เพิ่งได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมาจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองเซี่ยงไฮ้มาหมาดๆ อีกทั้งหนังเรื่อง “เพชฌฆาต” อันเป็นผลงานล่าสุดก็กำลังเข้าคิวจ่อรอฉายในปลายสัปดาห์นี้ ปู-วิทยา ปานศรีงาม นักแสดงที่มาโด่งดังเอาเมื่อตอนเป็นรุ่นเดอะ และเคยพาชื่อเสียงของเมืองไทยไปเฉิดฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์เมื่อปีก่อน เปิดโอกาสให้เราได้พูดคุยในบางแง่มุม
บางบรรทัด เขาบอกกับเรา “ผมอยากเป็นซามูเอล แอล แจ็กสัน ของเมืองไทย”…
“เรื่องเมืองคานส์ก็เป็นวันวานไปแล้วครับ เราก็เหมือนหนังสือพิมพ์ฉบับเมื่อวาน เรื่องใหม่ๆ มันเกิดขึ้นทุกวัน ก็ไม่ได้ไปยึดติดถือมั่นอะไรครับ” วิทยา ปานศรีงาม หรือที่ใครต่อใครชอบเรียกขานด้วยความนับถือว่า “พี่ปู” ดารานำจากหนังเรื่องเพชฌฆาต กล่าวพร้อมรอยยิ้ม…
มาถึงจุดนี้แล้ว คิดอย่างไรกับการเป็นนักแสดงของตัวเองบ้างครับ
ต้องยกความดีความชอบให้กับ Only God Forgives เพราะอย่างน้อยๆ มันเป็นหนังที่ทำให้ต่างชาติหรืองานเทศกาลภาพยนตร์ได้เห็นหน้าของเรา เห็นหน้าปรุๆ ของเรานี่แหละ และอย่างที่สองก็คือทำให้เขาได้เห็นสไตล์การแสดงของเรา มันอาจจะไม่ใช่ทุกคนไป แต่ว่าเราก็เข้าตาหลายๆ คนเหมือนกัน มันอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่เราก็ภูมิใจที่มันกลายเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งให้กับคนที่เขาอยู่ในวงการนี้
ยากเหมือนกันนะที่หนังบ้านเราจะมีบทให้กับคนอายุเยอะๆ ได้เป็นตัวเด่นเหมือนกับพี่
ส่วนตัวของผม ผมรู้สึกว่าบทหนังไม่ได้เขียนขึ้นมาเพื่อคนเหล่านั้นมากกว่า บทภาพยนตร์ที่เป็นหนังไทยส่วนใหญ่ เราก็ต้องยอมรับว่า มันเป็นเรื่องของธุรกิจการลงทุน ซึ่งก็ย่อมจะมีการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้อง จะว่าไปก็คงไม่มีใครอยากจะมาดูดาราสูงวัยแสดงหนัง นอกเสียจากว่าจุดขายมันชัดเจน อย่างเรื่องเพชฌฆาตที่จะเอานักแสดงอายุเยอะมาแสดงนำ แต่นั่นคือความกล้าหาญ นั่นคือการมองเห็นการณ์ไกลของผู้ผลิตหนัง ซึ่งเน้นที่คุณภาพของหนัง มากกว่าจะเน้นเรื่องนักแสดง มันก็เลยเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักแสดงอย่างผม เพราะบางคน พอเป็นพระเอกอยู่สักพัก ตอนนี้ก็กลายเป็นถูกลืมไปแล้ว
คนเหล่านั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นนักแสดงที่ด้อยลงหรือว่าฝีมือตกเลย เขายิ่งแก่วิชา เขายิ่งมีประสบการณ์ชีวิตที่สร้างสมมาสามสี่สิบปีด้วยซ้ำไป ทำไมเราไปปลดระวางเขาไปอย่างนั้นล่ะ ทำไมเราไม่เอาบุคคลที่ถือเป็นปูชนียบุคคลพวกนี้ ให้ความสำคัญให้มากขึ้น เพราะจริงๆ นักแสดงรุ่นใหม่ก็ยังต้องเรียนรู้จากบุคคลเหล่านี้อยู่
แต่ที่เมืองนอกหรือฮอลลีวูดนี่ไม่ใช่นะ
ใช่ครับ เขารอเลย เขาสามารถที่จะชื่นชมนักแสดงสูงวัยได้ ยังมีคนติดตามผลงานของเขา และมีงานให้เขาเล่นอยู่ไม่ขาด
แต่อย่างน้อยๆ พี่ปูก็ถือเป็นปรากฏการณ์ของวงการหนังไทยที่แทบไม่ค่อยมีให้เห็นเลย
อืมมม..ขนาดนั้นเลยเหรอครับ สำหรับเรา เราคิดแค่ว่าเราขอเป็นเพียงคนเปิดประตูให้ท่านอื่นๆ เท่านั้นเอง อย่างบางคนบอกว่าพี่เป็นปรากฏการณ์ พี่ก็ยังงงๆ อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา พี่ยังหยิกตัวเองอยู่เลยว่าเฮ้ย มันใช่ความฝันหรือเปล่า เพราะเราเป็นนักธุรกิจอยู่ดีๆ แล้วเราก็มาเป็นนักแสดง มีโอกาสได้มาร่วมงานกับคนที่เป็นตำนานในวงการภาพยนตร์หรือการแสดงอย่างคุณอาสีเทา หรือว่าเราได้มีโอกาสสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ
โดยส่วนตัวผมก็เป็นนักกีฬา เป็นตัวแทนของประเทศมาตั้งหลายสิบปีแล้ว เราก็ทำหน้าที่นั้นอยู่แล้ว แต่พอมาเป็นนักแสดง มันมีโอกาสมากขึ้นกว่าตอนเป็นนักกีฬาอีก เพราะเราไปเดินที่ไหน เราก็ผูกคำว่า “นักแสดงไทย” ไปด้วยทุกที่ ตรงนี้พี่ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของพี่ ไม่ได้คิดว่าเครดิตมันจะตกอยู่ที่ตัวเราคนเดียว แต่เป็นของประเทศด้วย อีกอย่าง ตอนนี้ภาพพจน์ของประเทศเราก็ไม่ได้ถึงกับดีนักในสายตาคนต่างชาติ เพราะฉะนั้น เรามาช่วยกันกู้คืน มันไม่ได้อัปปางไปไหนหรอก มันอยู่ในนี้แหละ แต่ต้องช่วยกันหลายๆ คน วิดน้ำออกจากเรือ
มีคนบอกว่าหนังที่พี่ปูแสดงส่วนใหญ่จะไม่ค่อยพูด ตรงนี้คิดเห็นอย่างไร
หนังที่ไม่พูดนี่แสดงยากนะครับ เราลองนั่งมองหน้ากันสักสองนาทีโดยที่ไม่พูดสิ (หัวเราะ) จริงๆ มันเป็นหนังที่พูดนะ แต่พูดด้วยภาษาแบบอื่น อย่างในเรื่องเพชฌฆาตนี่ ไดอะล็อกก็จะน้อยมากเหมือนกัน แต่การมีไดอะล็อกน้อย กลับยิ่งทำให้ไดอะล็อกที่มีอยู่นั้นมีน้ำหนักมากขึ้น เหมือนกับเวลาที่เราสอนลูก พี่พูดเยอะไป ลูกก็ไม่ฟัง แต่พอพูดนิดเดียว เขากลับฟัง เราว่ามันสำคัญกว่า และนั่นก็ทำให้เรารู้สึกว่า หนังมันไม่จำเป็นต้องฟุ่มเฟือยด้วยไดอะล็อก เราพูดให้น้อยที่สุดแต่ให้ได้ความหมายมากที่สุดดีกว่า ดีกว่าพูดไปเยอะๆ แล้วไม่ได้ความหมายอะไรเลย แล้วด้วยเวลาของหนังด้วย บางครั้ง หนังไม่ได้ให้เวลากับเราที่จะพูดเยอะขนาดนั้น
แล้วอย่างประเด็นที่มีคนบอกว่าดูหนังที่พี่เล่นไม่ค่อยเข้าใจล่ะครับ
ผมว่าเป็นเพราะเราไม่ค่อยได้มีโอกาสเห็น เราไม่ชินตามากกว่า เราเองต้องหัดดูหนัง คำว่าหัดดูหนังนี่สำคัญเหมือนกันนะ พี่ไม่ได้บังอาจจะบอกว่าคุณควรจะหัดดูหนังกันบ้าง เพราะพี่ก็หัดดูหนังเหมือนกัน เพราะว่าตอนที่เราไม่ได้เป็นนักแสดง เราก็ดูๆ ไป สักแต่ว่าดู แต่เดี๋ยวนี้พอเป็นนักแสดง เขาทำได้ยังไง พอหัดดูหนังปุ๊บ มันทำให้เราดูหนังได้สนุกขึ้น
อีกอย่าง พอเห็นคำว่า “หนังเทศกาล” แปะหน้าโปสเตอร์ เขาก็จะเหวอๆ กันแล้ว
อย่าไปกลัวคำว่าเทศกาลเลยครับ ควรคิดว่ามันเป็นการการันตีอย่างหนึ่งดีกว่า ผ่านคิวซี ผ่านการกลั่นกรองมาให้แล้ว ดีซะอีก แต่พอไปมองว่า โอ้ เป็นหนังฉายเทศกาล หนังต่างประเทศ ดูไม่เข้าใจ ฝรั่งเขายังอยากรอดูเลย ทำไมคนไทยไม่ชื่นชม ไม่ต้องเป็นหนังที่ผมเล่นก็ได้ เป็นหนังของใครก็ได้
แล้วหนังของใครบ้างครับที่พี่ปูประทับใจมากเป็นพิเศษ
ซามูเอล แอล แจ็กสัน เป็นดาราคนหนึ่งซึ่งผมประทับใจมาก ถ้าบอกว่าผมอยากจะเป็นซามูเอล แอล แจ็กสัน เมืองไทย ก็ไม่กระดากปากที่จะพูดแบบนั้นเลย ถ้ามีวาสนาพอ หรือว่ามีประสบการณ์การทำงานหรือได้บทที่หลากหลายแบบเขา
ผมรู้สึกว่าเขาเป็นหนึ่งในนักแสดงที่เก่งมากๆ เขามีพลัง คาแรกเตอร์ชัดเจน เขาสามารถเป็นคนที่นุ่มนวล เขาสามารถเป็นคนที่เข้มแข็ง เราเห็นเขาได้ในหลากหลายคาแรกเตอร์มาก เหมือนกับเราที่รู้สึกดีใจเหมือนกันที่ได้มีคาแรกเตอร์ที่หลากหลาย ด้วยวัยของเรา เราคงไม่ได้ขายลุกที่เป็นแฮนด์ซัมลุคอยู่แล้ว เราต้องขายลุคที่หลากหลาย และตลอดระยะเวลากว่าเจ็ดปีที่ผ่านมา เราได้เล่นหลายบท ตั้งแต่เป็นกษัตริย์ คนซ่อมจักรยาน หรือแม้แต่คนขับแท็กซี่และนายพล ไปจนกระทั่งถึงบทพระเจ้า คือถ้าเราไปติดแค่เล่นเป็นนายพลอย่างเดียวตลอด แสดงว่าคาแรกเตอร์ของเราไม่หลากหลาย
ดังนั้น พอเราได้รับโอกาสที่หลากหลายอย่างนี้ แสดงว่าเรามีชอยส์เยอะ เขาให้ชอยส์เราเยอะ ตรงนี้ก็คงคล้ายๆ กับซามูเอล แอล แจ็กสัน เหมือนกันที่เขาได้คาแรกเตอร์ที่หลากหลาย หรือคนอื่นๆ อย่างเช่น แอนโธนี่ ฮอปกินส์ เขาก็มีความหลากหลายมาก เราก็หวังว่าเราจะได้เล่นบทที่หลากหลายแบบนี้ต่อไปครับ
ภาพ : ปัญญพัฒน์ เข็มราช
อัปเดตหลากหลายเรื่องราวข่าวสาร สาระบันเทิงได้ที่แฟนเพจ mars magazine