‘ในหลวง ร.๙’ ในลายเส้นสีและสำนึกของ ‘ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี’ ศิลปินผู้เชื่อหมดหัวใจในเรื่อง ‘ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด’


ในบ้านของจิตรกรหนุ่มวัยเลย 50 ปี ชาวสุราษฎร์ธานีผู้นี้เต็มไปด้วยภาพวาดในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลากหลายพระอิริยาบถ ซึ่งถ้าลองเพ่งมองจะเห็นได้ว่าในแต่ละเส้นแต่ละสีที่บรรจงจรดลงไปบนผืนผ้าใบนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น และความรักที่จะถ่ายทอดผลงานออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ในช่วงเวลานั้นๆ 


“เราเขียนรูปหลายๆ อย่างมาทั้งชีวิต แต่วันหนึ่งที่เขียนรูปพระเจ้าอยู่หัว กลับทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น” 
 
ดีขึ้นในความหมายของ ‘ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี’ นั้นคือการได้เรียนรู้และศึกษาทั้ง ‘สามพระ’ นั่นคือพระราชดำรัส พระราชดำริ และพระราชกรณียกิจของในหลวง ซึ่งศักดิ์วุฒิเองก็น้อมนำมาใช้เสมอ โดยเฉพาะในหัวข้อที่ว่า‘ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด’ ที่กลายเป็นเค้าโครงหลักของการใช้ชีวิตตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
รักในหลวงแค่ไหน?
คำตอบของเขาคงเช่นเดียวกับคนไทยทั้งประเทศ
แต่การเดินตามคำสอนของพระองค์ท่านนั้นดีเช่นไร?
ตรงนี้ต้องให้เขาเป็นคนตอบ

ตลอดชีวิตที่โตมาคุณได้เห็นในหลวงในแบบไหน?
แบบชาวบ้าน จริงๆ รุ่นผมเนี่ยเรื่องเจ้าเรื่องนายเป็นเรื่องใหญ่ ปู่ย่าตายายสอนกันมาว่าใครจะพูดถึงเจ้าต้องระวังนรกกินหัว อย่าเอาเรื่องเจ้ามาพูด ยายเขาชอบว่าชอบสอนแบบนั้น แล้วตอนเด็กๆ ท่านเสด็จที่นครศรีธรรมราช เราไปเฝ้าริมถนน และใกล้ชิดสุดก็ตอนรับปริญญาที่ศิลปากรเมื่อปี 2528 ตอนนั้นเราห่างกับพระองค์ท่านประมาณหนึ่งคืบ

อย่างรุ่นของคุณน่าจะเป็นรุ่นที่เห็นพระราชกรณียกิจในหลวงมาเยอะมาก ตรงนี้สอนอะไรกับชีวิต
ถ้าพูดกันจริงๆ เลยนะ เราชินกับสิ่งที่พระองค์ทำ เราเห็นมาตั้งแต่เด็ก บางครั้งมีข่าวอะไรเราก็เปิดข้ามไป อันนี้พูดกันจริงๆ เพราะว่าในหลวงทรงทำทุกวัน ทำจนเราชินกับความดี ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องพิเศษแล้ว แต่พอมาตอนนี้เราได้เห็นว่า โอ้โห! ทำไมทรงทำเยอะขนาดนั้น เยอะจนคนไทยเคยตัว เยอะจนไม่รู้สึกว่าทรงทำอะไรมากมาย จนตอนนี้คนพูดถึงความดีของพระองค์ เมื่อเราย้อนกลับไปดู โห… คนคนหนึ่ง พระองค์เป็นกษัตริย์ควรจะเสวยสุขนะ ไม่น่าจะทำอะไรเยอะขนาดนี้ บางคนมาเปิดทีวีดูแล้วเห็นสิ่งที่ทรงทำก็ร้องไห้ไปด้วยความเศร้า พอพูดถึงในหลวงน้ำตาก็จุกอกกันทุกคน ผมว่าเป็นบารมีของพระองค์ เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้คนทั้งประเทศเศร้าและตื้นตัน

เรารู้สึกว่าเราสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตไหม ทั้งที่ผ่านมาเราเหมือนไม่รู้สึกว่ามีใครช่วยเหลือ แต่จริงๆ พระองค์ท่านช่วยเหลือเราตลอดเวลา
ผมถึงใช้คำว่าชิน เราชินกับความดีของพระองค์ท่าน ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็ลุกขึ้นมาทำความดี ผมว่าเป็นเรื่องดีมาก คือพลังของท่านทำให้คนคิดดีทำดี สำหรับผมได้เห็นคนลุกขึ้นมาทำความดีกันจำนวนมาก นี่เป็นเรื่องใหญ่นะ เป็นพลังที่แปลกมากที่สุดในโลก คนที่ไม่เข้าท่าก็คิดที่จะทำ ทำหรือเปล่าไม่รู้ แต่แค่คิดจะทำผมก็ว่าดีแล้ว

อย่างเราเป็นประชาชนของในหลวง เราควรจะเดินต่ออย่างไรไม่ให้สิ่งที่พระองค์ทรงทำมาสูญเปล่า
อย่างที่ผมตอบบ่อยๆ ในเรื่องคำสอนของพระเจ้าอยู่หัวก็คือ มีข้อเดียวเท่านั้นนั่นคือให้ทุกคนรู้จักหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ถ้าข้อเดียวทุกคนทำได้ประเทศเจริญ คุณทำไหม? พ่อค้าก็ซื่อสัตย์ คุณเป็นนักข่าวก็เสนอข่าวตรงๆ ไม่รับเงินใต้โต๊ะ ผมเป็นศิลปินก็รับผิดชอบงานให้ดีที่สุด คุณว่าแบบนี้ดีไหม? คุณเป็นนักบวชก็ทำหน้าที่ที่ดีไป แค่ข้อเดียวประเทศเราก็ไปลิ่วแล้ว ไม่ต้องเอาร้อยข้อหรอก เอาข้อเดียวพอ ผมก็ทำของผมให้ดีที่สุด

บางคนไม่รู้จะเดินหน้าไปทางไหนเมื่อสิ้นพระองค์ท่าน ตรงนี้คุณมองอย่างไร
ผมว่าเป็นแค่ช่วงหนึ่งนะ เหมือนเราเสียใจอะไรหนักๆ ในชีวิต แต่สุดท้ายเรามีทางไปได้ มีทางออกเสมอ วันนี้ทุกคนเสียใจอย่างนั้น แต่ว่าชีวิตต้องไปต่อ จริงๆ พระเจ้าอยู่หัวอยู่กับเรานะ ทุกวันนี้ผมก็ยังรู้สึกว่าพระองค์ท่านยังอยู่รอบตัวเราเลย มองไปไหนก็เห็น เหมือนกับพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ยังอยู่ในประวัติศาสตร์ อยู่ในความทรงจำ อยู่ในความเคารพ ความดีที่พระองค์ทำยังอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน คุณมีลูกก็สอนลูก คำสอนยังอยู่ ทำอะไรก็นึกถึง ผมก็ยังเขียนรูปพระองค์ เมื่อวานเขียน วันนี้เขียน พรุ่งนี้ก็เขียน

สงสัยอย่างหนึ่ง อย่างคุณจะวาดภาพอะไรก็ได้ ทำไมถึงเลือกที่จะวาดภาพในหลวง
ผมรู้สึกว่าตั้งแต่เขียนรูปพระเจ้าอยู่หัวแล้วชีวิตดี หรือตั้งแต่สะสมรูปปั้นพระเจ้าอยู่หัวแล้วชีวิตดีขึ้น คือบางทีพูดไปแล้วคนไม่เชื่อนะ หาว่าเราโกหก แต่ผมเป็นอย่างนั้นจริงๆ คือผมเขียนรูปเยอะแยะมาก แต่คนชื่นชมและได้รับการยอมรับจากการเขียนรูปพระเจ้าอยู่หัว แปลกไหม? บางคนเขาบอกว่าศักดิ์วุฒิเขียนรูปพระเจ้าอยู่หัวดีเหลือเกิน อันนี้คนอื่นพูดนะ คือผมแทบจะบอกได้เลยว่าที่มีอยู่ทุกวันนี้ได้ก็เพราะการเขียนรูปพระเจ้าอยู่หัว

แต่ศิลปินหลายๆ ท่านก็เขียน?
ใช่ครับ แต่แปลกมากว่าเราเขียนรูปหลายๆ อย่างมาทั้งชีวิต แต่วันหนึ่งที่เขียนรูปพระเจ้าอยู่หัว กลับทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น เรามีกินมีใช้อยู่ทุกวันนี้ก็จากการที่เราเขียนรูปพระเจ้าอยู่หัวแทบทั้งสิ้น คือถ้าออกงานนะ พระในพวงที่ห้อยคอต้องมีพระเจ้าอยู่หัวอยู่ แล้วเราก็บอกเพื่อนๆ เลยว่าถ้าอยากมีชีวิตที่ดี เจอรูปปั้นในหลวงให้ซื้อมาสะสมไว้

แสดงว่าคุณมองพระองค์ท่านใน 2 สถานะ สถานะแรกคือกษัตริย์ผู้ทรงงานเพื่อประชาชนชาวไทย กับอีกสถานะคือมองพระองค์ท่านเป็นเทพ
คือผมเชื่อเรื่องแบบนั้น คนยุคผมเป็นคนกึ่งโบราณ แล้วเราเป็นเด็กต่างจังหวัด ก็มีสิ่งเหล่านี้อยู่ คนจะหาว่าเรางมงายก็แล้วแต่ ครั้งหนึ่งสมัยผมเด็กๆ สมเด็จย่าเสด็จมาที่เกาะแตนซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ใกล้ๆ กับเกาะสมุย ผมไปรอเข้าคิวรับแจกกระดาษดินสอและผ้าผวย(ผ้าห่ม) คือเรายังจำภาพนั้นได้ เรามีอารมณ์แบบนี้เราก็บอกกับใครไม่ได้หรอก แต่ผ่านมาความทรงจำดีๆ ยังอยู่ คุณคิดดูสิว่าเกาะแตนเป็นเกาะเล็กๆ แทบจะตกแผนที่ แต่พระองค์ท่านก็เสด็จไป เลยเป็นความประทับใจในสิ่งที่พระองค์ทำ ใครจะว่า ใครจะอะไรก็พูดไป แต่สำหรับผมไม่มีผลเลย แล้วเราโตมาในสังคมที่ ‘เขาว่ากันว่า’ ซึ่งคุณพูดกันไปไม่มีใครเชื่อหรอก บ้านผม ครอบครัวพี่น้องมั่นคง ไม่มีใครเชื่อเรื่องพวกนี้ บางคนบอกว่ารักพระองค์แทบเป็นแทบตาย แต่มีคนมาพูดแค่ไม่กี่ประโยคก็เชื่อแล้ว มันอะไร? เราเห็นภาพการทำงานของพระองค์มาทั้งชีวิต แต่บางคนได้ยินแค่ ‘เขาว่ามาว่า’ ก็เชื่อแล้ว เขาไหนก็ไม่รู้?
คนไทยชอบเสพข่าวร้าย ข่าวดีๆ ไม่ค่อยชอบหรอก อย่างที่หนังสือพิมพ์ว่า คือพาดหัวร้ายๆ ขายดี พาดหัวดีๆ ขายไม่ได้ คือคนชอบฟังเรื่องไม่ดีมากกว่า เพราะมันทำให้ตัวเองดีขึ้นมาทันที

เวลาวาดรูปในหลวง ช่วงที่ลงเส้นแต่ละเส้นคิดอะไรอยู่
ผมไม่ได้คิดหรอก ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไป ผมแค่มีภาพอยู่ในใจว่าจะเขียนแบบนี้แล้วผมก็เขียนออกมา แต่เวลาตั้งใจไว้กับที่ออกมามักจะเป็นคนละเรื่องตลอด พูดแล้วเหมือนแกล้งพูดให้มันดูวิเศษนะ แต่สำหรับผมมันควบคุมไม่ได้หรอกการเขียนรูป ปล่อยไปตามธรรมชาติว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น

วันนี้เราได้รับรู้เรื่องราวการทำงานของในหลวงมากมาย แต่ว่าเราจะส่งต่อให้รุ่นลูกรุ่นหลานเรายังไง ให้ได้เห็นว่าในหลวงทรงทำไว้เพื่อประชาชนในอนาคตแค่ไหน
ผมไม่มีลูกก็เลยพูดยาก แต่ว่าเราเห็นหลานบางทีไปฟังไปอ่านจากเว็บไซต์มาก็เชื่อ คือมันเป็นแนวโน้มของเด็กรุ่นใหม่คือ Antihero เยอะมาก ฮีโร่ของเด็กคือเด็กที่ก้าวร้าว คือเด็กที่สวนกระแส มันน่ากลัวมากกับความคิดแบบนี้ แล้วลูกชาวบ้านเราจะไปสอนสั่งเขาก็ไม่ได้ พ่อแม่เขาต้องดูแล ซึ่งเราต้องทำให้เด็กรุ่นใหม่เชื่อว่าฮีโร่คือคนดี ไม่ใช่คนเลวร้ายหรือคนที่กล้าแหวกกติกา คือกติกาบางอย่างมันดีอยู่แล้ว มันพิสูจน์มาเป็นร้อยปีแล้ว
 
เหมือนความผูกพันในสถาบันครอบครัวมันดีมาก ดีเหลือเกิน แต่เราไปตามฝรั่งกันว่าเราต้องเอาคนแก่ไปทิ้ง หรือเอาไปอยู่บ้านพักคนชรา มันไม่ใช่บ้านเรา อย่างทุกวันนี้ทุกเสาร์ผมก็ต้องกลับไปหาแม่ คืออะไรก็แล้วแต่เราต้องกลับ เพราะมีความผูกพัน ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องดี แล้วฝรั่งเองก็ชื่นชมเราในความเป็นเอเชียนะ ในความเป็นครอบครัวใหญ่ แล้วดูทุกวันนี้สิ ผลการเลือกตั้งที่ออกมาของประเทศหนึ่งก็ทะเลาะกันน่าดู ท้ายสุดมันก็เหมือนกับเรา มันมีแค่หลักในหนังสือที่เอาไว้พูดเท่ๆ ความเท่าเทียมกันมันมีที่ไหน มันไม่มี! มันไม่มีความเท่าเทียมกันในชีวิตจริง
 
ในตำราคนก็อ่านเล่มเดียวกันเขาก็รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี เขารู้กันทั้งนั้น แต่ทำไม่ได้จริงหรอก อย่างเหตุการณ์หลังการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นมันก็ทำให้เราเห็นว่า โถ! ที่เขาอ้างๆ มาสุดท้ายมันก็เสร็จเหมือนกับที่เขาไปต่อว่าทุกประเทศ มันก็เหมือนกัน ทำไมเราไม่ยอมรับคำตัดสินจากประชาชน? คุณพูดไปเถอะ สุดท้ายความเป็นจริงก็ออกมา แล้วบางทีเราก็คิดกันไปเองว่าระบบที่เราอยู่นี้นายทุนซื้อได้ จริงๆ มันก็วิ่งเข้าไปหานายทุนทุกระบบแหละ

แล้วเอาเข้าจริงเราจะตามฝรั่งอย่างเดียวได้ไหม?
คือฝรั่งมีดีเยอะ แต่ว่าความเป็นเอเชียของเราเราควรจะเก็บมันไว้ไหม ทุกวันนี้คนทำหน้าฝรั่งทำหน้าเกาหลีกันหมด หน้าแบบไทยๆ เริ่มหายไป ฝรั่งเองก็กลับมาหาความสวยแบบไทยๆ ที่เป็นเดิมๆ มันตลกนะ เรากลับมองข้ามสิ่งดีๆ ของคนไทย อย่างเรื่องน้ำใจคนสมัยก่อน นี่ดีๆ ทั้งนั้นเลย อย่างเราไปต่างจังหวัด บ้านไหนเขาก็เรียกกินข้าวกินปลากินน้ำก่อน แต่ทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปเป็นว่าคนเคารพคนที่มีเงินหรือรวย เขาชอบกันแบบนั้น สังคมมันเป็นแบบนั้น

แล้วมันผิดไหมที่ไปเคารพคนแบบนั้น?
แล้วแต่คนเสพไง คืออย่างผมพูดปาวๆ ว่าตายไปสลึงหนึ่งก็เอาไปไม่ได้ แต่เลือกได้คือขอรวย ทุกคนแหละ คำพูดสวยหรูมันพูดได้หมด แต่ความเป็นจริงอีกเรื่อง

คือคุณกำลังจะบอกว่าจะมุ่งทางรวยก็ได้ แต่อย่าลืมน้ำจิตน้ำใจแบบคนไทย
ก็อย่างนั้น อย่างตอนนี้กระแสที่กลับมาคือคนเห็นพระเจ้าอยู่หัวเป็นฮีโร่ในเรื่องความดี แล้วทุกคนลุกขึ้นมาทำ ผมเห็นแล้วชอบมากนะ บางคนวิจารณ์ ผมว่าอย่าไปวิจารณ์เขามากดีกว่า อย่างคนแจกของ เขาตั้งใจ คนมารับที่ต้องการจริงมี คนมาเล่นๆ มี คนหาผลประโยชน์มี แต่เราแยกไม่ได้ ถ้าเขาอยากจะให้เขาก็ต้องให้ อย่างเรื่องคนไปถ่ายรูปคือมันเป็นเรื่องยุคนี้ แต่ขอให้มันเหมาะสมหน่อยแค่นั้น ผมมีเพื่อนไปก้มกราบที่กำแพง ผมถ่ายรูปให้เขา 40-50 รูปกว่าเขาจะพอใจ อย่างนี้มันมี แล้วถามว่าทำไมต้องมาโพสต์? คือเขาอยากจะบันทึกเหตุการณ์ นั่นอาจจะเป็นมุมมองคนทำ แต่คนดูอาจจะว่าเขาก็ได้ ยุคนี้มันเป็นยุคสื่อสาร แต่บางคนก็ไปเหมือนกับงานแฟร์งานปาร์ตี้ อันนี้ก็น่าตำหนิน่าด่าจริงๆ ถ้ามันถูกกาลเทศะผมว่าได้หมด

ย้อนกลับไปนิดหนึ่ง เมื่อสักครู่ที่ว่าใครๆ ก็อยากไปสู่ความร่ำรวยกันทั้งนั้น แล้วสิ่งที่ในหลวงสอนเรื่องความพอเพียง เราจะนำมาปรับใช้อย่างไรได้
ผมเคยฟังท่านพูดเลย ท่านบอกว่าพอเพียงไม่ได้หมายความว่าไม่ให้ใช้อะไร ให้พอเพียงในฐานะของแต่ละคน ให้ทุกคนใช้จ่ายอย่างที่ตัวเองไม่เดือดร้อน แต่คนไปตีความว่าพอเพียงคือไม่ให้ใช้อะไร พอเพียงคือคุณมีเยอะก็ใช้เยอะ คุณจะกินข้าวมื้อละพันก็ได้ถ้าคุณใช้แล้วไม่เดือดร้อน นั่นพอเพียง ถึงบอกว่าคำพูดนี้เป็นคำที่ลึกซึ้ง เอาง่ายๆ ผมหาได้หนึ่งพัน ผมใช้ไปร้อยเดียวผมก็เหลือเก้าร้อย เราไม่เดือดร้อน ถ้าเราหาได้หนึ่งพัน เราใช้พันสอง อันนี้เดือดร้อน หลักการง่ายๆ เอง แต่คนกลับไปคิดซะเยอะ อย่างภาคธุรกิจเขาอาจจะพอเพียง 100 ล้าน ของเรา 100 บาท เป็นหลักอันเดียวกัน แต่ถ้าหาได้ 100 ล้านแล้วอยากได้เป็น 1,000 ล้านแล้วไม่มีความสุข นั่นไม่พอเพียงแล้ว

วันนี้ประเทศใหญ่ประเทศหนึ่งเลือกตั้งผ่านไปแล้ว แต่ปรากฏว่าก็เกิดความไม่พอใจผลการเลือกตั้ง จนประชาชนออกมาเดินขบวนประท้วง จากเหตุการณ์ดังกล่าวคุณคิดว่ามีระบอบใดที่ดีที่สุดในโลกไหม?
ผมพูดเรื่องนี้มานานแล้ว โดนด่าก็เยอะ คือผมเชื่อในระบบผู้นำดี สำหรับผมนะระบอบอะไรก็ได้ขอให้ผู้นำดีมันดีหมดล่ะ ดีในที่นี้คือมีศีลธรรม ทำเพื่อชาติ มีหิริโอตัปปะ คุณคิดดูสิว่าถ้าหัวหน้าดีมันจะเลวได้ยังไง คุณจะเอาระบอบไหนล่ะ คอมมิวนิสต์ เผด็จการ ถ้าปกครองโดยคนดีมันดีหมด ระบอบประชาธิปไตยที่ปกครองโดยคนเลวเราก็เห็นมาเยอะแล้ว มันอยู่ที่ผู้นำ!
 
ถ้าเราเลือกผู้นำดีมันก็ดี ตรงกับที่พระเจ้าอยู่หัวบอกว่า บ้านเมืองเรามีทั้งคนดีและคนไม่ดี เราไม่สามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด แต่เราก็อย่าให้คนไม่ดีมีอำนาจ ท่านก็บอกตรงๆ มานานแล้ว คือผมว่าท่านเป็นเทพนะ เลยบอกว่าอย่าให้คนไม่ดีมีอำนาจ แต่เราไม่เชื่อ พอคนไม่ดีขึ้นมาเราก็พังอย่างที่เห็นกันอยู่ ระบอบไหนก็เจ๊ง ถ้าระบอบไหนดีสุดทุกวันนี้ยุโรปทำไมมันเจ๊งล่ะ อย่างที่เราเห็นตอนนี้นายทุนใหญ่ก็ได้เข้ามาเป็นประธานาธิบดี มันคือระบอบทุนนิยมเต็มรูปแบบ ประชาธิปไตยอาจจะเป็นแค่ป้ายยี่ห้อสวยๆ ผมพูดแบบนี้ไปเพื่อนก็เกลียด อย่างบ้านเราก็ผ่านมาแล้ว คนที่รวยที่สุดก็สามารถเป็นทุกอย่างได้ สุดท้ายเราก็พิสูจน์ว่าเงินมันซื้อได้ แล้วมันเกิดความวุ่นวาย ทุกประเทศต้องกลับมาดูตัวเองว่าอย่างที่เราด่าประเทศอื่นไว้มันเป็นกับบ้านตัวเองหรือเปล่า มันเรื่องยากนะในการปกครองคน

อย่างเมืองจีน นิสัยคนจีนเป็นแบบนั้น มีตั้งกี่ร้อยกี่พันล้านคน ถ้าไม่มีระบอบที่เข้มงวดเขาก็ปกครองคนขนาดนั้นไม่ได้หรอก ผมว่าทุกประเทศเขามีระบอบการปกครองในแบบของเขาทั้งนั้น อย่างเรามีศูนย์รวมเป็นพระมหากษัตริย์ คนจะทำอะไรก็เกรงพระบารมี เราก็อยู่เย็นกันมาชั่วลูกชั่วหลานปู่ย่าตายาย คือเหมาะกับเมืองไทย เพราะเมืองไทยมีระบบผู้หลักผู้ใหญ่ มีระบบรุ่น ระบบอาวุโส มีระบบทดแทนคุณคน นี่เป็นเรื่องดีๆ ทั้งนั้น แต่ทำไมเราอยากให้หายไป ผมเลยบอกว่าสุดท้ายระบอบอะไรก็ได้ขอให้ผู้นำดี

หรือเราเชื่อตำราฝรั่งมากไป?
คือคนเขียนตำรามันยังเอาตัวไม่รอดเลย คุณลองมองย้อนกลับไปสิ เจ้าแห่งทุกอย่างยังไม่รอด คนคิดค้นฟุตบอลก็ยังตกรอบ คือทุกอย่างในโลกมันเปลี่ยนได้ คนมันทำให้ระบอบมันเปลี่ยน

ถ้าเช่นนั้นเราอย่าฝังใจเชื่อว่าอะไรมันจะดีตลอดไป?
ใช่ เพราะคนมันเปลี่ยน สภาพแวดล้อมมันเปลี่ยน แต่ก่อนอยู่คนละมุมโลกไม่มีใครรู้แต่ทุกวันนี้รู้หมด เหตุเกิดที่โน่นเมืองไทยรู้แล้ว ทีนี้มันต้องเปลี่ยนไปหาระบอบใหม่อีก มันอาจจะดีเท่าที่โลกนี้มีมาถ้ามันทำได้จริงอย่างตัวตำราที่เขียนกัน อย่างที่บอกปฏิวัติมันไม่ดี ใครเขาก็รู้กันทั้งนั้น ไม่มีใครชอบการปฏิวัติหรอก

อย่างสมัยก่อนผมเกลียดเยอรมัน เกลียดเวียดนามมาก โคตรเกลียดเลยมันฆ่าฝรั่งพระเอกของเราได้ยังไง เยอรมันก็โหดเหลือเกิน แต่พอโตขึ้นมันอีกเรื่อง เพราะเราดูจากหนัง เราดูจากสิ่งที่คนอยากให้เชื่อ ผมเคยให้สัมภาษณ์ว่าเราเอาของฝรั่งมาต้องดัดแปลง เขาก็ด่าผมในเว็บไซต์ว่าคมเหลือเกิน แต่เราพูดไปตามความจริง คุณขำไหมล่ะว่าบ้านเราโคตรร้อนเลย แต่เจอคนผูกไท คือผมเข้าใจนะคำว่าสากล แต่การที่จะทำแบบนั้นมันจะทำให้เกิดการแบ่งแยกทางฐานะมากขึ้นไปอีก
 
เราอยากตามฝรั่ง เราเรียกร้องความเท่าเทียมแล้วก็ว่าฝรั่งเขาไม่เอาแล้วระบอบนี้ ฝรั่งเขาว่ามันไม่ดี คุณอยากเป็นฝรั่งแล้วคุณเป็นได้ที่ไหน คือเอาอะไรมามันต้องดัดแปลง แค่เสื้อผ้าฝรั่งเราซื้อมาใส่มันยังต้องมาตัดขาตัดแขนให้มันพอดีเลย เพราะว่าเขาทำมาเป็นสัดส่วนของฝรั่ง

ฟังตรงนี้แล้วนึกไปถึงเรื่องมาตรา 112 ซึ่งบางคนไม่ชอบมาก คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้
พูดเรื่องมาตรา 112 เขาบอกว่าฝรั่งไม่เอาแล้วนะ แต่พอไปอีกเรื่องก็บอกว่านั่นมันฝรั่ง เราคนไทย เราเป็นคนแบบนี้
เหมือนครั้งหนึ่งดูข่าว อย่างโครงการฝากบ้านกับตำรวจทำไมยังโดนขโมยอยู่เลย เขาก็ว่าตำรวจเรามันน้อยดูแลไม่ทั่วถึง แล้วเรื่องตำรวจทำไมโกงกินกันเยอะ หูย! ตำรวจเราตั้งเยอะ เราจะไปดูหมดได้ยังไง ขึ้นอยู่ว่าคุณจะตอบมุมไหน
ไม่ต้องถึงพระมหากษัตริย์หรอก คุณด่าพ่อด่าแม่ก็โดนกระทืบแล้ว คือมันเป็นอย่างนั้น แต่คนที่เอามาพูดเนี่ยเหมือนอยู่ๆ มาจากไหนไม่รู้อย่างกับไม่ใช่คนไทย คือคนที่มันย้อนศร อยากแหวก มันรู้หมดนะเรื่องพวกนี้แต่มันอยากกวน
 

วันนี้สังคมเมืองไทยเป็นแบบไหนในสายตาคุณ
ตั้งแต่ผ่านมาถึงวันนี้ผมว่ามันแทบไม่เปลี่ยนเลย มันเหมือนเดิมแบบไทย คุณไปฟังเพลงมนต์การเมือง ของคำรณ สัมบุญณานนท์ ฟังแล้วอย่างกับแต่งขึ้นเมื่อวาน นักการเมืองมันก็ยังโกงกิน โกหกซ้ำๆ ซากๆ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่ได้มีไปไหนเลยประชาธิปไตยที่คุณชื่นชมนักหนา
 
แล้วคุณมาพูดว่าระบอบมันต้องดีขึ้นโดยที่ไม่ได้ดูความจริงเลยว่าของเรามันมีการซื้อเสียง แล้วไปดูฝรั่งสิมันคนละเรื่องละราว แต่ยังไงผลก็ออกมาเหมือนกันแล้ว สุดท้ายศาสนาพุทธบอกว่าทำอย่างไรได้อย่างนั้น คนคิดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น คนคิดดีก็ทำดี คนคิดชั่วไม่ทำดีอยู่แล้ว หลักง่ายๆ เลย 

โดยส่วนตัวที่ว่าคุณเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามองจากแผนที่ประเทศไทยเรานั้นเล็กกว่าหลายๆ ประเทศที่อยู่โดยรอบ แต่ทำไมเราถึงรอดมาได้ทุกวันนี้
เป็นเรื่องความเก่งกาจของกษัตริย์ไทยข้อเดียวเลย (ไม่มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์?) ไม่มีหรอก คือเราพูดเรื่องอิทธิฤทธิ์ก็จะไปมองว่าอย่างนั้นประเทศเราในอดีตก็ไม่น่าจะแพ้พม่าสิ แต่เราบอกว่าเรื่องนี้มันเป็นความเชื่อ เป็นความสบายใจ

ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 เรายอมเสียเพื่อจะคงไว้หลายๆ อย่าง พระมหากษัตริย์ของเราเป็นหลายอย่าง ทั้งนักปกครอง นักการทูต และหลายๆ อย่าง เราเกิดเป็นคนไทยนี่โชคดีนะ เรามีพระมหากษัตริย์ที่ดี นิสัยคนไทยที่ดี ทุกข์ภัยเราน้อยมาก ไม่ว่าจะเรื่องภัยพิบัติต่างๆ ผมว่าพระมหากษัตริย์ไทยยุคเก่าๆ ท่านคิดเยอะในการเลือกที่ตั้งเมือง ท่านคงไม่ธรรมดาแน่นอน คนอ่านคำตอบผมก็คงหาว่าเรานี่บ้าเจ้ามากเลย แต่ผมก็เป็นอย่างนั้น

ฟังเมื่อสักครู่แล้วคิดถึงเพลงชาติไทยท่อนหนึ่งที่ว่า ‘ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด’ คือใครมารุกรานเรารวมตัวกันสู้เต็มที่ แต่ทำไมเวลาสงบเรามักชอบรบกันเอง
มันเป็นลักษณะของคนไทย อยู่แถวบ้านก็ตีกัน แต่พอมาอยู่กรุงเทพฯ มาเจอคนใต้ด้วยกัน เจ๊าเลย แต่พออยู่ที่บ้านทะเลาะกันทุกวัน มันเป็นอย่างนั้น รักพวกพ้อง แต่ถ้าคนอื่นมานะเรารบไม่ขลาด มันเป็นนิสัยคนไทย คือคนที่จะทะเลาะกันอยู่แล้วเนี่ยพอรู้ว่าเป็นคนบ้านเดียวกันจบเลย มันเป็นเรื่องอย่างนี้จริง เวลาที่เราต้องต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง

อย่างนี้หรือเปล่าที่ทำให้ฝรั่งตั้งข้อครหาเราว่าเป็นชาติที่ยังไม่พัฒนา เพราะเดี๋ยวก็มีเรื่องให้ตีกันเองตลอด
มันเป็นอย่างนั้น แต่ความไม่พัฒนามันเป็นเสน่ห์ของบ้านเมืองเรา ถ้าคุณชอบพัฒนาก็อยู่บ้านคุณไป ประเทศที่ด้อยพัฒนามันสวย หลายอย่างมันยังสดอยู่ ต่อให้เน่าของเราฝรั่งยังบอกว่าสวย
อย่างเกาะสมุยบางจุดกลายเป็นบาร์เหมือนพัทยา แต่ฝรั่งก็ยังมา เพราะมันยังมีที่สวยสดอีกเยอะ ลองถ้าวันหนึ่งบ้านเราพัฒนาให้เป็นแบบฝรั่งแล้วเขาจะมาทำอะไร อยู่บ้านเขาก็ได้ นี่คือเสน่ห์แบบเรา คือถ้าเราไม่ตีกันเองอย่างที่ผ่านมาอาจจะเสียชาติบ้านเมืองไปแล้วก็ได้ มันเป็นความไทยๆ แบบนั้น
การตีความในคำว่าความเจริญมันต่างกัน เราบอกว่ามาไกลมากในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา บางคนบอกยังไม่ไปไหนเลย อยู่ที่คนมองตรงจุดไหน อย่างถนนเส้นหนึ่งคุณนั่งรถผ่านทุกวัน อยู่ดีๆ วันหนึ่งก็มีตึกสูงโผล่มาจากไหนไม่รู้ นั่นมันเจริญทางวัตถุเข้ามา แต่ด้านจิตใจมันก็ค่อยๆ หายไป ความเอื้ออาทรค่อยๆ น้อยลง ทุกวันนี้เราไปหาชาวบ้านบางที อะไรที่เขาโกงได้เขาโกง อะไรที่เขาขโมยได้เขาขโมย มันไม่เหมือนชาวบ้านสมัยก่อน มันเป็นยุคที่คนมีเงินคือคนดี เราไม่ได้ยกย่องคนดีแบบสมัยก่อน คนเลยมุ่งไปหาเงินหาชื่อเสียงเพื่อจะได้รับการยอมรับ 

วันหน้าคนรุ่นหลังจะดูแลบ้านเมืองต่อไป อยากจะฝากอะไรถึงพวกเขา
ให้ทุกคนทำอาชีพของตนเองด้วยความซื่อสัตย์นั่นคือดี ตรงกับที่ในหลวงทรงสอนว่า ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่างผมรับปริญญาจากพระหัตถ์พระองค์ ก็เหมือนกับพระองค์บอกเราว่านายจงไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด คือเมื่อก่อนเราจะเห็นในหลวงพระราชทานปริญญาบัตรด้วยพระองค์เอง ซึ่งพระองค์อาจจะทรงคิดแล้วว่าอยากให้ทุกคนภูมิใจในความรู้ที่ได้รับของตนและทำงานเพื่อประเทศชาติ

เรื่อง : วรชัย รัตนดวงตา
ภาพ : พานุวัฒน์ เงินพจน์

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE