แรงบันดาลใจอุบัติได้ท่ามกลางอุปสรรค อรรถพล หรรษาภิรมย์โชค

ในโลกที่การแข่งขันทางธุรกิจคือความท้าทาย และไม่ใช่ทุกคนจะฟันฝ่าทุกสิ่งได้ดั่งหวัง แต่กับ อรรถพล หรรษาภิรมย์โชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีอี โซลาร์ ซิสเท็มส์ จำกัด นักธุรกิจรุ่นใหม่วัยเพียง 30 ปี มีมุมมองด้านการใช้ชีวิตที่น่าสนใจ กลับนำพาองค์กรฝ่ามรสุมได้อย่างน่าทึ่ง

สิ่งสำคัญคือผู้ชายอายุเท่านี้ น่าจะกำลังสนุกอยู่กับการใช้ชีวิตเที่ยวเตร่ไปวันๆ แต่เพราะเจ้าตัวมีปรัชญาทางพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว จึงพาชีวิตก้าวไปข้างหน้าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เรื่องราวของเขาน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้ดี ในฐานะบุคคลผู้ประสบความสำเร็จด้วยความตั้งใจ และแสวงหาโอกาสให้ตัวเอง

อรรถพล หรรษาภิรมย์โชค หรือ บาส สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะมนุษยศาสตร์ เอกท่องเที่ยวและโรงแรม มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ จากนั้นราวปี 2550 เดินทางไปเรียนภาษาตามด้วย Business Course ก่อนศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้านการตลาดที่ University of Greenwich กรุงลอนดอน

ชีวิตเริ่มต้นด้วยการค้นพบตัวเอง
“ผมเติบโตมาในครอบครัวฐานะปานกลาง ชีวิตเป็นปกติไม่ได้มีอะไรหวือหวามาก เรียนหนังสือ เข้ามหาวิทยาลัย จบออกมาทำงาน การเลือกสาขาที่เรียนก็ค่อนข้างตรงกับแผนที่วางไว้ แต่ไม่ได้ไกลขนาดว่าจะทำอาชีพอะไร ดังนั้นมันจึงเป็นการค่อยๆ ค้นพบตัวเองเหมือนวัยรุ่นทั่วไป

“ผมเป็นคนชอบเรื่องการสื่อสาร และท่องเที่ยว จึงลงเรียนการท่องเที่ยว และโรงแรม ซึ่งจริงๆ วางไว้ตั้งแต่ตอนอยู่มัธยมแล้วครับ อันนี้ไม่ได้ปรึกษาใคร อีกส่วนหนึ่งเหตุผลคือเป็นคนไม่ชอบคำนวณเลยหาคณะที่มีวิชาเลขน้อยภาษาเยอะๆ

“สำคัญคือวางแผนเอาไว้ว่าต้องไปศึกษาต่างประเทศ การเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษนี่คือความฝันอย่างหนึ่งครับ เพราะผมเป็นแฟนสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (หัวเราะ) อีกอย่างคือชอบความเป็นอังกฤษ ชอบวัฒนธรรมของเขา ดูมีเอกลักษณ์น่าสนใจ

“ช่วงก่อนไปอังกฤษ ผมคิดเป้าหมายเอาไว้ 2 อย่างต้องได้จากการไป หลักๆ คือเรียนจบปริญญาโท เป้าหมายที่สองคือมีธุรกิจเป็นของตัวเองที่นั่น ซึ่งผมสามารถทำได้ทั้งสองอย่าง การเรียนปริญญาโทให้ประสบการณ์เยอะมาก แน่นอนว่าคือเรื่องแนวคิดการทำธุรกิจ มีโอกาสได้เปิดร้านเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเอง เราต้องทำงานไปด้วยในขณะเรียนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากที่บ้านส่งให้

ถึงเวลาสร้างแบรนด์ให้ตนเอง
“ร้านเสื้อผ้าที่ผมทำนั้นค่อนข้างตอบโจทย์ที่เรียนมา โดยเฉพาะเรื่องการตลาด ซึ่งผมต้องปรับตัว และต่อสู้ค่อนข้างมาก ดีที่ทำเลร้านอยู่ใน ย่านแคมเดน (Camden Town) ค่อนข้างมีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยว มันจะคล้ายๆ กับจตุจักรบ้านเรา

ก่อนเปิดร้านเสื้อผมไม่ได้คิดเลยนะครับว่าจะทำตรงนี้ แต่เป้าหมายคือต้องมีธุรกิจ เคยมองเรื่องร้านอาหารไว้ด้วยนะครับ แต่อยู่นานเข้าเราซึมซับวัฒนธรรม ซึมซับแฟชั่นจึงมองเรื่องของตลาดเป็นสำคัญ

“นี่คือจุดเริ่มต้นของเสื้อผ้าแบรนด์ Blacksmith (แบล็คสมิท) เน้นสไตล์สตรีทแวร์ แต่งร้านให้ดูแนวอินดัสเทรียล ตั้งแต่วันแรกที่เปิด เจ้าของพื้นที่เขามาซื้อของที่ร้านคุยกับเราแล้วเสนอว่าสนใจจะเปิดอีกร้านไหม ครั้งแรกผมไม่สนใจเพราะเพิ่งเริ่มต้น เขามาบ่อยมากจนเราคิดว่าลองดูก็ได้ หลังพาไปดูพื้นที่ที่ปกติคนรอคิวยาวเป็นปี แต่เขาให้เราเพราะชอบสไตล์การแต่งร้าน สรุปจึงเปิดสาขา 2 ลูกค้าก็ให้การตอบรับดี ผมคิดว่าตรงนี้ค่อนข้างโอเคนะ เพราะอายุ 25 เอง มีร้าน 2 สาขาแล้ว จากนั้นประมาณปีเศษ ต้องกลับเมืองไทยจึงให้เพื่อนดูแลร้านดูแลต่อ สักพักเพื่อนก็ต้องไปทำอย่างอื่นครับจึงไม่มีแล้วตอนนี้”

การเป็น ‘ลูกน้อง’ คือประสบการณ์อันยิ่งใหญ่
“กลับมาเมืองไทยเริ่มต้นทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ อันที่จริงเริ่มต้นสนใจตั้งแต่อยู่อังกฤษแล้วครับ ตอนนั้นมองว่าช่วงแรกยังไม่ได้อยากเปิดธุรกิจของตัวเองทั้งที่ไม่มีประสบการณ์เป็นลูกน้องใคร ผมจึงทำงานในบริษัทหนึ่งที่พัทยา ก็ค่อนข้างดีครับ ได้ประสบการณ์เยอะมาก ได้เรียนรู้ สนุกมาก

“งานที่ผมทำได้รอบด้าน ซึ่งตำแหน่งตรงกับที่เรียนคือ Sale marketing director ดูแลคอนโดในระดับ Super Luxury สิ่งที่ได้คือประสบการณ์เรื่องเจรจาต่อลองกับทางลูกค้า การทำสัญญาต่างๆ ถ้าพูดถึงเรื่องตำแหน่งรับผิดชอบก็ค่อนข้างโอเคกับตรงนี้ ประสบความสำเร็จนะครับ แต่มันมีเรื่องของจุดอิ่มตัว เราต้องก้าวขึ้นมาอีกขั้น

เริ่มสร้างอาณาจักรแห่งพลังทดแทน
“ได้ยินคำว่าโซลาร์เซลล์ หรือพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ครั้งแรกจากเพื่อนชาวเช็ก เขาเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งในยุโรป ตอนนั้นไม่รู้ลึกซึ้งว่ามันคืออะไร เราไม่ได้จบด้านเอ็นจีเนียร์ ตอนคุยกันเรื่องตัวธุรกิจนี้ผมสนใจมากจึงลองศึกษาดู กลับมามองประเทศไทยทำไมเราถึงไม่เคยเห็น ทั้งที่บ้านเขาในแง่ทรัพยากรแสงอาทิตย์สู้เราไม่ได้ พื้นที่หลังคาเราเยอะ พื้นที่ว่างก็มาก แล้วทำไมเราไม่ส่งเสริมตรงนี้

“เห็นมีในบ้านเราคือลักษณะโซลาร์ฟาร์ม เป็นกลุ่มของบริษัทใหญ่ๆ ที่เขาทำกันตามต่างจังหวัด อย่างในยุโรปเขาทำทั้งโซลาร์ฟาร์ม (Solar Farm) และโซลาร์รูฟ (Solar Roof) ตามหลังคาบ้าน – โรงงาน ผมเวลาช่วงท่องเที่ยวที่ยุโรป ไปพร้อมๆ กับศึกษาดูงานในบริษัทของเพื่อนนี่แหละ เข้าอบรม สัมมนา ศึกษาด้านธุรกิจด้านพลังงานแสงอาทิตย์ ดูว่าจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในเมืองไทยได้อย่างไรให้มากที่สุด

แสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานไม่มีวันหมด คือพลังงานสะอาดที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ และตัวเองอยากจะทำธุรกิจสักตัวที่ยั่งยืน สะอาด มีประโยชน์กับลูกค้า ซึ่งในกรณีนี้คือช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าไฟสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่ดี ธุรกิจนี้น่าจะตอบโจทย์ในทุกมิติของการทำธุรกิจซึ่ง impact กับทุกฝ่าย หรือเรียกว่า ธุรกิจที่ยั่งยืนสะอาดและ สร้างสรรค์”

ความท้าทายในสังคมที่เรื่องพลังงานทดแทนยังไม่ถูกกล่าวถึงมากนัก
ต้องยอมรับว่ามีเรื่องทัศนคติของคนไทย เมื่อพูดถึงโซลาร์เซลล์จะบอกว่าแพง แต่นั่นมันคืออดีต แต่ ณ ปัจจุบันราคาลงมาเยอะมาก อยู่ในระดับที่จับต้องได้ แต่อาจยังขาดกลไกอะไรบางอย่างอันจะทำให้โซลาร์เซลล์บูมขึ้นมาเหมือนในต่างประเทศ อาจด้วยนโยบายทางภาครัฐยังส่งเสริม หรือสนับสนุนไม่เต็มที่เหมือนในต่างประเทศเขารองรับตรงนี้ เช่นมีส่วนของ Financial เข้ามา เขาไม่ต้องลงทุนอะไร มีลักษณะของ โซลาร์ลิซซิ่ง จ่ายเป็นรายเดือน เงินที่คุณจ่ายรายเดือนก็ต่ำกว่าราคาค่าไฟปกติ

“ช่วงเริ่มทำบริษัท ดีที่ทางภาครัฐกำลังตื่นตัว และมีนโยบายสนับสนุน แม้ไม่ใช่ระดับสเกลใหญ่อย่างโซลาร์ฟาร์ม เขาสนับสนุนในส่วนติดตั้งตามบ้าน และอาคารโรงงานบางส่วน คือระดับเล็ก และระดับกลางขึ้นมา ประจวบเหมาะกันพอดี คนไทยได้รับข้อมูลมากขึ้น ตื่นตัวกับระบบพลังงานตรงนี้ ภาครัฐมีนโยบายเกี่ยวกับการรับซื้อไฟฟ้าในอัตราพิเศษ ตรงนี้ช่วยสร้างแรงจูงใจให้ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ของผมเป็นเอกชนนะครับ ผมเน้นโซลาร์รูฟ ติดตั้งได้ตามหมู่บ้าน อาคารโรงงาน ผลตอบรับตามตั้งเป้า แม้มันไม่ได้ใหญ่โตอะไร

“ผมแบ่งโซลาร์ออกเป็น 2 แบบ แบบแรกคือ Self Consumption ติดตั้งเอาไว้ลดค่าไฟ อย่างเช่นเสียค่าไฟอยู่หนึ่งหมื่นบาทต่อเดือน ติดตั้งตัวนี้ไปขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ซึ่งคุณอาจลดค่าใช้จ่ายไปได้ถึง 50% อีกแบบหนึ่งคือขายไฟ ทางรัฐบาลจะให้สัญญามาเลย 25 ปี โดยกำหนดเป็นอัตราฟิก ตัวอย่าง 6.85 บาท หากสามารถผลิตได้เขาจะรับซื้อที่อัตรานี้ ถ้าเป็นลักษณะบ้านต้องแตะประมาณไม่เกิน 10 กิโลวัตร ส่วนเป็นโรงงานก็ตั้งแต่ 10 กิโลวัตรขึ้นไปจนถึง 1 เมกกะวัตร”

อนาคตของ วีอี โซลาร์ ซิสเท็มส์
“ตอนนี้ผมไม่ได้มองแค่ในประเทศไทย มองไปยังตลาดเพื่อนบ้าน แต่ ณ ปัจจุบันเมืองไทยเราถือว่าพร้อมสุด เป็นผู้นำด้านโซลาร์เซลล์ในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราคืออันดับหนึ่ง เราจึงอยากใช้ตรงนี้เป็นฐานในการขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในอนาคตผมอาจทำเป็นแพ็คเกจ เป็นแบบไฮบริดจ์ มีทั้งโซลาร์ ระบบแบตเตอรี่อะไรขึ้นมา เอาไปขายต่างประเทศ”

อุปสรรคเป็นเพียงทัศนคติ ให้ประโยชน์มากกว่าคำว่าท้อถอย
โดยส่วนตัวผมมองเรื่องอุปสรรคไปในเชิงของทัศนคติ การทำงานทุกอย่างมีอุปสรรคแน่นอน ผมมองมันเป็นประสบการณ์ เป็นประโยชน์ เป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ไม่ได้มองว่าอุปสรรคจะมาขัดขวางอะไรเรา

ดูแลจิตใจด้วยแก่นของธรรมะ
“จุดเริ่มต้นศึกษาธรรมะเกิดจากความบังเอิญ ในช่วงประมาณสองปีเศษผมยังทำงานอสังหาฯ จิตใจเรานิ่ง ปกติ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องชีวิตอะไรนะครับ ตอนนั้นรู้สึกอยากศึกษาจิตใจของเราเอง อยู่ๆ มันผุดขึ้นมา คือผมยังไม่ได้บวชนะ จึงลองไปค้นหาในกูเกิลดู บังเอิญไปเจอลิงค์หัวข้อเรื่องการฝึกใจ เป็นลักษณะของพระเทศน์ ซึ่งตอนแรกผมไม่ได้นึกถึงเรื่องธรรมะ

“พอลองฟังพระที่เทศน์เรื่องนี้คือหลวงปู่ชา (วัดหนองป่าพง) ตอนนั้นเราไม่รู้จักท่าน เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตั้งใจฟังธรรมะ อาจเพราะ ณ เวลานั้นอยากรู้ จึงมีความตั้งใจฟังคลิปความยาวประมาณ 40 นาที ระหว่างฟังใจมันสะท้าน เราไม่เคยได้ยินธรรมะแบบนี้มาก่อนทั้งที่ได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธ พูดถึงแนวทางปฏิบัติ พูดถึงการฝึกจิตใจ เป็นอะไรที่ลึกซึ้ง ประณีต เป็นเหตุเป็นผลมากๆ ผมจึงคิดว่านี่แหละ เป็นสิ่งที่เรียกว่าแก่นของธรรมมะจริงๆ สิ่งที่เราเคยทำมา เคยเข้าวัด การที่เราไปตีระฆัง ปิดทอง หยอดตู้ บนบานศาลกล่าว อันนั้นมันไม่ใช่ อันนั้นมันเป็นแค่เปลือก

“หลังจากวันนั้นไม่เคยหยุดศึกษา ผมฟังธรรมะแทบทุกวัน จนเดี๋ยวนี้ไม่ได้ฟังเพลงในรถเลยมันทำให้ผมมองเห็นความเป็นจริงในชีวิต สิ่งที่ผมได้มามันอธิบายไม่หมดหรอกครับ เพราะได้ทุกอย่าง แน่ๆ คือหลักในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง

“ถ้าพูดเรื่องของการทำงาน ท่านสอนว่าทำงานเพื่องาน แล้วเรามีความสุขไปกับงาน ไม่ใช่ทำงานเพื่อเอาเงินไปซื้อความสุข ถ้าเราตั้งเป้าได้ถูกว่าทำเพื่ออะไร เราจะมีความสุข อุปสรรค หรือปัญหาอะไรเข้ามาก็ตามเราจะมีความสุขไปกับมัน ตรงนี้สิ่งที่ได้คือถ้าเรามีความสุข เรียนรู้สิ่งต่างๆ ไปด้วย งานก็สำเร็จ จิตใจก็พัฒนาด้วย มันมีประโยชน์รอบด้าน
ขอบคุณสถานที่
Hotel Muse ,Bangkok : Hotel : Bar : Italian Restaurant
026304000
www.hotelmusebangkok.com

และ
www.vesolar.com

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE