย สงบ จนกระทั่งมันถูกค้นพบโดยนักเดินทางผู้แสวงหาความเชื่องช้าแห่งการใช้ชีวิต และโหยหาบรรยากาศเรียบๆ ง่ายๆ ริมน้ำ

 
จนวันนี้ เชียงคาน น่าจะเป็นปลายทางแรกๆ ในฤดูหนาวของใครหลายคน ถึงแม้กาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงมันไปมาก หน้าต่างทุกๆ บานถูกเปิดออกรับนักท่องเที่ยว, นักเดินทาง จากทั่วสารทิศ มาสัมผัสเชียงคาน จากปากต่อปาก สู่เรื่องเล่าผ่านโลกออนไลน์ สื่อต่างๆ จนในทึ่สุด เชียงคาน กลายเป็นเมืองที่คุณห้ามพลาดในสมุดเดินทางของหน้าหนาว
ถ้ามีใครสักคนที่อ่านบทความนี้แล้วแต่ยังไม่เคยไป ลองไปเถอะครับ เชียงคานไม่น่าจะทำให้คุณผิดหวัง แม้มันเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่หลายๆ สิ่งยังเหมือนเดิม ยังมีคุณยาย คุณตานั่งหน้าบ้านพร้อมรอยยิ้ม, มีการใส่บาตรข้าวเหนียวยามเช้า, หน้าห้องแถวยังมีกิจกรรมจากชาวประมงท้องถิ่น, มีสายหมอกลอยอ้อยอิ่งริมโขง, มีจักรยานให้เช่าปั่นมากขึ้น และมีของกินของใช้ ของชอปเพิ่มมากขึ้น รวมถึงที่พักก็มากขึ้น จนคุณอาจเลือกไม่ถูก มีความสุขกับเชียงคานในวันหนาวๆ

การเดินทาง
เดินทางโดยรถโดยสาร
เส้นทางโดยสารรถประจำทาง สามารถเดินทางโดยตรงจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) ด้วยรถโดยสารปรับอากาศ กรุงเทพฯ-เชียงคาน
สถานีปลายทาง อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวจะสะดวกมาก ท่านสามารถเลือกเดินทางจากหลายเส้นทาง เช่น
เส้นทางที่ 1 (550 กม.)
กรุงเทพฯ – เพชรบูรณ์ (ประมาณ 350 กม.)
เพชรบูรณ์ – เขาค้อ – หล่มสัก – อ.ด่านซ้าย – ภูเรือ – เลย (ประมาณ 240 กม.)
เส้นทางที่ 2 (590 กม.)
กรุงเทพฯ – นครราชสีมา (ประมาณ 250 กม.)
นครราชสีมา – ชัยภูมิ – ชุมแพ (ประมาณ 220 กม.)
อำเภอชุมแพ – ผานกเค้า – ภูกระดึง – วังสะพุง – เลย (ประมาณ 160 กม.)
เส้นทางที่ 3 (660 กม.)
กรุงเทพฯ – ขอนแก่น (ประมาณ 450 กม.)
ขอนแก่น – ชุมแพ (ประมาณ 90 กม.)
ชุมแพ – ผานกเค้า – ภูกระดึง – วังสะพุง – เลย (ประมาณ 160 กม.)

 
“กาดกองต้า” กาลเวลาไม่เคยหมุน
เมื่อการสัญจรเปลี่ยนจากทางน้ำสู่ทางบก นั่นคืออีกหนึ่งตัวแปรของการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา กาดกองต้า เคยเป็นเหมือนอดีตศูนย์การค้า ขนาดใหญ่ เมืองลำปาง แต่เมื่อการคมนาคมเปลี่ยน กาดกองต้า ก็เป็นเหมือนหลายๆ ที่ คือ ค่อยๆ ซบเซาลง จนกระทั่งแทบร้าง แต่หลายชีวิตยังคงดำเนินไป

 
ยังมีชาวบ้าน พ่อค้า ไม่ย้ายออกไปไปน ใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆ ในกาดกองต้า กระทั่งความสวยงามของสถาปัตยกรรมอันหลากหลาย ทั้ง ฝรั่งเศส พม่า จีน ฝรั่ง ที่ถูกหล่อหลอมผ่านกาลเวลามานาน ทำให้มันทรงคุณค่า และวันนี้ กาดกองต้า กำลังจะกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง

 
ลำปาง ไม่ได้มีดีแค่หนาวหรอก ถ้าใครได้ไป ลองแวะไปเดิน กาดกองต้า ซึมซับเรื่องราวต่างๆ ผ่านอาคารบ้านเรือนริมน้ำ จิบชากาแฟ ชิมอาหารท้องถิ่น เดินถ่ายรูปบนสะพานรัษฎาภิเศก และใช้ชีวิตให้ช้าลงในกาดกองต้า สำหรับขาชอปจริงๆ ถ้าจะไปกาดกองต้าแบบครึกครื้น มีของกินของชอปเพียบบ ต้องไปวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะที่นี่จะเปิดเป็นถนนคนเดินตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น.

 
การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ถึงกิโลเมตรที่ 52 แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านสิงห์บุรี ชัยนาท เข้านครสวรรค์ แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านกำแพงเพชร ตาก ตรงเข้าสู่จังหวัดลำปาง รวมระยะทางทั้งสิ้น 599 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง หรือจะใช้เส้นทางสายใหม่จากพิษณุโลก เข้าเด่นชัย แล้วเดินทางเข้าจังหวัดลำปาง

 
“ปาย” ลมหายใจที่ต้องลองไปสักครั้ง

คงไม่ต้องบอกหรือบรรยายสรรพคุณกันมาก กับชื่อเสียงของ “ปาย” หนึ่งในเมืองดึงดูดผู้คนจากทั่วสารทิศให้มาสัมผัสขุนเขาทางภาคเหนือของไทย เดิมที อ.ปาย อาจเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ เดินทางลำบากผ่านหุบเขาสลับซับซ้อน หลบซ่อนความวุ่นวายอยู่หลังภูผาใหญ่ นับแต่ชื่อของ ปาย เป็นที่รู้จัก จะจากสื่อหรือหนังสือเล่มไหนก็ตาม นั่นทำให้ปายกลายเป็นเมืองที่ทุกวันนี้ทั่วโลกต่างอยากมาสัมผัสมนต์เสน่ห์

 
ที่นี่มีหลากหลายความต้องการสำหรับนักเดินทาง ทั้งวัดวาอาราม สถาปัตยกรรมล้านนาเก่าแก่ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อาหารการกินท้องถิ่น หรือจะอยากสัมผัสสีสันยามค่ำคืน ก็เป็นที่รู้กันดีว่า ที่นี่คือข้าวสารแห่งเมืองเหนือ ร้านรวงเรียงรายให้เลือกนั่ง เลือกดื่มมากมาย หรือถ้าใครต้องการเพียงขึ้นมาพักนอน สัมผัสลมหนาวท่ามกลางขุนเขา ในบรรยากาศสงบๆ หน่อย ก็ลองเลือกที่พัก รีสอร์ตต่างๆ ดูครับ มันมีมากมายเสียจนลายตา เลือกได้ตามสไตล์คุณ ส่วนสุดท้าย ปายจะสวยหรือไม่ จะดีหรือไม่ดี มันก็อยู่ที่คุณจะเลือกมอง และอยากให้เป็น….


การเดินทาง
เชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน – ปาย
เส้นทางที่ 1 “เส้นทางแห่งขุนเขา 1,864 โค้ง”
จากจังหวัดเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 ไปทางท่าอาศยานเชียงใหม่ ขับไปเรื่อยๆ ผ่านอำเภอหางดง สันป่าตอง จอมทอง ฮอด จนถึงแยกอำเภอแม่สะเรียง เลี้ยวขวาไปทางอำเภอแม่ลาน้อย ขุนยวม จนถึงอำเภอเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอน และอำเภอปาย ระยะทางค่อนข้างไกล แต่เส้นทางนี้เป็นเส้นทางตัดขึ้นเขาสูง มีความสวยงามกับธรรมชาติข้างทาง เหมาะสำหรับนักเที่ยงเที่ยวที่มีเวลาค่อนข้างเยอะ เพราะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำให้สามารถแวะท่องเที่ยวพักผ่อนชมวิถีชีวิตและประเพณีต่างๆ ของคนพื้นเมืองได้เป็นอย่างดี พร้อมกับโค้งที่มากถึง 1,864 โค้ง
เส้นทางที่ 2 “เส้นทางใหม่”
จากจังหวัดเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 1095 ไปทางมหาวิยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ หรือเรียกว่าถนนแม่มาลัย – ปาย ผ่านอำเภอแม่แตง จนถึงอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนและอำเภอปาย ระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร เส้นทางนี้เป็นเส้นทางสายใหม่ เป็นถนนลาดยางอย่างดี และถนนเส้นนี้ตัดผ่านสถานที่ท่องเที่ยวแบบอันซีนในอำเภอปาย เช่น ถ้ำน้ำลอด วัดน้ำฮู้ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาจำกัดแต่สามารถแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของอำเภอปายได้อีกเส้นทางหนึ่ง

 
“น่าน” ไม่นานนักเราจะกลับไปอีกครั้ง
“น่าน” แต่ก่อนยังไม่เป็นที่รู้จักมากเท่าไร แต่ตอนนี้ มนต์ขลังของเมืองน่านได้พัดกระจายไปทั่วเมืองไทยแล้ว แม้ น่าน จะไม่ใช่จังหวัดทางผ่านเพื่อไปยังสถานที่ต่อไป กลับกลายเป็นว่านักเดินทางมากมายต่างพุ่งเป้ามาที่น่านโดยตรง แสดงว่า เมืองน่าน เองต้องมีอะไรดีอย่างแน่นอน

 
จะไม่ให้ใครที่มาแล้วติดใจได้อย่างไร เมื่อเมืองนี้เปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ถ่ายทอดมารุ่นสู่รุ่น ทั้งวัดวาอาราม ศิลปวัฒณธรรม หรือจะวิถีชีวิต อาหารการกิน ฯลฯ หนึ่งในไฮไลต์เมื่อมาเมืองน่านแล้วไม่ควรพลาด นั่นคือ การเดินบริเวณข่วงเมือง (ใจกลางเมือง) ซึ่งจะเหมือนพาคุณย้อนเวลาไปสู่อีกยุคหนึ่งกับวัดเก่าๆ มากมาย อาทิ วัดภูมินทร์ กับภาพวาดกระซิบรักบันลือโลก (ปู่ม่ายย่าม่าน), วัดช้างค้ำ วัดเก่าแก่ตั้งแต่ปี พ.ศ.1948 อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่อยากให้นักชิมพลาด กับร้านบัวลอยป้านิ่ม ขนมหวานอร่อยสะเทือนโลก มาแล้วไม่ลองเหมือนไม่ถึงน่านจริงๆ นะ

 
และนี่คือส่วนหนึ่งของมนต์เสน่ห์ในตัวเมือง ซึ่งนั่นเป็นเพียงน้ำจิ้มเบาๆ เพราะ เมืองน่าน ยังมีธรรมชาติที่งดงามตระการตาอีกมากมาย ทั้งดอยภูเขา ดอยเสมอดาว หรือจะเป็นที่บ่อเกลือ อ.ปัว รับรองว่ามาเมืองน่านแล้วจะอยากสัมผัสน่านทุกมุมจริงๆ ซึ่งนั่นหมายถึงต้องมีเวลาหลายวันมากๆ เพราะที่นี่สวยงามน่าติดตามไปเสียทุกแห่ง

การเดินทาง

จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 32 มาจนถึงจังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นใช้เส้นทาง 117 มาจังหวัดพิษณุโลก และจากพิษณุโลกให้ใช้เส้นทางหมายเลข 11 โดยจะผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอเด่นชัย (จังหวัดแพร่) จากเด่นชัยใช้ทางหลวงหมายเลข 101 ผ่านจังหวัดแพร่ไปจนถึงตัวจังหวัดน่าน รวมระยะทางประมาณ 668 กม.

 
“อุทัยธานี” สถานีนี้มีแต่ความสงบ
ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครมากนัก ขับรถเพียง 2 ชั่วโมงนิดๆ คุณก็จะได้พาลมหายใจไปพักผ่อนกับเมืองที่เรียบง่าย ชีวิตที่ช้า เหมาะแก่การมาพักผ่อนในบรรยากาศแบบสโลว์ลี่ทาวน์อย่างแท้จริง เพราะอุทัยธานี ยังคงหลบหนีจากสายตาแห่งความวุ่นวายได้รอดพ้น ผู้คนมีรอยยิ้มให้กัน มากกว่าสายตาที่คอยจ้องจะหาผลประโยชน์จากนักเดินทางต่างแดน

 
ชีวิตริมน้ำสะแกกรังยังเหมือนเดิม ไม่ต่างจากหลายสิบปีก่อนเท่าใดนัก บ้านไม้เรือนแพยังคงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มาแล้วไม่ควรพลาดไปชม ตลาดเช้า(ไม่สมควรพลาดเป็นอย่างมาก), การย่างปลาบนเรือนแพ, การทำธูปหอม ฯลฯ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ในทุกวันของเมืองอุทัยธานี และกลายเป็นสิ่งดึงดูดชวนคนเมืองมาสัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำสะแกกรัง แม้เมืองนี้จะไม่ได้หนาวเหน็บอะไรมากมาย แต่ก็มีดีพอที่คุณจะรักอย่างหมดหัวใจ

การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางไปอุทัยธานีได้หลายเส้นทาง ได้แก่
1. จากถนนพหลโยธินผ่านจังหวัดสระบุรี อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ และ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาลงแพขนานยนต์ ที่ อ.มโนรมย์ ผ่านวัดท่าซุง (วัดจันทาราม) ศาลากลางจังหวัด เข้าตลาดอุทัยธานี รวมระยะทางประมาณ 305 กิโลเมตร
2. จากทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) ผ่านอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท และแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 333 ตรงทางแยกท่าน้ำอ้อยบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 206 ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร ผ่านหน้าโรงพยาบาลเลี้ยวซ้ายเข้าตลาดอุทัยธานี รวมเป็นระยะทางประมาณ 222 กิโลเมตร

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE