Marsmag.net

'ชีวิตมันมีค่า โคตรโชคดีที่ไม่ตาย' คำสารภาพของ ‘แตงโม ภัทรธิดา’

เรื่อง : PAN
ภาพ : ลัคณา วิรุณานนท์

ในฐานะนักสัมภาษณ์ สิ่งหนึ่งที่เราต้องทำขณะอยู่หน้างานก็คือ ‘สังเกตอารมณ์’ ของผู้ที่จะให้สัมภาษณ์ว่าอยู่ในลักษณะใด…รีบ เหนื่อย เบื่อ หรือพร้อม

ขณะที่เรามอง ‘แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์’ โพสท่าถ่ายแฟชั่นอยู่นั้น เธอดูร่าเริงและจริงจัง แววตาไม่มีความเศร้าหรือกังวลใดๆ อีกแล้ว จะเหลือก็แต่ความเหนื่อยล้าจากจำนวนงานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหลือเค้าหญิงสาวผู้พ่ายแพ้เมื่อปีก่อน

นั่นจึงพอสรุปคร่าวๆ ได้ว่า เธอ ‘พร้อม’ สำหรับการให้สัมภาษณ์ และ ‘กลับ’ มาคราวนี้เธอมีพลังงานอย่างล้นเหลือที่จะใช้ชีวิตต่อไป

แต่จะพร้อมแค่ไหน? กลับมาเป็นคนเดิมหรือไม่? และสิ่งใดที่ทำให้เธอฟื้นฟูตัวเองได้เร็ว?
คำตอบอยู่ในบทสัมภาษณ์นี้

ดูๆ แล้วชีวิตตอนนี้ก็กลับมาสดใสเหมือนเดิมอีกครั้ง เอากำลังใจมาจากไหน
พระเจ้าค่ะ โมค่อนข้างจะเคร่งศาสนามากในช่วงหลังๆ เพราะว่าโมห่างหายจากศาสนาไปนานมาก 29 ปีเห็นจะได้ คือเกิดมาเป็นคริสเตียนนะแต่ว่าเป็นลูกแกะที่หลงหายไป 29 ปี กลับมาสนิทกับพระเจ้าตอนช่วงแต่งงาน แต่ช่วงแต่งงานเราก็มีจังหวะที่ห่างไปอีก แต่หลังๆ พอดีว่าโมมีเพื่อนที่สนิทคบกันมา 10 ปีแล้วเป็นผู้หญิง เขาเป็นสาวออฟฟิซมาเช่าบ้านเราอยู่ ซึ่งตอนหลังเขาก็มารับความเชื่อ โมเลยมีเพื่อนไปโบสถ์ มีเพื่อนไปสามัคคีธรรม มีเพื่อนไปเรียนพระคัมภีร์ เป็นกำลังใจให้กันและกัน สอนเตือนกันและกัน ซึ่งเราเลยรู้สึกว่าพระเจ้าวางแผนให้เราอย่างดีมาก

คำสอนของพระเจ้าที่ติดตรึงใจเราคืออะไร
เป็นเรื่องของการให้อภัย ถ้าคนคิดถึงศาสนาคริสต์จะนึกถึงว่าเป็นศาสนาแห่งความรัก การให้อภัย หลักๆ ก็คือรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เรื่องการให้อภัยนี่ค่อนข้างสำคัญเพราะว่าพระเจ้าส่งพระเยซูมาตายไถ่บาปแทนเรา ให้อภัยต่อบาปทั้งหมดของเรา คริสเตียนที่อยากจะเป็นเหมือนพระเยซูต้องฝึกให้อภัยให้ได้เร็ว ถ้าเขาตบแก้มขวา จงเอียงแก้มซ้ายให้เขาตบ ตอนแรกโมก็ทำไม่ได้ แต่มีกรณีหนึ่งที่โมทำลงไปแล้วโมรู้สึกว่าแฮปปี้ที่ได้ให้นะ

เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งมีรายการของค่ายใหญ่เขาเอาเรื่องครอบครัวเราไปล้อบนเวที ซึ่งหลายๆ คนก็คอมเมนต์มาว่าทำไมเขาเล่นแรงจังเลย เราก็รู้สึกอย่างนั้น นี่เป็นการตบหน้าเราข้างหนึ่ง ลึกๆ โมก็รู้สึกโกรธนะ แต่พอมานึกถึงคำสอนแล้ว ถ้าเราเอาศัตรูมาเป็นเพื่อนเรา เราก็จะไม่มีศัตรู โมก็เลยโพสต์บอกว่าอย่าไปว่าทางค่ายนั้นเลย เพราะก่อนที่จะมีการแสดงชุดนี้เขาได้โทรมาขออนุญาตทางบ้านโมแล้วซึ่งโมตอบตกลงไป ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้โทรมาขอหรอก นี่คือการหันอีกข้างให้เขาตบ แล้วทางค่ายโน้นก็ขอโทษและขอบคุณเรามา ซึ่งโมก็รู้สึกดี มันมีความเป็นมิตรเกิดขึ้น ถ้าเราไปบู๊ใส่ก็จะเป็นเหมือนแตงโมคนก่อน มันก็พัง กลายเป็นโมก้าวร้าวผู้ใหญ่อะไรไป แต่พอเราเข้าใกล้พระเจ้าแล้วพระเจ้าอยากให้เราเป็นแบบนี้

พระเจ้าบอกอะไรเราตรงๆ ไหม
มีนะ โมเคยรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในวงการนี้แต่ว่าชีวิตโมโลดโผนเหลือเกิน เราก็มานั่งคิดว่ามันโลดโผนเกินคนในวงการนี้เกินไปหรือเปล่าในฐานะที่มีคำว่านางเอกค้ำอยู่ เพราะส่วนใหญ่พระเอกนางเอกจะไม่โลดโผนมาก เขาจะมีชีวิตกันในแบบที่พอเข้าใจได้ในหลายๆ เหตุการณ์ แล้วโมก็มีความรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไม่มีความสุข แต่พอเราเข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้น อธิษฐานขอหรืออะไรก็ตามในความสงสัยของเราว่า ในจุดที่เรายืนอยู่คืออะไร? แล้วทำไมเราไม่หายไปจากวงการนี้สักทีทั้งๆ ที่เรามีคนแอนตี้อยู่? แล้วโมก็ได้คำตอบจากพระเจ้าในภายหลังว่าพระเจ้าไม่ได้ใช้คนที่ดีพร้อม แต่พระเจ้าใช้คนที่อ่อนแอหรือคนที่เหมือนจะใช้ไม่ได้ ใช้คนคนนี้ให้ขึ้นมาเป็นประโยชน์กับคนอื่น

พระเจ้าบอกให้ใช้ชีวิตโมสอนคนอื่นว่ามีพระเจ้าแล้วดียังไง ให้คนอื่นได้เห็น ล้มแล้วลุกขึ้นมาได้เร็วแค่ไหน หน้าที่หลักของคริสเตียนคือการบอกเล่าเรื่องราวของพระเยซูให้คนอื่นได้รู้ โมเลยมีความรู้สึกว่าการที่เราอยู่ในวงการนี้แล้วเป็นคนของประชาชน อยู่ในที่สว่าง มันเป็นที่ที่โมจะประกาศได้เยอะที่สุด อยู่ที่ว่าเราจะทำตัวให้พร้อมที่จะประกาศหรือยัง อย่างพี่โบ ไทรอัมพ์ส คิงดอม ชีวิตเขาโลดโผนมาก แต่ทำไมเขาถึงกลับมาได้ จนตอนนี้เป็นครูสอนพระคัมภีร์ไปแล้ว เหมือนแผนการของพระเจ้ามีเป้าหมายเสมอ โมก็เลยได้คำตอบตรงๆ จากสิ่งที่โมถาม

ทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี แต่ท้ายสุดเรายังโกรธกัน ฆ่ากัน เพราะอะไร
เพราะเราเป็นมนุษย์มากขึ้น เชื่อมั่นในความเป็นมนุษย์ เราต้องหาคำตอบว่าเราเกิดมาจากไหน ตายแล้วไปไหน ในทางศาสนาพุทธบอกว่าชาตินี้เราทำบุญได้เกิดมาเป็นคน เราก็อย่าไปทำบาปเพิ่ม ชาติหน้าจะได้เกิดมาเป็นคนอีก แต่เราก็ไม่ได้นึกถึงตรงนั้นสักเท่าไหร่ ไม่ได้คิดถึงสิทธิในการเกิดเป็นมนุษย์ ในคริสเตียนพระเจ้าส่งเรามาเกิดบนโลกนี้เพื่ออะไร เพื่อประกาศข่าวประเสริฐ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แล้วเวลาตายไปคริสเตียนไม่มีชาติภพ แต่ตายแล้วจะเปิดบัญชีเหมือนกันว่าเราทำอะไรมาบ้าง ตามที่ไบเบิลทำนายไว้ทุกอย่าง ยุคหนึ่งมนุษย์จะฉลาดมากซึ่งก็คือยุคนี้แหละ มันก็คือยุคสุดท้าย แล้วยุคต่อไปพระเจ้าจะมา

อย่างคราวที่แล้วล้างโลกด้วยน้ำก็เหลือแค่ซากเรือโนอาห์ที่ตุรกี แต่คราวนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเหลืออะไร พระเจ้าจะมาตอนไหนไม่รู้ แต่พระเจ้าบอกว่าให้เตรียมตัวไว้เสมอ

สำหรับแตงโมแล้ว นิยามของพระเจ้าคืออะไร
พระเจ้าคือผู้สร้างทุกสิ่งบนโลก มันก็มีหลายๆ อย่างที่ฟ้องได้ว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่พระเจ้าสร้าง อย่างมนุษย์ไม่ได้เกิดจากปลาแล้วเป็นลิงแล้วเป็นมนุษย์ มนุษย์ก็คือมนุษย์ ถ้าเราพัฒนามาจากปลาแล้วเป็นลิงแล้วเป็นมนุษย์ทุกวันนี้เราก็น่าจะวิวัฒนาการไปอีกมากกว่านี้นะ แต่นี่เรายังเป็นมนุษย์อยู่เลย แล้วสากลก็ใช้วันทั้ง 7 ที่พระเจ้าสร้างไว้ ส่วนไบเบิลที่เขียนขึ้นเมื่อ 2,000 ปีที่แล้วมาจนถึงวันนี้ก็ยังเป็นหนังสือขายดีอยู่ คิดว่ามันไม่น่าจะใช่คนบ้าเขียนขึ้นมา จีนที่ต่อต้านศาสนาคริสต์มากทุกวันนี้ก็เป็นสถานที่ที่ผลิตไบเบิลมากที่สุด นักวิทยาศาสตร์ที่พยายามจะพิสูจน์ว่าพระเจ้าไม่มีจริงสุดท้ายก็ยอมเชื่อในเรื่องพระเจ้า วิทยาศาสตร์ในทางคริสเตียนมีความเชื่อว่าวิทยาศาสตร์กำลังตามหาสิ่งที่พระเจ้าได้สร้างไว้ ตามหาความจริงที่ยังพิสูจน์ไม่ได้

แล้วกับความรักล่ะ คำสอนของพระเจ้าบอกอะไรเรา
ความรักของโมมันเปลี่ยนไปเยอะแล้วตอนนี้ เราจะมีหรือไม่มีก็ได้นะสำหรับคำว่าแฟน แต่โมอยากมีลูก ส่วนผู้ชายยังไงก็ได้เลยเพราะโมมีพระเจ้าก็โอเคแล้ว ทำไมถึงอยากมีลูก? เรารู้สึกว่าสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกที่อยู่ในท้องมันเป็นสิ่งที่งดงาม มันเป็นความรักที่เราให้ได้โดยไม่มีเงื่อนไข แล้วเราก็ไม่ต้องหวังที่จะได้กลับคืน ส่วนคนอื่นๆ เลิกกันแล้วก็เป็นคนอื่น เราถูกเลี้ยงมาต่างกัน เขากับเราก็คิดไม่เหมือนกัน การที่จะอยู่ด้วยกันนี่มันยาก ถ้าจะให้ดีหาสามีที่เป็นคริสเตียนจะง่ายกว่าเพราะเขามีเข็มทิศเข็มเดียวกับเรา ทัศนคติเขาจะตรงกันกับเรา แต่ว่าทุกวันนี้ก็ยังหาไม่เจอนะ (หัวเราะ) แต่ว่าก็ไม่ได้พยายามที่จะหา เพราะเมื่อเราเชื่อในแผนการของพระเจ้าแล้วเราอยู่เฉยๆ ดีกว่า แล้วแต่ว่าพระเจ้าจะกำหนดให้เมื่อไหร่

ยังเชื่อเรื่องพรหมลิขิตอยู่ไหม
เชื่อ มันเป็นสิ่งที่พระเจ้ากำหนด ไม่ว่าจะแฮปปี้เอนดิ้งหรือไม่แต่โมคิดว่ามันเป็นพรหมลิขิตทั้งหมด ไม่มีความบังเอิญเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ พระเจ้ารู้พรุ่งนี้ของเรามากกว่าเรารู้เมื่อวานของตัวเอง เส้นผมของเราพระเจ้าก็นับไว้แล้วทุกเส้น

แล้วเรื่องความตายล่ะ พระเจ้าสอนอะไร
เรื่องความตายเป็นเรื่องที่ชาวคริสเตียนจะไม่ค่อยกลัว ไม่มีใครแก้เส้นทางที่พระเจ้าวางไว้ได้ เราต้องยอมจำนนกับเส้นทางนั้น ต้องยอมรับว่าสิ่งนี้ (เหตุการณ์ทำร้ายตัวเอง) เราผิดไปแล้ว นั่นคือสามัญสำนึกที่เรารู้สึกจริงๆ เราต้องอธิษฐานต่อพระเจ้าให้พระเจ้ายกโทษให้ แต่มันต้องเกิดจากความรู้สึกจริงๆ นะ

สำหรับความตายแล้ว ที่ที่เราจะไปเขาเรียกว่าเมืองบรมสุขเกษมหรือสวรรค์ ซึ่งก็คงเป็นที่ที่ดีสำหรับทุกๆ ศาสนา แต่ในคริสเตียนไม่มีชาติภพอื่น ตายแล้วก็ขึ้นสวรรค์ไปอยู่กับครอบครัวของเราที่เขาขึ้นไปก่อน ถ้าเราเชื่อในพระเจ้าแล้วเราจะได้ไปพบกันบนนั้นอีกครั้ง ความตายจึงไม่ใช่เรื่องเศร้า

มนุษย์พ่ายแพ้ได้ไหม
ได้ มนุษย์ต้องแพ้ ไม่แพ้ก็ไม่โต เป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะชนะตลอดเวลา เราต้องล้มต้องเรียนรู้ก่อน แพ้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี เมื่อเรารู้หนึ่งเราก็เป็นตัวอย่างให้คนอื่นอีกสอง มีแต่ดีกับดีนะ แล้วถ้าอยู่กับความพ่ายแพ้ได้เราจะรู้จักถ่อมตัว ไม่กร่าง

อยากฝากอะไรถึงคนที่กำลังท้อแท้ผิดหวังจนคิดว่าไม่น่าจะมีวันพรุ่งนี้
บางคนกำลังอยากตายอย่างที่โมเคยเป็น โมจะเฉลยว่าคนที่อยากตายแล้วไม่ได้ตายแต่ต้องฟื้นมาเจอกับความจริงที่ถาโถมเข้ามา หลังจากมรสุมคำประณามผ่านไปแล้วเราจะรู้สึกเลยว่าโคตรโชคดีที่ไม่ตาย เราจะรู้สึกเลยว่าชีวิตมันดีมันมีค่า มันอยากจะเริ่มทำอะไรดีๆ เพื่อตัวเองมากขึ้น

คือคนที่คิดฆ่าตัวตายเขาไม่คิดว่าจะฟื้นขึ้นมาหรอก แต่พอฟื้นแล้วรู้เลยว่าพระเจ้าไม่ให้ตาย โมรถคว่ำโมยังไม่ตายเลย พระเจ้าไม่ให้ตายจริงๆ แล้วสิ่งที่เราคิดอยู่ในใจตลอดคือ อาม่าโมโล้สำเภามาขึ้นที่ภูเก็ตแล้วก็เป็นอาจารย์สอนอยู่ในโบสถ์ เราก็คิดว่าจะเป็นแบบนั้นในบั้นปลาย คิดว่าพระเจ้าอยากให้ไปเป็น ณ จุดนั้น อย่างที่บอก พระเจ้าไม่อยากใช้คนที่ดีพร้อม แต่ใช้คนที่ไม่น่าใช้ได้นี่แหละเป็นตัวอย่างให้คนอื่น