แม้จะไม่ใช่เรื่อง “ใหม่” หรือเป็นเหตุการณ์ครั้ง “แรก” ของวงการกีฬา ที่เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างนักกีฬาและผู้ฝึกสอนด้วยกันเอง
แต่ทว่าล่าสุดกับกรณีปัญหาของ โค้ชเช “เช ยอง ซุก” กับ “ก้อย-รุ่งระวี ขุระสะ” นักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย ก็ยังคงส่อเค้าความไม่มีที่สิ้นสุด เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนาหูไปต่างๆ นานาจนถึงวันนี้…
กระนั้นก็ดี ว่ากันว่า “นักกีฬาที่ดี” นอกเหนือจากความสามารถและทักษะที่ดีเยี่ยมอันถือเป็นเรื่องจำเป็นที่พึงมี “ระเบียบวินัย” “ความอดทน” “ความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ” ก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังที่เรามักได้ยินได้ฟังเคล็ด(ไม่)ลับ จากปากของยอดนักกีฬาในตำนาน หรือผู้ประสบความสำเร็จระดับโลกมาแล้วนักต่อนัก
“พรสวรรค์” อาจเป็นสิ่งประทานจากเบื้องบนที่ทำให้เราโดดเด่นอยู่เหนือกว่าคนทั่วไป จนบ่อยครั้งทำให้หลายคนเผลอคิดไปว่า การที่เราประสบความสำเร็จ คือลิขิตที่เบื้องบนบันดาลดลติดตัวมาให้ตั้งแต่เกิด หากแต่ว่าลองมองย้อนคิดให้ดีๆ อะไรที่เราทำบ่อยๆ ทำจนชิน กระทั่งทำอย่างมีหลักการแบบแผน ระบบระเบียบ ก็มีส่วนทำให้เราจดจำทักษะนั้นๆ ได้ไวขึ้น เก่งขึ้น แม่นย้ำขึ้น และบางที นั่นต่างหากที่อาจเป็นส่วนหนึ่งของความหมายของคำว่าพรสวรรค์ (ซึ่งถูกนำไปผูกโยงกับคำว่าพรแสวงอีกทีหนึ่ง)
ด้วยความสนใจในเรื่องราวดังกล่าว เราจึงไปค้นหายอดตำนานนักสู้ นักกีฬา ผู้ไม่ยอมแพ้ ยอดฮีโร่ จากการ์ตูนในดวงใจ ที่แม้จะต้องฝึกโหด โดนซ้อม โดนซ่อม โดนยำใหญ่ สั่งทำอะไรแบบมึนๆ งงๆ เพียงใด ก็บ่หวาด!! บ่หวั่น!! เพื่อพิชิตจิตใจและคำว่า “ชัยชนะ” ของตนเอง
………………………………………………………..
ถึงจะเห่ย แต่ก็สู้นะเฟ้ย
เป็นทั้งงานเขียนแบบฉบับการ์ตูนลายเส้น และถูกนำไปโลดแล่นในฉบับคนแสดง สำหรับ “ถึงจะเห่ย แต่ก็สู้นะเฟ้ย” ของ “มุราตะ ฮิเดโอะ” นักเขียนชาวญี่ปุ่นชื่อดังที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2534
โดยนำเสนอเรื่องราวของเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่น หุ่นขี้ก้าง ไร้ซึ่งความหล่อ นามว่า ซาวามูระ โนริทากะ ที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นยอดนักกีฬา เพื่อหวังจะพิชิตใจสาวๆ เป็นแฟนควงแขนให้จงได้ ทว่าทุกสิ่งดูจะไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย ไปชมรมไหนก็ไม่มีใครรับ จนกระทั่งเขามารู้จักกับโค้ชและพิษสงของมวยไทยจึงเข้าร่วมเป็นสมาชิก ต่อมาเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเขาเอาชนะในศึกการแข่งขันระหว่างมวยไทยกับมวยสากล เพื่อรักษาชมรมให้รอดจากการถูกยุบจากผู้อำนวยการโรงเรียน และกลายเป็นฮีโร่ขวัญใจพาชมรมมวยไทยขึ้นสู่อันดับหนึ่งของโรงเรียน
กระนั้นเขากลับต้องตกที่นั่งลำบากกว่าครั้งเก่าก่อน เมื่อยอดฝีมือผู้ฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวต่อสู้จากทั่วสารทิศต่างมาท้าดวล คนแล้วคนเล่า ยิ่งชนะเท่าไหร่ ชื่อก็ยิ่งกระฉ่อนว่อนไกล นำพาคนเก่งๆ มาเป็นเท่าทวีคูณ และเพื่อต่อกรกับบรรดายอดนักสู้ เขาจึงต้องยอมรับการฝึกฝนร่างกายและจิตใจอย่างหนักจากโค้ชที่สุดแสนจะแปลกแหวกพิสดาร ชนิดสาหัสสากรรจ์อย่างคาดไม่ถึง
* พ.ศ. 2537 ก็ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างเป็นภาพยนตร์ฮ่องกงแนวตลกเรื่อง “โลกบอกว่าข้าต้องใหญ่” (Love on Delivery) แสดงนำโดย “โจว ซิงฉือ” *
………………………………………………………..
อายชีลด์ 21 ไอ้หนูไต้ฝุ่นมะกันบอล
ผลงานการเแต่งโดย “ริอิจิโร อินะงะกิ” และวาดภาพโดย “ยุซุเกะ มุระตะ” โดยมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับกีฬาอเมริกันฟุตบอล เปิดตัวในรูปแบบภาพยนตร์ในงานจัมป์เฟสต้า 2004 และถูกทำเป็นแอนิเมชันในปี ค.ศ. 2005
เรื่องราวของเด็กหนุ่มนักเรียน ม.ปลาย โคบายาคาวา เซนะ ที่มีนิสัยขี้แย อ่อนแอ ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้หรือขัดใจใครคนอื่น เป็นลูกน้องลูกกระจ๊อกเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันมาตลอดตั้งแต่จำความได้ และด้วยความที่เป็นเบ๊ คอยวิ่งซื้อของ ถือของ ปั่นขารับใช้อยู่เป็นประจำเนืองนิตย์ ทำให้เขามีฝีเท้าที่รวดเร็วโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว กระทั่งประธานชมรมอเมริกันฟุตบอลไปพบเห็นเขาเข้าโดยบังเอิญ จึงจัดการลักพาตัวมาร่วมทีม โดยสวมอาชิลด์หมวกกระบังปิดตาเพื่อปลอมตัว และใส่ชุดอมเริกันฟุตบอลในเบอร์ 21 พร้อมตั้งชื่อให้เขาว่า “อายชิลด์ 21”
จากเด็กที่อ่อนแอหลังจากได้รับการฝึกฝนที่สุดมหา โค-ตะ-ระ-โหด จากโค้ชประธานชมรมจอมชั่วร้าย เขาก็กลายเป็นคนใหม่ เป็นฮีโร่ เป็นขวัญใจของวงการอเมริกันฟุตบอลในที่สุด
………………………………………………………..
ก้าวแรกสู่สังเวียน
ผลงานของ “โจจิ โมริคาว่า” เริ่มลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นแมกกาซีนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 ถึงตอนนี้ปัจจุบันรวมกว่า 100 เล่ม ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบแต่อย่างใด
โดยหลักๆ ของเรื่องนี้เป็นการนำเสนอเรื่องราวของการต่อสู้แบบฉบับลูกผู้ชายที่ตัดสินกันบนผืนผ้าใบ หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า “มวย” ของเด็กมัธยมปลายที่ชื่อว่า “มาคุโนอุจิ อิปโป” เด็กชายธรรมดาลูกเรือชาวประมงที่มีความขยันขันแข็ง อดทน แต่กำพร้าพ่อจึงค่อนข้างอ่อนแอ ขี้ขลาด และมักจะถูกเพื่อนในชั้นเรียนรังแกกลั่นแกล้งเป็นวัฏจักรเช่นนี้เสมอมา จนกระทั่งวันหนึ่ง ชายผู้หนึ่งได้เข้ามาช่วยเหลือในขณะที่เขากำลังโดนกลุ่มเพื่อนในชั้นเรียนรุมรังแก อิปโปรู้สึกประทับใจในความเก่งกาจ และฝันอยากจะชกมวยเป็นบ้าง จุดนี้ทำให้ ฮิปโป ค้นพบตัวเองในที่สุดว่าเขาชอบมวยเป็นอย่างมาก มากเสียจนไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกแล้วนอกจาก “มวย”
แต่กระนั้นใช่ว่าเส้นทางจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ แม้จะพบว่าตัวเองมีพรสวรรค์ด้านการชกมวยทั้งพลังหมัดที่รุนแรง และความอึดอันเป็นผลพวงที่ถูกเพื่อนรุมซ้อมระกำตำบอนอยู่เนืองๆ เขาก็ยังต้องฝึกหนัก และหนักขึ้นเรื่อยๆ ตามแบบแผนเพื่อลบจุดบอด และต่อสู้กับจุดแข็งของคู่ต่อกรในแต่ละสังเวียน
………………………………………………………..
เคนอิจิ ลูกแกะพันธุ์เสือ
ถูกสร้างเป็นทั้งหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น และฉบับภาพเคลื่อนไหวแอนิเมชันจนโด่งดัง สำหรับ เคนอิจิ ลูกแกะพันธุ์เสือของ “มัตสึเอะนะ ชุน” และในเรื่องนี้ยังมีตัวละครที่รับบทเป็นคนไทยหลักๆ ของเรื่องอีกด้วย
เคนอิจิ ลูกแกะพันธุ์เสือ เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มชื่อ “เคนอิจิ ชิราฮามะ” วัย 16 ปี ผู้ซึ่งไร้วี่แววเรื่องชกต่อยตีหรือการต่อสู้ใดๆ เลย แต่บังเอิญไปพบเห็นเหตุการณ์นักเรียนหญิงกำลังต่อสู้กับนักเลงที่จะกระทำมิดีมิร้ายเธออย่างกล้าหาญ ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนด้อย ไม่เอาไหน ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เขาจึงตัดสินใจไปเรียนศิลปะการต่อสู้ในสำนักแห่งหนึ่ง ที่สอนศิลปะหลายศาสตร์หลายแขนง ทั้ง ยูยิสสู คาราเต้ กังฟู หรือมวยไทย ระหว่างนั้นการเรียนศิลปะการต่อสู้ของเคนอิจิเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะเขาเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียว แต่ต้องฝึกศิลปะการต่อสู้ทุกประเภท ที่อาจารย์ทั้ง 5 ของเขาฝึกสอนให้ ชนิดเกือบตายอยู่หลายหน เพราะอาจารย์บางคนไม่รู้จักออมมือ
และจากการกระโดดเข้าเป็นลูกศิษย์ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ทำให้เขาพบกับโลกของนักสู้ที่มีฝีมือดีมากมาย แม้ว่าเขาจะสามารถล้มคนเหล่านั้นได้เท่าไหร่ แต่ก็มีคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือเหนือกว่าปรากฏตัวเสมอ บางครั้งเกือบต้องเสียชีวิตเพราะเจอคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือมากกว่า แต่ด้วยไหวพริบกับทั้งความช่วยเหลือของอาจารย์และเพื่อนๆ ทำให้เขารอดมาได้ทุกครั้ง
………………………………………………………..
Over Drive สุดแรงปั่น
ครองใจหลายๆ คนอีกเหมือนกันสำหรับผลงานการเขียนของ “สึโยชิ ยาซุดะ” ที่เล่าเรื่องราวของ “ชิโนซากิ มิโกโตะ” เด็กหนุ่มมัธยมปลายผู้ซุ่มซ่าม ขี้หงอ ไม่มีอะไรโดดเด่น อีกทั้งยังเป็นขวัญใจบรรดาเพื่อนๆ ที่ชอบรุมข่มเหงรังแกตลอดเวลา แต่ดันบังเอิญไปหลงรักสาวๆ มาดชมรมปั่นจักรยาน
วันหนึ่งเมื่อแม่สาวน้อยบังเอิญชักชวนให้เขาร่วมชมรมปั่นจักรยานเช่นเดียวกับเธอ จึงทำให้เกิดพลังฮึด จากเด็กอ่อนแอ ปวกเปียก กลับฉายแววหัวใจนักสู้ กัดฟันไม่ย่อท้อ แม้จะต้องเผชิญกับการฝึกหนักหนาสุดโหดเพื่อให้ผ่านการสอบคัดเลือกเข้าชมรม
ในเวลาไม่นานพรสวรรค์การเป็นนักปั่นก็ฉายแววออกมาทีละนิดๆ จากเด็กที่ไม่มีใครจดจำ ผู้ที่ยิ้มกลบเกลื่อนความทุกข์ในใจ ก็กลายเป็นขวัญและสามารถคว้าหัวใจคนรอบข้างไว้ในมือได้สำเร็จ และก้าวขึ้นเป็นเจ้าภูเขาในการแข่งขันมาครองได้อย่างน่าอัศจรรย์
………………………………………………………..
ข้อมูลและภาพประกอบจาก www. wikipedia และ www.sisterme.net
อัปเดตหลากหลายเรื่องราวข่าวสาร สาระบันเทิงได้ที่แฟนเพจ mars magazine