เรื่อง : เอกลักษณ์ มุสิกะนันทน์
ภาพ : instagram dutdew
ไม่ว่าคุณเชื่อเรื่อง ‘พรหมลิขิต’ หรือไม่ อย่างน้อยการมาพบกันของคนสองคนย่อมมีที่มาที่ไป และ ‘ความรัก’ ดูเหมือนจะเป็นเหตุผลสำคัญทำให้พรหมลิขิตกลายเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้น
ในโอกาสวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ mars ขอเสนอภาพความรักของหนุ่มสาวที่กำลังถูกจับตาจากสังคมอยู่ ณ เวลานี้ ทั้งคู่ไม่ได้เป็นผู้มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง หรือไฮโซระดับพรีเมี่ยมที่ไหน แต่กลับได้รับความสนใจ เพราะคือการผสานกันอย่างลงตัวของความแตกต่าง เมื่อคนหนึ่งคือผู้หญิงข้ามเพศ และอีกฝ่ายเป็นทอมบอย
‘ดุจดิว – ธีรวิวัฒน์ บุตรตะยา’ และ ‘อีฟ – ภัสสชา รัตนนัย’ คู่รักที่กลายเป็นหัวข้อสนทนาทั้งบนโลกโซเชียล และถูกทาบทามออกสื่อหลายแขนง เพื่อบอกเล่าความแปลกใหม่เกี่ยวกับรสนิยมทางเพศ เกิดเป็นคำถามว่าอะไรทำให้โลกกลับตาลปัตรขนาดนี้ เพราะเพียงหญิงรักหญิง ชายรักชาย ก็เข้าใจยากอยู่แล้ว แต่นี่สาวประเภทสองกลับมาตกล่องปล่องชิ้นกับทอมบอย ซึ่ง ‘ดุจดิว’ เปิดใจตอบข้อซักถามกับ mars online ถึงจุดเริ่มต้น และมุมมองด้านความรักของทั้งสองคน
จุดเริ่มต้นแห่งความรัก
“ก่อนที่จะมีวันนี้ความรักของเราสองคนเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อปี 2552 อีฟตามรุ่นพี่มาดูอัลคาซ่าร์โชว์ เพราะชอบดูการแสดงของกะเทยมาก ดิวก็เห็นว่าเขาเป็นทอมคนนึง ไม่คิดว่าจะมาชอบเราอยู่แล้ว
“พอรู้จักกัน ความรู้สึกตอนนั้นมันเป็นเหมือนพี่เหมือนน้อง แค่ทักทายกัน เจอกันบ้าง กระทั่งอีฟเริ่มมาหยอดเราใน IG ว่า น่ารักจัง ด้วยความเป็นกะเทยนะ พอเขาแซว เราก็แซวกลับว่า น่ารักก็มารักเค้าสิ จากนั้นมาก็หยอดเราตลอด จนเรามั่นใจว่าเขาจีบเราแน่ๆ ก็ตกใจนะคะคิดว่ามันจะไปกันได้หรือเปล่า ดิวเลยถามตรงๆ ว่า จีบหรือเปล่าอีฟสารภาพว่าใช่ แล้วสักพักขอเป็นแฟน ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่
“ถามตัวเองว่ามันจะดีหรอ เราเป็นกะเทย เขาเป็นทอม แต่ก็คิดว่าถ้าจะมีคนมารู้สึกดีๆ กับเราจริงๆ เราก็ควรที่จะสนใจและลองดูดีกว่าปล่อยให้เขาผ่านไป” 
ความรักที่ไม่ต้องฝืนตัวเอง
“สิ่งหนึ่งทำให้รู้สึกดี คือการอยู่กับเขาทำให้เราสามารถแสดงความเป็นตัวของตัวเองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องแอ๊บ เพราะปกติสาวประเภทสองเวลามีแฟนเป็นผู้ชายแล้วไปออกเดท เราก็ต้องทำตัวให้เป็นผู้หญิงมากที่สุด เพราะเชื่อว่าผู้ชายเค้าคงรับไม่ได้ในบางสิ่งบางอย่างที่เราเป็น ถ้าต้องพยายามทำให้เขารู้สึกดีจนไม่เป็นตัวเรามันคงไม่มีความสุข ส่วนกับอีฟไม่ต้องเสแสร้ง เขารับได้ในสิ่งที่เราเป็นทุกอย่าง ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้”
มุมโรแมนติก
“ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครให้ดอกไม้เลย (หัวเราะ) อีฟนี่แหละค่ะ ซื้อให้เราในวันวาเลนไทน์ปีที่แล้ว หอบมาเซอร์ไพรส์ให้ถึงพัทยา เป็นเรื่องที่ประทับใจมาก บอกได้เลยนะว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ คือวันที่อีฟได้หัวใจดิวไปเลย“
ไม่นำอนาคตมาเป็นข้อจำกัดความรัก
“ไม่ได้มองถึงอนาคตเลยนะคะว่าจะต้องอยู่กันไปสิบปียี่สิบปี หรือถึงขั้นจดทะเบียนสมรส มองแค่ทำวันนี้ของเราทั้งคู่ให้มีความสุขก็โอเคแล้วนะ”
สำหรับคนอื่นที่ยังไม่เข้าใจ
“มันเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ในสังคมพอสมควร เพราะคนอื่นมองว่าผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชาย หรือสาวประเภทสองต้องต้องมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ดิวว่าถ้าเรามองในมุมของความรัก มันไม่จำกัดนะคะว่าผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชาย ความรักมันสามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก คนแก่ ทอม สาวประเภทสอง คือถ้ามองในแง่ของความรักมันไม่มีขอบเขต อยากให้ทุกคนที่มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลก ลองเปิดใจมามองในแง่ของความรักดีกว่า”
นิยามความรักของ ‘ดิว’
“ทำทุกนาทีที่เราอยู่ด้วยกันให้มีความสุขก็พอค่ะ ไม่ต้องไปมองถึงอนาคตว่าต้องมีความสุขมากมาย และความเข้าใจเท่านั้นค่ะสำคัญที่สุด อย่างอีฟเป็นทอม เราเป็นกะเทย ถ้าไม่มีความเข้าใจให้กันทั้งคู่มันก็ไปไม่ได้”
พรหมลิขิตของทอม และกะเทย
“ดิวเชื่อเรื่องพรหมลิขิต ลองมามองในอีกมุมถ้าดิวเป็นผู้ชาย แล้วอีฟเป็นผู้หญิงเราอาจเป็นเนื้อคู่กันก็ได้ แต่มันบังเอิญว่ากลับมีจิตใจที่มันตรงข้ามกับเพศกำเนิดของเรา สุดท้ายเราสองคนก็ถูกพรหมลิขิตนำพาให้มาเจอกัน”
ครอบครัวที่เข้าใจทำให้ความรักเดินต่อ
“แม่ของดิวไม่มองว่าเราเป็นอะไร แต่เป็นห่วงเรื่องชีวิตลูก ว่าคนที่เขามาจะเป็นอย่างไร ขอให้เป็นคนดีไม่มาหลอกก็พอ เพราะเห็นว่าการเป็นสาวประเภทสองมักมีผู้ชายมาหลอกเอาเงิน ซึ่งเรื่องอีฟแรกๆ ก็อธิบายให้ฟังว่าเขาไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เรารู้จักอีฟมาหลายปีเขาคือคนดีมากๆ และเท่าที่ดูก็ไม่ได้มาหวังเอาอะไรจากเรา กระทั่งแม่กับพ่อได้เจอก็รู้สึกโอเค และดีใจถ้าจะมีใครสักคนมาคอยดูแลเรา ส่วนครอบครัวของอีฟก็เจอกันบ่อย เขาเห็นดิวเป็นลูกคนนึงเลย” 
มีรักย่อมต้องมีสิทธิใช้ชีวิต
“อยากให้สังคมไทยเข้าใจพวกเรา ตรงนี้ดิวไม่ได้หมายถึงแค่สาวประเภทสอง กับทอมนะคะ ขอรวมไปถึงบุคคลเภทที่สามทุกคน อยากให้เปิดโอกาสในเรื่องการจดทะเบียนสมรส ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายกับผู้ชาย ผู้หญิงกับผู้หญิง เพราะพวกเราทุกคนก็อยากมีสิทธิเท่าเทียม เหมือนในบางประเทศเขาให้สาวประเภทสองใช้คำนำหน้านางสาวได้เลย 
ความรักกับวันวาเลนไทน์
“ดิวเชื่อว่าพรหมลิขิตมีจริง เราไม่ต้องไปเรียกร้องที่จะมีความรัก และไม่ต้องเรียกร้องความรักจากใคร แค่ให้ความรักของเรากับคนอื่น สุดท้ายอาจได้ความรักที่ยิ่งใหญ่กลับมา ดิวว่าตรงนี้คือความสุข เพราะทุกวันคือวันแห่งความรักสำหรับดิว”
จากบทสัมภาษณ์สาวประเภทสองอย่าง ‘ดิว’ หวังว่าจะทำให้เห็นภาพความรัก ซึ่งสมควรมองข้ามผ่านความต่าง หรือความแปลกของรสนิยมทางเพศ อย่ายึดติดกับข้อจำกัดที่ถูกฝังหัวมาว่าความรักเกิดกับเพศที่ถูกต้องเท่านั้นคือความสมบูรณ์ หรือเป็นสิ่งปกติ
อย่างที่ดิวได้กล่าวไว้ว่า “ความรัก มันไม่จำกัดว่าผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชาย ความรักสามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย” ขอเพียงเปิดใจ โลกใบนี้น่าจะกลายเป็นสีชมพู และทุกวันคือวันวาเลนไทน์สำหรับทุกคน