เสลดทอย : ผู้มอง “จู๋” ด้วยสายตาศิลปะ


ภาษา ตลอดจนท่าทีในการสนทนา ซึ่งดูเหมือนไม่จริงจัง แต่บางขณะก็เกือบๆ จะขึงขังอยู่ในที แต่ที่สำคัญก็คืออารมณ์ขันที่อำและล้อตัวเองอย่างไม่กลัวเสียภาพลักษณ์ น่าจะบ่งบอกตัวตนของหนุ่มคนนี้ได้ดีพอสมควร ตลอดการพูดคุย เราถึงพยายามเตือนตัวเองว่า อย่าได้ตัดสินหรือสรุปอะไรเพียงเพราะคำบางคำเป็นเด็ดขาด

“เสลดทอย” (Sahred Toy) คือตัวตนอีกหนึ่งภาคของ “ต๊อด-อารักษ์ อ่อนวิลัย” คนทำงานศิลปะ ซึ่งมาพร้อมกับเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครมีและไม่มีใครเหมือน เพราะทุกภาพที่เขาวาด มักจะมี “ดิลโด้” หรือ “จู๋ปลอม” เป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งในภาพเสมอๆ จนกลายเป็นเหมือนเครื่องหมายการค้าซึ่งทำให้เขากลายเป็นที่จดจำ

ในแง่ชื่อเสียง “เสลดทอย” มีแฟนคลับติดตามหนาแน่นจำนวนหนึ่งในเฟซบุ๊ก และพ็อกเกตบุ๊กของเขา อย่าง “อินดง อินเดีย” ก็เคลียริ่งยอดขายได้น่าพอใจ ส่งให้เขากำลังจะออกหนังสือท่องเที่ยวญี่ปุ่นอีกเล่มหนึ่ง ซึ่งเขาเกริ่นๆ ว่า จะเป็นญี่ปุ่นในมุมที่ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน

ทำไมต้องเป็นดิลโด้? อวัยวะเพศเทียมอย่างจู๋ปลอมมันยิ่งใหญ่แค่ไหน ทำไมต้องหยิบเอามาใส่ในงานศิลป์ อย่าเพิ่งตัดสิน ถ้ายังไม่ได้ดูงานของเขา และ…ถ้ายังไม่เดินทางจนถึงบรรทัดสุดท้ายของบทสนทนาต่อไปนี้…

“เสลดทอย” ชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมา
มีคนถามทุกครั้ง เพราะเขาจะอ่านว่า “แชร์ทอย” เราก็อธิบายทุกครั้งว่ามันอ่านว่า เสลดทอย เรื่องของเรื่องมันมาจากงานประกวดครั้งแรกของผม สัก 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องตั้งชื่อกลุ่มชื่อแก๊ง ผมก็พยายามหาความหมายของงานตัวเอง คิดว่างานของเราสมัยนั้นมันดูรกๆ ชุ่ยๆ ดูขยะแขยง มีเลือดกระจายมีอะไรแบบนี้ คิดว่าคำว่า “สเลด” มันน่าจะเป็นคำที่ดูขยะแขยงเหมาะกับเราดี แล้วคำว่า “เสลด” เฉยๆ มันฟังดูถ่อยมากเกินไป ผมเลยเอาคำว่า “ทอย” (Toy) เข้ามา ในอีกความหมายหนึ่ง คำว่า“Toy” ก็ออกเสียง “ถ่อย” ได้เหมือนกัน รวมกันแล้วมันก็เลยมีความหมายคล้ายๆ ว่าเป็น “ของเล่นที่ดูสะอิดสะเอียน” แต่ผมก็ผสมความน่ารักเข้าไปด้วยในเนื้องาน

“ของเล่นที่ดูสะอิดสะเอียน” ที่ว่านั้น คืออะไรครับ
ดิลโด้ครับ 555

อะไรคือจุดเริ่มต้นให้คุณวาด “ดิลโด้” หรือ “จู๋ปลอม” ลงไปในภาพด้วยล่ะ
ดิลโด้มันมาได้ไงผมก็ลืมไปแล้ว น่าจะมาจากแก่นสมองของผม (หัวเราะ)

บางคนอาจจะเผลอคิดว่าคุณพวกโรคจิต หมกมุ่นในกามหรือเปล่า?
จริงๆ ไม่ใช่หมกมุ่นในเซ็กซ์นะครับ ผมรู้สึกว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นความสนุก (หัวเราะ) เรารู้สึกว่าไอ้ของเซ็กซ์ทอยพวกนี้มันน่ารัก มันน่าหยิบเอามาเล่น มันเป็นของเล่นได้หมด แค่ว่ามันถูกจำกัดด้วยคำว่าเซ็กซ์ทอยเท่านั้นเอง และเอาเข้าจริง ในตลาดโลกยังไม่มีใครลงมาเล่นอย่างจริงๆ จังๆ นะ ผมเลยตัดสินใจว่ากูโตทางนี้ดีกว่า 555

มีไอเดียอะไรเจ๋งๆ ที่คุณต้องการสื่อสารผ่านดิลโด้ไหม
จริงๆ แล้ว ดิลโด้มันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเฉยๆ ครับ คืองานผมจะมีองค์ประกอบเยอะ ดิลโด้เป็นส่วนหนึ่งแต่ดันโดดเด่นขึ้นมา เพราะความทะลึ่งของมัน และสีของมันด้วยครับ โอ้โห สีของมันน่ารักเชียว สีชมพูสด 555

เคยมีคนด่าคุณว่าลามกหรือเสื่อมบ้างหรือเปล่า
เท่าที่ผ่านมาไม่มีนะครับ จริงๆ แล้วส่วนใหญ่เขาก็ชอบด้วยซ้ำ ผมยังไม่เคยเจอวิจารณ์อย่างรุนแรง ถ้าวิจารณ์จริงๆ ก็ยอมรับ แต่คงไม่เปลี่ยน เพราะในความรู้สึกของผม มันแค่ทะลึ่งนิดเดียว มันแค่ก้าวขาไปก้าวเดียว ไปแบบไม่เต็มตัว แต่ผมไม่ได้แสดงว่าต้องไปข่มขืนผู้หญิง ต้องไปอะไรแบบนั้น คือไม่ส่ออะไรแนวนั้นเลย มันออกมาอีกแบบหนึ่ง คือมีอารมณ์ขันและความสนุก

พูดง่ายๆ ตอนนี้ “จู๋เทียม” เป็นสัญลักษณ์ของสเลดทอยไปแล้วเรียบร้อย
ใช่ครับ แล้วอีกอย่างงานผมตอนนี้ก็ไม่เหมือนใครในประเทศนะ ไม่งั้นเขาคงไม่จ้างผม แต่ก็ยังไม่อยากจะหยุดอยู่ตรงนี้ ไม่งั้นมันจะย่ำอยู่กับที่เหมือนกับหากินกับของเก่าๆ ก็พยามยามจะพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ อึมมม..ฟังดูเท่ไปเลย 555

อะไรคือความฝันอันยิ่งใหญ่ของเดอะ ดิลโด้แมน อย่างคุณ ขออภัย เราเรียกเดอะ ดิลโด้แมน
5555 ผมอยากมีรถเครนพร้อมใช้ ให้ผมวาดดิลโด้เท่าโฮปเวลล์เลย ยิ่งใหญ่ไหม 555 แล้วเวลาใครไปใครมา ผมรู้สึกว่ามันคงสนุก อย่างเช่น เวลาแม่กำลังขับกลับบ้าน ลูกเห็นแล้วชี้ให้แม่ดูแล้วก็ถามแม่ แม่เขาก็ตอบว่ามันคืออะไร ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่ดูน่าสนุกดี เป็นกราฟฟิตี้ดิลโด้ ถ้าไม่โดนจับซะก่อนอ่ะนะ 555 ก็คงต้องแอบทำ แต่แอบทำเขาก็รู้อยู่ดี เพราะว่าไอ้จู๋ มันเป็นสัญลักษณ์ของผมชัดเจน ถึงไม่ได้ลงชื่อไป เขาก็น่าจะเข้าใจดีว่าของไอ้เสลดทอย จับตัวได้สบายเลยล่ะ 555

นอกจากวาดภาพ คุณยังเขียนหนังสือด้วย เขียนหนังสือเกี่ยวกับดิลโด้ใช่ไหม
555 ไม่เกี่ยวเลยครับ เป็นหนังสือเกี่ยวกับประเทศอินเดียนี่ล่ะ เขียนแนวทะลึ่งๆ อาจจะหยาบๆ 555 แต่บรรณาธิการเขาก็ช่วยกรองให้มันดูสุภาพมากขึ้น คือตอนแรก ผมก็ไม่ได้กะจะเขียนหนังสือหรอกครับ ผมคิดว่าผมเขียนหนังสือไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่จุดเริ่มมันมาจากการที่ผมมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่ง แล้วผมคิดว่าเรายังวัยรุ่นอยู่ ยังไม่อยากรีบเก็บเงิน อยากใช้ชีวิตแบบบ้าๆ ก่อน แล้วตอนอยู่อินเดีย ผมก็โพสต์สิ่งต่างๆ เวลาผมเห็นอะไรที่รู้สึกว่าเมืองไทยมันไม่มี มันแปลกสำหรับคนไทย ลงในเฟซบุ๊ก คนเขาชอบ บรรณาธิการเลยบอกว่า เฮ้ย มาเขียนหนังสือกัน ก็เลยกลับมาเขียนหนังสือแล้วก็ส่งให้สำนักพิมพ์แซลมอน กรองความหยาบอะไรอีกทีหนึ่ง ก็เลยออกมาเป็นหนังสือเล่มนี้ “อินดง อินเดีย”

แหม เรานึกว่าจะมีเรื่องกามสูตรหรือประวัติศาสตร์ศิวลึงค์อะไรพวกนั้นด้วย
555 อินเดียที่ผมไปนี่ ผมไปด้วยความรู้สึกว่าไม่ได้มีความอยากไปทัชมาฮาลอย่างที่คนอื่นๆ ชอบไปกันเลย ไม่ได้ชอบแม่น้ำคงคา โยคีอะไรก็ไม่อยากเห็น เวลาไปเที่ยว ผมไม่อยากได้อารมณ์เหมือนฝรั่งมาถนนข้าวสารบ้านเราแล้วเห็นว่าข้าวสารคือเมืองไทย จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ มันถูกเซตขึ้นมาให้ฝรั่งเห็น คนไทยจริงๆ อยู่ตามคลองภาษีเจริญ ตามสลัม มากกว่า เช่นเดียวกัน อินเดียก็ไม่ใช่แค่ทัชมาฮาลหรืออะไรๆ ที่ถูกเซตมาให้เราเข้าไปเที่ยว

คุณชอบไปดูในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่ดูกันล่ะสิ
(ยิ้ม) ก็ใช่ครับ อย่างถ้าผมเป็นฝรั่งมาเที่ยวเมืองไทย ผมจะไม่ไปทองหล่อไม่ไปอะไรแบบนี้ ผมจะไปดูผู้หญิงขายตัวที่สนามหลวงหรือวงเวียนใหญ่ จะไปดูอะไรที่มันห่ามๆ ดิบๆ คืออยากเห็นอะไรมุมนี้มากกว่า มืดๆ ดำๆ ดาร์กๆ หน่อย

เห็นว่าคุณเพิ่งไปญี่ปุ่นมา คุณเห็นอะไรที่มันดาร์กๆ และอยากเล่าให้เราฟังบ้าง
ผมไปตึกโป๊บ่อยมาก ไปครึ่งเดือนแวะทุกวัน จุดประสงค์ชัดเจน 555 อย่างที่เมืองไฮบาระ มีตึกสูง 7 ชั้น ชั้นบนสุดมีชุดคอสเพลย์ ชุดหนังรัดรูป ชั้นต่อมาเป็นซีดีโป๊ ชั้นต่อมาเป็นดิลโด้ผู้ชาย ชั้นต่อมาเป็นศูนย์รวมจิ๋มปลอม ผมรู้สึกว่านั่นคือโลกของผม แต่ว่าไม่ได้เข้าไปแล้วคิดแต่เรื่องทะลึ่ง

ทั้งหมดนั้น ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติของเขา อย่างห้องของหนังเอวีก็มีกางเกงในผู้หญิงใช้แล้วขายด้วย ญี่ปุ่นไม่ค่อยมีเรื่องของการข่มขืน เพราะกฎหมายเขาโหดแล้วอีกอย่างคือเขามีอะไรพวกนี้ให้ระบายให้อยู่แล้ว หนังสือโป๊เขาก็ขายกันใน 7-11 ขายแบบเป็นจริงเป็นจัง ลงเป็นรายอาทิตย์ มีนักเขียนเกือบ 10 คนได้ เขียนอย่างเป็นจริงเป็นจัง ไม่มีการเซ็นเซอร์ แล้วขายใน 7-11 ทุกอย่างสามารถหยิบต้องได้หมด แต่เขามีมาตรการของเขา อย่างเยาวชนที่ตำกว่า 18 ปี ไปซื้อไม่ได้เลยนะครับ ชัดเจนและเข้มงวดมาก

แล้วอีกอย่างที่ผมเห็นคือเรื่องการแต่งตัว ผมกะแบบไปเห็นกางเกงในนักเรียน คือเราเคยดูในการ์ตูนญี่ปุ่น ลงจากจักรยานแล้วเห็นกางเกงในแว้บๆ อะไรแบบนี้ เป็นแฟนซีในใจ แต่พอไปจริงๆ ผมไม่เคยเห็นเลย ดักรอหน้าโรงเรียนทุกวัน แต่นักเรียนเขาแต่งตัวมิดชิดมาก ไม่โชว์นม เทียบกับบ้านเรา เราโชว์เยอะกว่ามาก อาจเป็นเพราะอากาศบ้านเราที่ร้อนกว่าหรืออย่างไรก็ตาม คือเขามีวิธีบังวิธีอะไรของเขา ผมต้องไปพิสูจน์อีก (ยิ้ม)

แล้วสาวๆ ที่โน่นสวยและน่ารักเหมือนกับที่เราเห็นในหนังหรือเปล่า
ผู้หญิงประเทศญี่ปุ่นน่ารักมากเลย น่ารักแบบว่า…โห น่ารักเหี้ยๆ เลย คือมันดูดีจริงๆ นะ ผู้หญิงญี่ปุ่นถ่ายรูปไม่ขึ้นก็จริง แต่ตัวจริง ร้อยละ 80 จะสวย คือผมเดินบนถนนฮาราจูกุ ชิบูย่า ชินชูกุ เดินสวนกันเนีย ผิวเขาขาว หน้าเขาดี ไม่มีสิวสักเม็ด อากาศเขาดี มันเพอร์เฟกต์ไปทุกอย่าง เหมือนผมอยู่บนสวรรค์ ผมชอบมาก คนแก่ยังสวยเลย ผมรู้สึกว่าญี่ปุ่นแม่งเขาโคตรเพอร์เฟกต์เลย 555

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้หญิงสวยๆ ถึงมาเล่นหนังเอวีกัน เขาสวยขนาดนี้ ทำไมเขาไม่ไปเป็นดารากันโน่นเลย เพราะญี่ปุ่นคนสวยเยอะมาก เขามีตัวเลือกเยอะ ทีนี้พอสาวสวยเยอะมาก ก็เลยอาจเป็นเรื่องยากที่จะไต่เต้าขึ้นไปเป็นนักแสดง ถึงมาเล่นหนังเอวี เพราะความสวยญี่ปุ่น มันมากกว่า 50-50 โดยเฉลี่ย

เห็นว่าคุณจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่ได้ไปเห็นมาด้วยนี่ คุณจะเล่าอะไรบ้าง
จริงๆ ไม่อยากเขียนเหมือนหนังสือเที่ยวญี่ปุ่นทั่วๆ ไป ผมอยากเขียนเกี่ยวกับญี่ปุ่นให้ห่ามเท่าที่จะห่ามได้ ไม่ใช่หนังสือเที่ยวทั่วโลกที่มันบอกข้อมูลของประเทศนั้นในมุมสวยงามอย่างเดียว ผมรู้สึกว่าญี่ปุ่นนี้มันก็มีที่ดาร์กๆ เหมือนกัน ให้คนไทยรู้ว่าญี่ปุ่นก็ไม่ได้เพอร์เฟกต์ทุกอย่างนะ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันสามารถห่ามได้แค่ไหน เพราะว่าต้นฉบับของผมมีคำ “กูๆ มึงๆ” เต็มไปหมดเลย แต่สำนักพิมพ์เขาก็ปรับให้เป็น “คุณ” เรียบร้อย น่ารักเชียว 555 เขาบอกว่าไม่อยากให้ห่ามมาก เพราะกลัวโดนฟ้อง

ตอนนี้คุณโด่งดังพอสมควรแล้ว คิดอย่างไรกับเรื่องชื่อเสียง หรือคนที่พยายามอยากมีชื่อเสียง
ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดนะ รู้สึกว่าทุกคนอยากมีชื่อเสียงทุกคน ผมเองก็อยาก แต่ว่าทำอย่างไร เมื่อเรามีแล้วเราไม่เหลิง เห็นถ่อยๆ อย่างนี้ ผมก็อ่านหนังสือธรรมะเหมือนกันนะ 555 อ่านงานของท่านพุทธทาส คอยสอนเราตลอดเวลา เรารู้สึกว่าจริงๆ แล้วชีวิตเรามันไม่ได้มีอะไรเลย เหมือนเราเกิดมา เราเกิดมาเล็กกว่านี้อีก มันเป็นอสุจิ เราไม่มีร่าง แล้วเราค่อยๆ โตขึ้นมาในท้องแม่ ใหญ่ขึ้นมาเราเริ่มจากไม่มีอะไรเลย แล้วถ้าวันหนึ่งเราจะมีทุกอย่าง มีเงิน มีชื่อเสียง วันหนึ่งมันก็ต้องหายไปได้เหมือนกัน เพราะเราเริ่มมาจากไม่มีอะไรเลย

ก็เป็นข้อคิดที่ว่า อย่าไปยึดติดกับมันมาก อย่างเวลาทำงาน ผมจะคิดว่าทำงานทุกอย่างเต็มที่ที่สุดแล้วปล่อยไปเลย อย่าไปหวังผลที่ตามมา ทำทุกอย่างให้มันหนักที่สุด ทำให้มันเหมือนเป็นงานชิ้นสุดท้าย ผมจะย้ำกับตัวเองอย่างนี้ในการทำงานทุกชิ้น แล้วก็ทิ้งมันไป แล้วถ้ามันมีอะไรดีๆ ตอบกลับมา ก็แสดงว่านั่นคือผลลัพธ์ ไม่พยายามไปคิดอะไรกับมัน ซึ่งก็ช่วยได้เยอะครับ ผมว่าธรรมะเป็นของดีของมนุษย์โลก ธรรมะเป็นธรรมชาติ ฟังๆ ดู ลึกซึ้งมากเลยนะ 555

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE