วัยเยาว์ของคนใหญ่ – "ตัน อิชิตัน"


13 มกราคม เวลา 8 นาฬิกา

พรุ่งนี้เป็นวันเด็ก
เสียงกริ่งเข้าห้องเรียนดังขึ้น คุณครูไล่ถามทีละคนว่า โตขึ้นพวกเธออยากเป็นอะไร แล้วคำตอบยอดฮิตก็ประดังมา หมอ พยาบาล ทหาร ตำรวจ เด็กขี้มูกย้อยบอกอยากเป็นนักบินอวกาศ ไปไล่จับกระต่ายบนดวงจันทร์ สาวน้อยผมเปียยกมือมั่นบอกรวยพันล้าน เป็นนักธุรกิจใหญ่โต เจ้าแกละส่งเสียงตะโกนอยวัยเยาว์ของากเป็นดาราฮอลลีวูด ปีนไต่หน้าผาแบบมิชชัน อิมพอสิเบิ้ล ทั้งห้องหัวเราะกันเสียงดัง

ปู่ไอน์สไตน์ พูดเสมอ ๆ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ สัปดาห์ที่ 2 หลังปีใหม่ พ่อแม่อุ้มลูกจูงหลานเดินเล่นกันให้ทั่ว ใครอยากนั่งเก้าอี้นายกฯ ขี่เครื่องบิน ขับรถถัง ก็ตามใจให้ไปวันนึง ตกบ่ายชวนกันปูเสื่อปิกนิคสังสรรกันเฮฮาสนุกสนาน เด็กๆ วิ่งเล่นกันให้วุ่น ในเมืองมีสีสันสดใสด้วยรอยยิ้มของเด็ก
ผ่านวันเด็กมามากกว่า 20 ครั้งขึ้นไป ความทรงจำในวันนั้นเริ่มเลือนลาง เราถูกสอนให้ยอมรับความจริง ความผิดพลาดสะกดให้เราเรียนรู้ที่จะหยุดอยู่กับที่ แต่ยังมีอีกหลายคนเชื่อในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เขาถูกจัดกลุ่มให้อยู่ในประเภทพวกชอบดันทุรัง ลองนับนิ้วดูสิบคน อาจจะมีคนประเภทนี้อยู่สักสองสามคน แล้วหนึ่งในนั้นอาจทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ได้จนสำเร็จ หรืออาจเป็นบุคคลที่ถูกลืมและกลืนหายไปในสังคม
ผู้ใหญ่หลายคนมักบอกกับตัวเองว่า ถ้าฉันเกิดมาในตะกูลดี มีเงินหยิบยื่น โชคดีได้ลาภลอย มีเส้นสาย ชีวิตฉันคงไม่เป็นอย่างในวันนี้ ความฝัน ในตอนเด็กนั้น มันคงเป็นจริงได้ในวันนี้ เสียงเล็กๆ นั้นกระซิบในใจตลอดเวลา

ด้วยบุคคลิกที่เข้าถึงง่าย ตัน ภาสกรนที อดีตผู้ก่อตั้ง โออิชิกรุ๊ป ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัทอิชิตันกรุ๊ป บุกเบิกธุรกิจด้วยความคิดสร้างสรรค์ ได้เป็นผู้ที่พูดถึงในวงสังคมตลอดเวลา แล้ววงสังคมที่ว่า เป็นทั้งวงระดับตาสีตาสา แม่บ้านร้านตลาด ไปจนถึงระดับประเทศ บางคนอาจมองว่าเขาเป็นเด็กในคราบผู้ใหญ่ คือยังมี “ความใส” ใส่ใจผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา เขาพูดเสมอว่าชีวิตเราต้อง “ให้” ก่อนที่จะ “ได้” มา เอาเข้าจริง อายุอานามก็มากแล้ว แต่เราเองก็ยังหลุดปากไปเรียกเขาว่า “พี่ตัน” อยู่บ่อยๆ
คงไม่ต้องถึงกับกินคอลลาเจลให้หน้าใส เต่งตึงเหมือนเด็กอย่างที่เขาว่ากัน (เพราะพี่ตันตัวจริงก็ไม่ได้เต่งตึงสักเท่าไหร่) เราอยากให้คุณลองคุยกับเขาผ่านตัวอักษรที่ปรากฏ คิดเล่นๆ ลองตั้งคำถามในใจคุณดูไหม ว่าคุณยัง “แก่” เกินไปรึเปล่า ที่จะยัง “ฝัน” อยากทำสิ่งที่ตั้งใจให้สำเร็จตอนเด็กๆ ในวันที่โตเป็นผู้ใหญ่ หรือคำถามประเภท บ้านรวย พ่อใหญ่ ชีวิตคงดีกว่านี้จริงไหม ทดไว้ในใจก็แล้วกัน

จำได้ไหมวันเด็กทำอะไร

โอ้ย วันเด็กสมัยก่อนนี่แบบ เราไปไหนอะ สวนสนุกอยู่แล้วไง คือ คำว่าเด็กของคุณ รุ่นใหม่รุ่นเก่ายังเหมือนเดิมอยู่ มันต้องไปสวนสนุก สวนสัตว์ มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ปีหนึ่งเราก็ได้แค่เนี้ย สมัยก่อนอาจจะไม่ได้ไปทำเนียบรัฐบาล ไปนั่งเก้าอี้นายกฯ ผมว่าไม่มีนะ ไปสวนสัตว์มันก็คือวันเด็กที่แฮปปี้ที่สุดแล้ว

โรงเรียนในฝันของ ตัน เป็นยังไง

ตอนเด็กๆ ผมไม่ได้เรียนเมืองไทยด้วยนะ ผมเรียนที่ปีนัง ก็เนี่ยมันไปได้แค่เนี้ย ไม่ได้เรียนเล้ยยย ต้องเดินไปโรงเรียน ประมาณกิโลกว่าสองกิโลกว่า รองเท้า ใส่มั้งไม่ใส่มั้ง ยากจนน่ะ พ่อกับแม่ผมอยู่ที่ชลบุรี ผมอยู่ที่ปีนังกับพี่สาว พี่สาวก็เป็นช่างเย็บเสื้อ พ่อแม่อยากให้เรียนภาษาก็ปล่อยเราอยู่ที่นั่น เราเป็นคนที่ไม่ชอบโรงเรียน โรงเรียนเก่า ครูก็แก่ ไม่มีอะไรเลย สนามฟุตบอลก็ไม่มี ครูก็ใส่ชุดสีเทาๆ แล้วก็ใส่แว่น อู้หู ดุๆ นะ แล้วก็ชอบไม้เรียว ที่จำคุณครูได้ นอกจากแก่ๆ ก็คือไม้เรียว แล้วแบบชอบตี สมัยก่อนนี้นะ ชอบมาที่หน้าห้อง ใครทำไม่ดีก็มาตี ตีมือมั่ง ตีก้นมั่ง สมัยนี้ไม่มีแล้วใช่ปะ สมัยนี้มันตีไม่ได้แล้ว ยังไม่เคยโดนพ่อแม่ตีเลย เคยแต่โดนครูตี จำแต่ภาพที่ไม่ดี เป็นคนที่แบบเรียนน้อย แล้วไม่ชอบเรียน ส่วนหนึ่งคือโง่ด้วย ขี้เกียจด้วย แล้วอีกอย่างหนึ่ง ผมว่าสิ่งแวดล้อมมันทำให้ผมไม่ชอบ ไม่อยากได้ ไม่อยากไป ผมถึงเห็นด้วยกับบางคนที่แบบ เอ๊ะ ทำไมโรงเรียนทำซะสวย ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่แบบทำให้เด็กอยากไปโรงเรียน ภูมิใจที่จะพูดถึงโรงเรียนตัวเอง อุ้ย อย่ามาถามผมนะว่าโรงเรียนผมชื่ออะไร ชื่อมันยังไม่จำ ครูยังไม่จำ อะไรไม่อยากจะจำ

สมัยก่อนมันมีห้อง A B C D ดันอยู่ห้องนี้ ดุที่สุดทั้งโรงเรียนอะ ผมเป็นคนที่ถ้าชอบอะไร อยากได้อะไรนะทำให้เต็มที่ สมัยที่เรียนอยู่เนี่ยนะ เชื่อมั้ย ผมสอบได้เท่าไหร่บ้าง เคยสอบได้ที่ 3 แต่นับจากข้างหลังนะ แต่ถ้าเทอมไหนเขาบอกว่าสอบได้ดี จะได้มาเมืองไทย ผมสอบได้ที่ 3 จากข้างหน้า มีทั้งที่ 3 ข้างหน้าข้างหลังเลย คือถ้าผมอยากมาเมืองไทย ก็ต้องทำสอบให้ได้ที่ 3 แต่ผมเป็นคนที่แบบใช้ความรู้รอบเอวมากกว่าความรู้รอบตัว ลอกเขาประจำเลย ไม่เคยฟัง จริงๆ แล้วผมก็ด่าลูกนะ ครูบอกว่าตาเนี่ย มองซ้ายมองขวา มันไม่เคยมองครูเลยนะ เราก็ว่าเขา ทำไมมันไม่ตั้งใจเรียน จริงๆ แล้วคือ ตัวกูตอนเด็กเลย (หัวเราะ) สมาธิไม่ได้อยู่ที่ครูอ่ะ มองโน่นมองนี่ไม่ฟัง เพื่อนก็ไม่มี ผมไม่เรียนด้วย ไม่เก่งด้วย ไม่หล่อด้วย จะเอาเพื่อนที่ไหนล่ะ ไม่น่าสนใจ ไม่ประทับใจ

ตอนเด็กฝันอยากได้โรงเรียนตามที่ผมชอบ พอผมมีตังค์ผมก็ทำสนามฟุตบอลทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ชอบเตะฟุตบอลแต่มันเป็นจินตนาการ พูดได้ว่าสนามฟุตบอลผมลงทุนเยอะที่สุดในประเทศไทยต่อหนึ่งสนาม โครงสร้างหลังคาเป็นแบบสนามบินสุวรรณภูมิเลยนะครับ โครงสร้างมันสามเท่าของคนอื่น คนอื่นทำ ของผมมีห้องน้ำเด็กเฉพาะเด็ก คือเป็นสิ่งที่จิตใต้สำนึกถูกกดเอาไว้ เหมือนเมื่อก่อนไม่มี ไม่เคยเห็นสนามฟุตบอล คือทำไมตอนเด็ก พอเราโตขึ้นเราเห็นสนามฟุตบอลมันไม่มีหญ้าด้วยซ้ำไป แล้วมันจะเป็นสนามฟุตบอลได้ยังไง เดี๋ยวนี้เด็กโชคดี เห็นไหมมีหญ้าเทียม อยากมีอะไรดีๆในโรงเรียนทำให้เราอยากไป คือเป็นคนที่ขี้เกียจไปโรงเรียนเพราะมีความรู้สึกว่าโรงเรียนไม่มีต้นไม้ไม่มีอะไรที่สวยงาม การแต่งตัวของครูก็อย่าไปแต่งโบราณๆ แต่งให้ดูน่ารัก สดใสดู เปลี่ยนวิธีคุยกับเด็กอย่าเน้นแต่ลงโทษ เด็กสมัยนี้ต้องการเข้าใจคุยกันสนุก ถ้าผมทำโรงเรียนหรือว่าเป็นครูผมก็อยากสอนเด็กอีกวิธีนึง เป็นเพื่อนเล่นเฮฮา คุยได้อย่าเอาแต่ดุๆ อย่างเดียว

ไม้เรียวศักดิ์สิทธิ์จริงหรือเปล่า

ไม่จริงครับ ผมก็เจอไม้เรียว โรงเรียนไม่ได้สอนอะไรมากมายให้กับผมเลยครับนอกจากเกลียด ผมว่ามันอยู่ที่ความเข้าใจมากกว่า เราคุยกันเข้าใจ คุยภาษาเดียวกับเค้าอะ ถ้าเกิดเค้าทำเพราะเค้าเข้าใจแล้วเค้าทำ มันน่าจะได้ผลมากกว่าที่เค้าทำเพราะเค้ากลัว ทำการบ้านการทำให้เสร็จเฉย แต่ถ้าเข้าใจอยากทำมันคือความรักมันแตกต่างกัน หมดสมัยไปแล้วครับไม้เรียว ไมได้หมายความว่าเราห้ามตีลูกขนาดนั้น ผ่อนบ้างตึงบ้าง อย่าตามใจลูกมากเกินไป อย่าตีกันบ่อยๆ ถ้าถามผม ผมไม่เคยตีลูกเลย มีแม่เค้าตีบ้างนิดหน่อยแต่อย่าถึงกับไม่ตีเลย

 
การเรียนรู้คืออะไร

เรียนรู้จากประสบการณ์ การทำงาน หลังจากกลับมาไทยตอนอายุ 17 ผมมาแบกของอยู่เครือสหพัฒน์ เป็นช่วงที่ผมแฮปปี้ที่สุดเลย เพราะตอนนั้นเจอสิ่งที่ผมชอบแล้ว ถ้าวันหยุดผมทุกข์เลยนะ มันกลับกัน ไอ้โรงเรียนนี้เกียจมาก วันเรียนเนี่ยเกลียดมาก แต่วันที่ทำงาน ถ้าวันไหนต้องหยุด ผมจะทุกข์แล้ว ผมไปเช้า ไปคนแรกกลับเป็นคนสุดท้าย แต่ถ้าเรียนนี่มีโอกาสเมื่อไหร่ หนีเรียนทันที แต่ตอนเด็กผมชอบคิดเลขนะ อะไรที่ใช้ความจำผมไม่เอาเลย ทุกวันนี้ก็เสียใจที่เรียนน้อย คือถ้าเรียนเยอะมันทำให้พื้นฐานเราแน่น แต่ถ้าเรียนน้อย เวลาที่เราเริ่มต้นหรือไปได้ไกลๆ มันก็จะลำบาก ตอนนี้ผมจะทำธุรกิจใหญ่ขึ้นกว่านี้อะ เนี่ยก็ค่อนข้างลำบาก ยังโชคดีที่สมัยนี้หาคนเก่งๆ มาแทนเราได้ง่าย พื้นฐานการศึกษามันดูเหมือนจะไม่ได้ใช้อะ แต่การอ่านหนังสือ มันเหมือนขุดคลองให้ใหญ่ขึ้น บางคนบอกว่าเรียนให้ตายเถอะไม่ได้ใช้ตอนทำงาน อาจไม่ได้ใช้ แต่บางอาจได้ใช้แค่นาทีเดียว วันเดียว ครั้งเดียว แต่ตอนวิกฤตนี่แหละ ก็ขุดคลองเอาไว้คลองไม่เห็นมีน้ำเลย แต่ถ้าพายุน้ำท่วมแบบครั้งที่แล้วมา ถ้าคลองยิ่งใหญ่อะ พื้นที่ตรงนั้นก็รอด เหมือนการศึกษาเวลาเจอปัญหา เราจะหาทางออกได้ ถ้าเรียนน้อยอ่านน้อยเนี่ย เจอวิกฤตปัญหาหาทางออกไม่เป็น มันไม่ได้อยู่ในลิ้นชัก ในสมองเราอะที่จะเอาออกมาใช้ได้

คำว่าเรียนไม่ได้หมายความว่าอ่านหนังสืออย่างเดียว อาจจะเป็นเดินทาง เที่ยว ฟัง อย่างผมไปดูหนังเรื่องนึง ไปเที่ยวครั้งนึงกลับมา หรือไปเดินตรงไหน เห็นต้นไม้ เห็นโน่นนี่นั่น มันก็คือเรียน เห็นอะไรเราก็เอามาเปรียบเทียบ ชีวิตเรามันก็อยู่ตรงธรรมชาตินี่แหละ มันใช้กระบวนการคิด ผมชอบคิดละเอียด คิดหน้าคิดหลัง อย่างผมดูหนังเรื่องนึง ผมเอามาใช้เป็นสิบๆ ครั้งในชีวิต อาจเป็นหนังที่บางคนดูแล้วไม่ได้อะไรเลย ไม่ว่าผมจะทำอะไร ไปประเทศไหน เชื่อมั้ยว่าทุกครั้งที่ผมไปมันผ่านสายตาผ่านสมองผมไปแล้ว วันนึงอะผมได้มาใช้ประจำ คืออย่างนี้มันทำได้ทุกคนอะ แต่บางคนอาจไม่ได้คิด แต่ผมเอาไปคิดต่อ มันเป็นมุมมองของคน

อย่างเราไปเห็นสวนผีเสื้อ เราก็ไปถามเขา ผีเสื้อเลี้ยงยังไง เพาะยังไง เขาก็เล่าให้ฟังว่าความจริงแล้วดักแด้ทุกตัวไม่ได้เป็นผีเสื้อ มีบางตัวที่ไม่รอดทะลุมาไม่ได้ มากกว่าครึ่งนึงเนี่ยมันตายอยู่ในดักแด้ ผมลงทุนไปช่วยเขาเพาะเลี้ยงผีเสื้อในสวนเขาเลยนะ ปกติผีเสื้อมันจะกลายเป็นดักแด้ แล้วก็จะทะลุออกมาจากรัง แต่บางตัวมันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราต้องไปช่วยมัน ไปเขี่ยมันออกมาจากรังดักแด้ คือนาทีสุดท้าย ผีเสื้อไม่มีแรงที่จะทะลุมา ก็เลยกลายเป็นผีเสื้อในดักแด้ อย่างเนี่ย มันมาเปรียบเทียบกับคนได้เลย คนเราก็เหมือนกัน ชีวิตคนเราคือการต่อสู้ ทำไมคุณถึงชนะ ทำไมคุณถึงทำได้ เราทำไม่ได้ อีกนิดเดียวแหละ เราสิ้นใจซะก่อน ยอมแพ้ซะก่อน ผีเสื้อมันมีคนเขี่ยให้ มันเลยได้เป็นผีเสื้อ โบยบินไปได้ แต่ความสำเร็จไม่มีใครช่วยเราเขี่ยนะ เราต้องทะลุมาเอง หรืออาจจะมีคนนำทางเราได้ถ้าเราหาเจอ ที่เล่ามามันอาจเป็นแค่เรื่องผีเสื้อ ไม่ได้เกี่ยวกับคนเลย แต่ผมเอามาคิดเอามาเปรียบเทียบ ใครๆ ก็อยากเป็นผีเสื้อที่สวยงาม แต่แล้วคนส่วนใหญ่ก็เป็นได้แค่ผีเสื้อในดักแด้เท่านั้น เราคิดอย่างเดียวไม่พอต้องเข้าหาความรู้นั้นด้วย

การเรียนรู้จากในโรงเรียนมันไม่เพียงพออย่างนั้นหรือ

การเรียนรู้ทั้งในและนอกโรงเรียนสำคัญทั้งสองอย่าง บังเอิญผมไม่ได้เรียนรู้จากโรงเรียนอะไรเลย มันก็เลยไม่ได้อะไร ผมเรียนรู้จากข้างนอกเป็น 2-3 เท่า เรียนรู้จากการทำงาน เรียนรู้จากผู้หลักผู้ใหญ่ ผมจึงชอบอยู่กับผู้ใหญ่ชอบทำงานเพราะว่าสิ่งที่ผมขาดไป ผมไปหาเติม ได้คุยกับคนอื่นอยู่กับเค้านานๆ ทำงาน 5 ปี เหมือนผมจบปริญญาตรีอยู่ในบริษัทไปเรียบร้อย อยากให้เด็กทุกคนสนใจเรื่องของการเรียน ถ้าพื้นฐานการเรียนดีแล้วเราไปทำงานเราก็ได้เรียนต่อเป็นปริญญาโท สองใบ แล้วก็อาจจะเป็นปริญญาเอก แต่ผมยังไงก็ไปไม่ถึงปริญญาเอก เพราะว่าพื้นฐานของผมไม่ดี

ช่วงชีวิตคนเรามันต้องมีทั้งผู้ใหญ่และเด็ก เด็กมีหน้าที่ของเด็ก ผู้ใหญ่มีหน้าที่ของผู้ใหญ่ แต่ว่าทุกคนต้องเด็กก่อนแล้วค่อยเป็นผู้ใหญ่ แต่ตอนเด็กนี้ก็อยากไปเป็นผู้ใหญ่ ตอนผู้ใหญ่ก็อยากเป็นเด็ก อย่างตอนเป็นเด็กเราก็มีหน้าที่เรียนหนังสือ เล่น ทำอะไรก็ว่า พอตอนไปผู้ใหญ่เราก็มีหน้าที่ดูแลตัวเองแล้วก็ดูแลผู้อื่นด้วย อย่ากลายเป็นไปคนที่ทำให้พ่อแม่เดือดร้อน หรือว่าขอเงินพ่อแม่ตลอดเป็นภาระให้กับสังคม เราก็ต้องแบ่งออกมาให้ได้ว่าเด็กกับผู้ใหญ่มีหน้าที่ต่างกัน เพียงแต่ว่าไม่อยากให้ผู้ใหญ่ทุกคนฝากชีวิตไว้กับโรงเรียน ไม่ใช่นะครับ ในมุมมองผม ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้อะไรจากโรงเรียนเลยก็ตาม แต่ผมไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดว่า เด็กต้องอยู่กับโรงเรียน ถึงแม้เราเป็นเด็กอยู่ในโรงเรียนแต่เวลาของเราครึ่งนึงอยู่ในโรงเรียนครึ่งนึงอยู่กับครอบครัวอยู่กับเพื่อนที่นอกโรงเรียน อย่าคิดว่าส่งลูกไปเรียนหนังสือแล้ว หน้าที่ของครูที่จะทำให้ลูกของเราดี จริงๆ แล้วมันมีอีกครึ่งนึงอยู่ข้างนอก ถึงแม้ผมไมได้เรียนไม่ได้อะไรจากโรงเรียนสักเท่าไรนัก แต่อย่างน้อยผมก็เห็นพฤติกรรมและผมก็เรียนจากข้างนอกคือ ผู้ใหญ่ คุณน่ะเป็นตัวอย่างให้เรา เราถึงแม้เค้าไม่ได้สอนเราแต่เราดูอยู่ทุกวัน โดยเฉพาะพ่อ แม่ เราเห็นทุกอย่างเราก็เลยเรียนรู้ไปโดยปริยายอยู่ลึกๆ โดยเขาไม่รู้ตัว

 
เพื่อนมีส่วนสำคัญในชีวิตเราไหม

เราอยากได้ดี เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะอยู่กับเพื่อนไม่ดีแล้วเราจะดี เป็นไปไม่ได้ที่เราอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีแล้วเราจะดี ก็กลับกัน เป็นไปไม่ได้ที่เรามีแต่เพื่อนดีๆ แล้วเราจะไม่ดี มันเป็นแม่เหล็กดึงดูดพาเราไป ง่ายมากๆ เลย เราอยากเก่ง เราอยากประสบความสำเร็จเราจงอยู่กับคนเก่งๆ ดีๆ เราก็จะมีส่วนเป็นอย่างนั้น ถ้าเราอยู่กับคนที่ติดการพนันติดเหล้าเมายา โอกาสที่เราจะรอดมีน้อยมาก
ผมเป็นคนง่ายๆ ไม่มีกฎในการคบเพื่อน เอาง่ายน่ะ คือว่า ถ้าใช่เราก็คบ ถ้าไม่ใช่เราก็ห่างหน่อย ไม่ได้อะไรแน่นอน แล้วก็ไม่ได้มีเพื่อนเยอะๆ เพื่อนที่คบกันส่วนใหญ่ก็คบกันนานๆ ไม่ได้แบบเจอใครก็เป็นเพื่อนสนิท คุยกันนานๆ คบกันตอนเรามีปัญหา คบกันตอนที่เขาลำบาก คบกันแบบเนี๊ยะ

ผู้ใหญ่ที่ดีควรเป็นยังไง

ผมเป็นพ่อแล้วผมก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถามผมว่าผมทำได้แค่ไหน ผมทำได้ครึ่งนึงไมได้ทำให้สมบูรณ์ก็เป็นหน้าที่ของทุกๆ คน เราคิดแต่ว่าบางทีเราก็ทำไม่ได้ดี แต่ไม่ถึงกับว่าเราไม่ให้ความสำคัญเลย ถามว่าผมทำได้สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ไม่ เพราะผมมีทั้งครอบครัว มีทั้งธุรกิจ ทั้งภาระกิจที่จะต้องรับผิดชอบ ผมทำได้ครึ่งเดียวแต่ก็ดีกว่าไมได้ทำอะไร ไม่เข้าใจลูก ไม่มีเวลาให้กับลูก หรือว่าโยนภาระไปลูกคือภาระของโรงเรียนหรือครูอย่างเดียว เราเข้าใจอยู่แล้วว่าถ้าลูกเราเป็นคนไม่ไดี ครึ่งนึงคือเรา เราสอนเค้าอยู่ทุกๆวัน
ผมว่าถ้ารัฐบาลทำ รัฐบาลทำได้ดีกว่านี้อีก แต่อย่างที่ผมว่าทุกคนอย่าโยนภาระให้กับโรงเรียนหรือรัฐบาลโดยเฉพาะพ่อแม่ ทุกคนมีหน้าที่ๆ จะต้องทำ และก็สำคัญกว่านั้นอย่าทำเฉพาะวันเด็ก อย่าให้เค้ารู้สึกว่าวันเด็กคือวันที่เค้ามีความสุขที่สุด คือเด็กทุกคนควรได้รับการดูแลจากผู้ใหญ่ทุกคนๆทุกๆวัน ไม่ใช่เฉพาะวันเด็ก ถ้า 365 วัน ไปดูแลวันเด็กวันเดียว ลูกเราคงไม่ได้ดีขึ้น

ความฝันเป็นสิ่งจำเป็นกับชีวิตหรือไม่

ทุกคนต้องมีความฝัน ความหวัง ถ้าไม่มีมันก็ไม่มีแรง ความฝันมันอยู่ข้างหน้า เราก็เดินไปตามความฝัน ความฝันของทุกๆ คนสำคัญมาก เพราะงั้นทุกคนจะต้องรู้จักตั้งความฝันแล้วเราก็มีกำลังใจมีความหวังทำให้เราไม่สิ้นหวังไม่มีความฝันไม่มีเป้าหมาย ก็เหมือนเดินไปไม่มีเป้าหมาย ไม่รู้จะทำเพื่ออะไร ตรงไหนคือจุดที่เราจะเดิน ผมไม่เชื่อว่าโลกความจิงมันทำให้ ฝันเป็นไปไม่ได้ ผมอาจจะคิดกลับกันกับผู้ใหญ่คนอื่นก็ได้ ทฤษฎีผมคือ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ผมจึงมีวันนี้ เพราะว่าผมทำในสิ่งที่ใครบอกว่าเป็นไปไม่ได้ผมทำมาแล้วทั้งนั้น

ที่ผมมีวันเหล่านี้ได้เพราะผมไม่ทิ้งฝัน ผมมีในหลวงของเรา และพ่อแม่ของผม จากเจ้าของบริษัท จากดร.เทียมตอนที่ผมทำงานบริษัทตอนที่ผมเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ โชคดีรู้จักคุณวันชัย จิราธิวัฒน์ พยามเรียนรู้หรือว่าเดินตามรอยหรือว่าเป็นที่พึ่งทางใจยามท้อแท้

ชีวิตจริงมันมีปัญหาทุกคน อย่างน้ำท่วม มันก็ท่วมทุกคนมันก็ผ่านไป เราก็อย่าไปอยู่กับสิ่งเหล่านั้น ข้ามมันไปเราก็เริ่มต้นใหม่ ไม่มีใครดีไปกว่าใคร ไม่มีใครไม่มีปัญหา มีปัญหาทุกคนเพียงแต่ว่าใครจะอยู่ปัญหานั้นนานกว่า จงอยู่กับปัจจุบันและอนาคต อดีตมันเลยไปแล้วเมื่อวานนี้ไม่เกี่ยวกับเรา ความทรงจำของเมื่อวาน วันนี้มันผ่านไปแล้ว ความล้มเหลว ความเสียหายมันเลยไปแล้ว วันนี้เราอยู่มันไม่ตายอยู่แล้ว ยกเว้นแต่เราจะแพ้ใจตัวเอง

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE