ถ้าพูดถึง ‘นางแบบ’ หลายคนอาจเข้าใจกันว่าจะต้องเป็นสาวสวย ผิวขาวใส รูปร่างเซ็กซี่ มากพอที่จะดึงดูดให้ใครก็ตามที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องหยุดดูหรือเหลียวมองตามหลัง เราคุ้นชินกับการได้เห็นสาวๆ ลักษณะนี้ตามงานอีเว้นท์ต่างๆ จนมีชุดความคิดกันว่าสาวน้อยน่ารักที่ทำงาน ‘นางแบบ’ ทั้งหลายจะต้องมีรูปลักษณ์เช่นนี้กันทั้งนั้น วันนี้ mars talk จะพาผู้อ่านทุกท่านมารู้จัก ‘มาลัย บำรุงศรี’ นางแบบสาวผิวสีแทนที่กล้าบอกว่า “เธอคือประติมากรรมชิ้นเดียวบนโลกใบนี้” เพราะเธอคนนี้ผ่านงานระดับอินเตอร์มาแล้วมากมาย
มาลัย บำรุงศรี คือใคร?
มาลัย บำรุงศรีค่ะ ชื่อเล่นชื่อมาลัย อายุไม่บอก เป็นนางแบบฟรีแลนซ์ค่ะ นางแบบอิสระ ไม่มีค่าย ไม่ได้เซ็นสัญญากับอะไรหรือใคร ใครมาจ้างก็ได้หมดค่ะ ทั่วราชอาณาจักร รับงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา ถ่ายนิตยสาร ถ่ายทุกอย่างค่ะ แต่ไม่รับงาน mc เพราะเป็นคนที่พูดไม่เก่งมากๆ
มาลัยรับงานแบบไหน?
ที่ผ่านมาก็มีนิตยสาร GQ ของอินเดีย และก็ถ่ายโฆษณาโลชั่นของต่างประเทศ ถ่ายชุดชั้นในของหลายประเทศ ถ่ายเรียลลิตี้ของต่างประเทศ ถ่ายหลากหลายมากค่ะ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าต่างประเทศมากกว่าในไทยค่ะ คือบางสินค้าถ่ายที่ไทยนะ แต่ก็ไปเผยแพร่ที่ต่างประเทศ ส่วนที่เป็นสินค้าของไทยก็มีอย่างครีมออร์คิด ครีมของคนไทยที่เขานำเสนอว่าผิวสีไหนก็สวยได้ มีครีมผิวแทนของคนไทยไอแอมแทน มีเป็นแบรนด์เสื้อผ้าของดีไซเนอร์ของเมืองไทย แต่ไปขายเมืองนอก แล้วก็มีงาน MotoGP ที่บุรีรัมย์ เมื่อปีที่ผ่านมาค่ะ
เป็นนางแบบที่ถูก Bully เรื่องสีผิวเยอะมาก
อย่างในงาน MotoGP ที่บุรีรัมย์ อันนั้นโดนหนักมากค่ะ จะชอบมีคำถามประมาณว่า ผิวแบบนี้ทำไมเอามา หน้าตาอย่างกับปลาบู่ชนเขื่อนมางานระดับประเทศอย่างนี้ได้ยังไง มีขาวๆ สวยๆ เยอะแยะมากมายทำไมไม่เอามา ประมาณนี้ค่ะ หนูเลยเลือกจะไปแคสต์งานที่เขาเปิดรับคนที่สีผิว จะเลือกไม่ไปที่เขาไม่ได้สนใจ
เคยรู้สึกว่าสีผิวเราเป็นอุปสรรคในการทำงานไหม
หนูว่าสีผิวหนูไม่ได้เป็นอุปสรรคนะ เพราะว่าหนูไปงานที่เขาต้องการหนู มันคือเขาต้องการหนูตรงนั้น ซึ่งมันไม่ได้เรียกว่าอุปสรรค มันคือความต่างที่เราต้องไปให้ตรงจุดแค่นั้นเอง ตอนแรกๆ อาจจะมีคิดบ้าง แต่พอเราได้งาน แล้วตรงกับที่เขาต้องการ มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรค่ะ ถึงหนูจะดำ หนูก็ไม่ได้ไปทำให้บ้านใครมืดนะคะ หนูว่าหนูสวย และหนูเป็นประติมากรรมชิ้นเดียวบนโลกใบนี้ค่ะ
เหตุผลของการเลือกเดินสาย ‘นางแบบ’
เพราะหนูคิดว่าหนูสวย หนูก็เลยไปทำงานอะไรที่มันแบบว่าสวยๆ หนูไปด้วยตัวเองเลยค่ะตั้งแต่แรก คือเรามั่นใจว่าเราอยากทำ อยากเป็น ก็เลยไป ไปตามหา ไปแบบมีรับสมัครอะไรหนูก็ไป จำได้ว่าครั้งแรกที่ไปแคสต์งานเป็นร้านขายครีม ไปสมัครแล้วเขาก็รับ จำไม่ได้แล้วว่าที่ไหน นั่นเป็นงานชิ้นแรก แต่อารมณ์มันคือแบบเป็นเหมือนเซลขายของมากกว่า ยืนแจกครีมไป ทุกวันนี้ยังไม่ได้คิดว่าตัวเองโด่งดังอะไร คิดแค่ว่าตัวเองสวยแค่นั้นเองค่ะ (ขำ)
มั่นใจส่วนใดในร่างกายของตัวเองที่สุด
สีผิวอันดับหนึ่งเลย มั่นใจมากว่าสวย สวยโกอินเตอร์ (ขำ) ส่วนรูปร่างนี่ตอนแรกหนูผอมมาก ผอมแบบจะมีชื่อเล่นว่ากุ้งแห้งด้วย เหมือนไม้เสียบผี แล้วหนูกินเยอะมันก็เลยเพิ่มน้ำหนักขึ้นมา ทำศัลยกรรมหน้าอก เป็นส่วนเดียวที่ทำ ทั้งหน้า ทั้งตัว ไม่เคยโดนเข็ม ครีมก็น้อยมากที่ทา ส่วนมากจะใช้น้ำมันมะพร้าว
ตั้งใจเป็นสาวผิวแทนมาตั้งแต่แรก
ทีแรกไม่ค่ะ ไม่เลย ไม่ชอบแม้กระทั่งชื่อตัวเอง ก่อนนี้เคยพยายามขาวค่ะ ฉีดผิว ทาครีมบีบี ให้ตัวเองขาวขึ้น แต่ว่าพอผ่านมาเรื่อยๆ เราก็เหนื่อยไง เหนื่อยที่มาพยายามทำให้คนอื่นชอบ พยายามให้เข้าสายตาคน เราโฟกัสผิดจุด ต้องทาให้มันตัวเทา ต้องไปฉีดผิว ทำนู่นนี่นั่นเยอะมาก มันเหนื่อย ก็เลยถามตัวเองว่าพอแล้วไหม ทำไมเราต้องทำเพื่อเขาด้วย เราต้องรักตัวเอง ดูแลตัวเองมากกว่า ก็เลยหยุด แล้วก็แค่บำรุงผิวแค่นี้พอเลย
สิ่งที่เราสัมผัสได้จากคนที่มองว่าสีผิวของมาลัย ‘แปลก’
เขาจะมองเราเป็นตัวตลก เป็นอะไรสักอย่างที่เข้าถึงได้ยากอะไรแบบนี้ค่ะ สมมุติเราเดินผ่านวินมอเตอร์ไซค์ หรือผู้ชายกลุ่มใหญ่ๆ ตั้งแต่สองคนขึ้นไป เราก็จะถูกแซว ถูกชี้ ทำเหมือนเราแปลกประหลาด แต่คือเขาไม่รู้หรอกว่าเราเจออย่างนี้มาตั้งแต่เด็กๆ คือเรารู้ ต่อให้เรียกชื่อกัน ต่อให้สะกิดกัน เราก็รู้แล้วว่าคุณกำลังจะพูดเรื่องเรา ในตอนที่ถ้าเราเดินผ่านไป พูดประมาณ “มึงเอาสิๆ”, “สเป็กมึงๆ”, “ยกให้ๆ”, “ไอ้นี่ชอบๆ” อะไรทำนองนี้ ต่างกับลูกค้าต่างชาติที่จ้างหนูไปทำงาน เขาจะมีแต่ชมค่ะ “You’re amazing so beautiful” ประมาณนี้ค่ะ สวยมากแบบ “I never see very beautiful perfect skin” ส่วนใหญ่จะชมแบบนี้ทั้งนั้น
คำด่าที่เราเคยได้ยินมา
เยอะเลยค่ะ ปลาหมอชนเขื่อนมั่ง หรือไม่ก็มีคนบอกมีลูกด้วยถ้าลูกตกบ้านไปคงงมหากันไม่เจอ อะไรประมาณนี้ หรือด่าอีผีปอบ ผีบ้า ผีฟ้า หรืออะไรอย่างนี้ ก็สรรหาคำมาด่า
ความรู้สึกของมาลัย เวลาถูก Bully
เฉยๆ ค่ะ ไม่ได้รู้สึกโกรธ ไม่ได้รู้สึกอยากจะด่ากลับ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย หนูเป็นคนโลกสวยหรือเปล่าไม่รู้ แต่หนูไม่ได้สนใจเลยจริงๆ หนูไม่ได้โฟกัสพวกคนแบบนั้นเลย ไม่เคยเอาคำพวกนั้นมาทำให้ทุกข์หรือเศร้า ต่อให้มี 100 คน แล้วด่าเรา 90 คน หนูก็ยังจะวิ่งอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์อยู่ค่ะ หนูช่างมันหมดเลย หนูไม่ได้สนใจ เพราะว่าถึงยังไงแล้วคนอ้วนก็มีวันผอมได้ ถ้าเขาตั้งใจลด คนตาชั้นเดียวสามารถมีตาสองชั้นได้ถ้าไปทำศัลยกรรม แต่สำหรับหนู มันเปลี่ยนผิวไม่ได้ ต่อให้หนูเอาอะไรมาลอกผิวหนูออก ผิวเกิดใหม่ก็เป็นสีนี้ซึ่งมันทำอะไรไม่ได้ไง หนูก็เลยช่างมัน แต่ว่าแน่นอนก็มีเสียใจบ้าง
ในวงการนางแบบพูดถึงมาลัยยังไงบ้าง
ทำงานนี้มา 13 ปีแล้วค่ะ ถ้าโดยส่วนตัวหนูนะคะ ส่วนมากพริตตี้คนอื่นก็นิสัยน่ารักทุกคนค่ะ มาขอเราถ่ายรูป ชมเราไม่ขาดปาก เช่น “สวยจังเลย”, “โห ถ้าจะแทนต้องให้ได้อย่างนี้” ทุกคนคุยกันโอเคนะคะ ไม่เคยโดน Bully ในวงการพริตตี้เลย ส่วนใหญ่จะมีแต่ชมมากกว่า หนูว่าหนูเป็นคนละตลาดกับพวกเขา เราไม่ได้ไปแข่งขันกับเขา และเขาก็ไม่ต้องมาแข่งขันกับเรา เพราะคนจ้างเขาจะระบุชัดเจนว่าเขาต้องการพริตตี้ผิวปกติหรือผิวแบบเรา
ทำไมถึงเลือกที่จะไม่เซ็นสัญญาหรือมีสังกัด
การเซ็นสัญญากับใครหนูรู้สึกว่ามันตายตัว หนูคิดว่ามันกดดันเรามากกว่า ถ้าเราไปเซ็นสัญญากับเขา จากที่เราจะได้ 100% เราต้องแบ่งให้เขา 50 หรือ 60 แล้วทำให้หนูต้องทำงานมากขึ้น หนูเสียดายเวลามากกว่า หนูจะรับงานที่หนูคิดว่าหนูจะทำได้ ที่หนูมั่นใจว่าหนูจะทำได้ แล้วหนูชอบงานนั้น หนูก็จะรับ
หลักในการรับงานของมาลัย
หนูต้องชอบก่อน มันต้องเห็นงาน อย่างงานที่ผ่านมาที่เป็นครีมผิวแทน หนูชอบไง มันสวยดี หนูก็เลยทำ แบรนด์เสื้อผ้าของดีไซเนอร์คนไทย หนูชอบหนูก็เลยรับค่ะ แต่อย่างถ้าเป็นงานรีวิวนี่คือไม่รับเลย รีวิวสินค้ามันเกินจริงก็เลยไม่รับ ส่วนอย่างงานถ่ายแบบก็ไม่ได้รับงานท้อปเลส หรืองานนู้ดเลยก็ไม่รับค่ะ ต่อให้งานหลักแสนถ้าไม่ชอบก็ไม่รับเลย
ลือกันว่ามาลัยค่าตัวแพง
จริงๆ ไม่แพงนะคะ อย่างที่บอกว่ารับงานแบบที่หนูชอบ บางงานก็มีงานช่วยนะ น้องนักศึกษาต้องการให้เราเป็นแบบให้ เราช่วยอยู่บ่อยๆ บางทีไม่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวเลย แต่บางงานพอบอกเงินจ้างมาแล้วมันไม่ไหวค่ะ หนูมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ออกจากบ้าน ค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง และถ้าหนูไปแล้วค่าเหนื่อยคำนวณแล้วมันไม่เหลืออะไร แล้วหนูจะไปทำไม ใช่ไหมคะ
สถานะหัวใจของมาลัย
มีแฟนแล้วค่ะ ไม่ใช่คนไทย เป็นชาวต่างชาติ เจอกันในร้านอาหารร้านหนึ่ง แล้วเขาเดินรอบๆ ร้าน แต่เขาประมาณแบบไม่กล้าเข้ามาจีบ หนูก็เลยจีบเขาเลย (ขำ) มีบ้างที่โดนเหน็บว่าเป็นเมียเช่า ถ้าเราไปอยู่ในสถานที่ที่จะทำให้ถูกพาดพิงไปถึงเรื่องนั้นได้ แต่ไม่ได้สนใจอะไร ครอบครัวแฟนก็ต้อนรับเราดีมากค่ะ แต่ไม่เคยคิดอยากย้ายไปอยู่ต่างประเทศนะคะ เพราะหนูรักเมืองไทย ชอบอยู่เมืองไทยมากกว่า แฟนก็ชอบเมืองไทยเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เคยมีคนมาจีบนะคะ แต่แค่หยอดๆ เล่นๆ เฉยๆ ไม่ได้จริงจังอะไร หนูเป็นคนไม่มีสเป็กค่ะ หนูรักคนที่เขารักหนู แต่ถ้าถามถึงนิสัย หนูชอบคนใจเย็น เพราะหนูว่าหนูเป็นคนใจร้อน ต้องใจเย็นถึงจะคุยกันได้ จะฉุนเฉียวมากถ้าเกิดคุยกันแล้วไม่ถูกหู แต่ว่าสำหรับคนทั่วไปก็เฉยๆ ไม่ได้สนใจอะไร หนูคิดว่าหนูงี่เง่ามากเลย หนูอยากจะพบแพทย์มากจริงๆ คือหนูเป็นคนที่ปีหนึ่งหนูบอกเลิกแบบนับไม่ถ้วน แบบนับไม่ถ้วนจริงๆ หนูไม่ได้อยากบอกเลิกนะ แต่หนูไม่รู้ทำไมหนูถึงบอกเลิก (ขำ)
แล้วแฟนคลับล่ะ
เรียกว่าแฟนคลับเลยเหรอคะ ไม่หรอก เรียกว่าคนที่คอยให้กำลังใจดีกว่า ก็มีค่ะ เขาติดตามเราแล้วเขาให้กำลังใจเรา พูดดีมาก คอยเผยแพร่ว่าเราพูดอะไร ทุกคนดีมากๆ เลยค่ะ บางคนวาดรูปส่งมาให้ทำรูปส่งมาให้ ส่งของกินมาให้ บางคนก็บอกว่าเราเป็นแรงบันดาลใจให้เขา เข้ามาขอบคุณเรา เราทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้น มั่นใจมากขึ้น ประมาณนี้ค่ะ
ฝันไกลๆ ของมาลัย บำรุงศรี
ยังอยากทำงานนี้ไปจนกว่าจะไม่มีคนจ้างค่ะ แล้วก็อยากอยู่บนป้ายบิลบอร์ดของเมืองไทย ที่เป็นสินค้าของไทย ซิทคอมก็อยากลองได้โอกาสเล่นดูสักครั้งค่ะ หนูว่ามันน่าจะสนุกดี ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า แต่อยากลองค่ะ หรือถ้าไม่ได้ทำงานวงการนี้แล้วก็อยากเปิดร้านอะไรเกี่ยวกับตีนไก่ค่ะ คือชอบกินตีไก่มาก วันหนึ่งกินคนเดียวเป็นกิโล แล้วกินเกือบทุกวัน หนูเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก ตั้งใจมากๆ แล้วจะพยายามให้ถึงที่สุดจนกว่าจะได้ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ความพยายามของหนูไม่ใช่แค่ 10 ไม่ใช่แค่ 20 แต่แบบเป็นพัน เป็นล้านความพยายาม หนูมั่นใจในเรื่องนี้ของหนูมาก
ฝากถึงจอม Bully ทั้งหลาย
ถ้าเป็นคนแบบหนูที่ไม่สนใจอะไรพวกนี้ก็คงไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่ได้แคร์คำพวกนี้อยู่แล้ว แต่สำหรับบางคนเขาอ่อนไหวมากนะคะกับการถูก Bully หนูว่าเขาจะเจ็บมากๆ ซึ่งบางทีทำแบบนั้น คนทำสนุกค่ะ แต่คนถูกกระทำมันอาจจะทำให้เขาคิดว่าตัวเองเป็นแกะดำ เขาอาจจะทำอะไรไม่คิดอย่างฆ่าตัวตายก็ได้นะ