4 หนุ่มกีฬา เทพไอดอลแห่งโลกการ์ตูน

จากเด็กผู้ชายตัวกะเปี๊ยกที่อยากขยับมาเป็นหนุ่มนักกีฬาให้สาวกรี๊ด การ์ตูนกีฬานับว่ามีอิทธิพลต่อการพยายามฝึกฝนทักษะในเชิงกีฬาพอสมควรทีเดียว ไม่เชื่อ! ก็ลองนึกย้อนไปดูความทรงจำของตัวเองสิ เคยมั้ยที่อยากเลียนแบบท่าทางของตัวละครในการ์ตูน อยากใช้ท่าไม้ตาย (นี่ยังไม่นับการ์ตูนจำพวกศิลปะการต่อสู้นะ) สำหรับใครที่ยังนึกไม่ออก เราอยากให้ลองดูตัวเอกในการ์ตูนข้างล่างนี้ แล้วจะร้อง เฮ้ย!

ไอ้หัวแดง สแลมดังก์

แรงบันดาลใจของเด็กหนุ่มวัยแร็พเตอร์ในการเล่นบาสโชว์สาวคงไม่พ้นการ์ตูนดังช่วงเช้าช่อง 9 เรื่อง สแลมดังก์ (Slam Dunk) เขียนโดย ทาเคฮิโกะ อิโนอุเอะ นำเรื่องโดย ซากุรางิ ฮานามิจิ นักเรียนนักเลงที่ถูกผู้หญิงที่ตัวเองจีบ หักอกมาแล้ว 50 คน และเมื่อได้เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยม โชโฮคุ ก็ได้พบเจอสาวงามนาม อาคางิ ฮารุโกะ และได้ตกหลุมรักทันทีที่เห็น เพื่อต้องการชนะใจเธอ ซากุรางิ จึงต้องสมัครเข้าชมรมบาสเกตบอลจากการชักชวนของเธอเพราะฮารุโกะชื่นชอบบาสเกตบอลเป็นพิเศษ ด้วยพรสวรรค์และความพยายามของตัวเองทำให้ซากุรางิมีความสามารถเพิ่มขึ้น อย่างรวดเร็วโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว และยังเป็นกำลังสำคัญให้ทีมบาสเกตบอลโรงเรียนโชโฮคุโดยการฝึกเล่นบาสไม่กี่เดือน พรสวรรค์ที่ตัวซากุรางิค้นพบคือการรีบาวด์ เลย์อัพชูต และการดังก์อันทรงพลัง ในตำแหน่ง ตัวป่วนและอาวุธลับประจำทีม (ที่เจ้าตัวชอบคิดไปเอง)

แล้วมันก็มีเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยที่น่าตกใจ (เพราะเราก็เพิ่งรู้เหมือนกัน 55) อย่างเช่น รร.โชโฮคุ ซึ่งบรรดาตัวเอกของเรื่องศึกษาอยู่นั้นมีอยู่จริงๆ ในญี่ปุ่น ส่วนชุดแข่งของแต่ละทีมในเรื่องนั้น ล้วนได้แรงบันดาลใจจากทีมใน NBA เช่น โชโฮคุ – Chicago Bulls โชโย – Boston Celtic ไคนัน – LA Lakers ส่วนรองเท้าที่เหล่าตัวละครในสแลมดังก์ล้วนเป็นยี่ห้อดังๆ อย่าง ไนกี้ (ซากุรางิ,รุคาว่า) คอนเวิร์ส (มิยางิ,อาคางิ) เอซิส (มิตซึอิ) และตัวละครบางตัวในเรื่อง ก็ได้รับอิทธิพลมาจากนักบาส NBA เช่นกัน เช่น ซากุรางิ ก็ถอดแบบมาจากเด็นนิส เคท รอดแมน (Dennis Keith Rodman) อดีตนักบาสตัวป่วนแห่ง NBA (เกิดปี1961) พี่แกได้รับการบรรจุเข้าAmerican Hall of Fame เคยเล่นให้กับทีม Detroit Pistons, San Antonio Spurs, Chicago Bulls, Los Angeles Lakers, และ Dallas Mavericks ได้รับฉายา The Worm เพราะความสามารถด้านการป้องกันและรีบาวน์ เหมือนในการ์ตูนเด๊ะ



ไอ้หนูซาบาสะ ทีมในฝันไทย-ญี่ปุ่น

แม้ว่าในความเป็นจริง ฟุตบอลญี่ปุ่นจะไปถึงบอลโลกได้ไม่ไกลเท่าเกาหลีใต้ แต่ในการ์ตูน กัปตันซึบาสะ (Captain Tsubasa) ซึบาสะก็ได้พาทีมชาติญี่ปุ่นคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่นกับเกาหลีร่วมกันเป็นเจ้าภาพ และต้องการเป็นนักเตะอันดับ 1 ของโลก (การ์ตูนจบก่อนจะได้รู้ว่าได้แชมป์โลกหรือไม่) ซึ่งเป็นฝันของชาวญี่ปุ่น ขณะเดียวกันก็เป็นฝันของชาวไทยด้วย ถ้ายังจำภาพสนามบอลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา แต่วิ่งไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าโกล แต่บางครั้งก็เหมือนวิ่งเป็นกิโลก็ยังไม่ถึงสักที นี่แหละซึบาสะล่ะ

แล้วเคยไหมที่อยากจะเลียนแบบท่าไม้ตาย 'ไดร์ฟชู๊ต' หรือท่าเตะประหลาดๆ ของบรรดานักเตะในการ์ตูน ลืมบอกไปว่าการ์ตูนเรื่องกัปตันซึบาสะ ปัจจุบันได้มีทั้งหมด 4 ภาค และผลงานบางส่วนในเรื่องซึบาสะนี้ ได้มีการเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ของสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาด้วย แล้วเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจคือในภาคเยาวชนโลก ก็ได้ปรากฏทีมชาติไทยในการ์ตูน ในชื่อ ฟ้าลั่น กรสวัสดิ์ พี่ใหญ่และน้องรอง สกุล กรสวัสดิ์ ถนัดการใช้ ‘แท็ปปิงสไปค์’ (การตอกลูกด้วยส้น) ประยุกต์ใช้ทักษะเซปักตะกร้อในการแข่งฟุตบอล และ ชนะ กรสวัสดิ์ (FW) น้องเล็ก ชอบทำเสียงร้องแบบแมวไทย และมักทำแต็กติกแกล้งล้มตบตากรรมการ มีท่าไม้ตายคือ ‘โรลลิง สไปค์’ บรรเจิดไหมล่ะท่าน



อิปโป หมัดสร้างฝัน

การ์ตูนหมัดๆ มวยๆ ของญี่ปุ่นเรื่องนี้ ถ่ายทอดได้อย่างงดงามแต่ไม่เกินจริงจนเราจับต้องไม่ได้เลย เพราะเป็นความฝันของเด็กบ้านนอกลูกชาวประมงคนหนึ่ง ที่ทำให้เราได้ค้นพบว่า พรสวรรค์สามารถค้นพบได้ด้วยความพยายาม ก้าวแรกสู่สังเวียน (Fighting Spirit) ผลงานของ โจจิ โมริคาว่า เริ่มลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นแม็กกาซีน ตามมาด้วยฉบับอะนิเมะ เริ่มออกอากาศที่ญี่ปุ่น ทางสถานีนิปปอนทีวี ช่อง 9 การ์ตูนเคยนำมาฉายอยู่ช่วงหนึ่ง และออกจำหน่ายในรูปแบบวีซีดี โดย TIGA

มาคุโนอุจิ อิปโป เป็นเด็กหนุ่มลูกชาวประมงที่ทั้งกตัญญูและขยันขันแข็ง ก่อนไปโรงเรียนเขาจะช่วยแม่ทำงาน และเมื่อกลับจากโรงเรียนก็จะรีบกลับมาช่วยแม่จัดของลงเรือทุกวัน ทำให้อิปโปไม่ค่อยมีเพื่อน บวกกับความที่มีนิสัยขี้ขลาด อ่อนแอ ไม่สู้คน เขาจึงมักจะถูกเพื่อนในชั้นเรียนรังแกอยู่เสมอ ชีวิตของอิปโปดำเนินเป็นวัฏจักรเช่นนี้มาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อ ทากามูระ มาโมรุ ได้เข้ามาช่วยเหลือในขณะที่เขากำลังถูกรังแก อิปโปรู้สึกประทับใจในความเก่งกาจของทากามูระ และฝันอยากจะชกมวยอย่างทากามูระบ้าง แม้เส้นทางสู่การเป็นนักมวยของเขาจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่อย่างน้อยอิปโปก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ตนเองรักและต้องการที่จะทำที่สุดนั้น ไม่มีอย่างอื่นอีกแล้วนอกจากมวย
เชื่อว่าทุกคนก็เคยมีอิปโปในตัวเหมือนกัน (ดราม่าเล็กน้อย)


เรียวมะ ปริ๊นซ์ ออฟ เทนนิส

หวดเทนนิสก็เท่ห์ได้ไม่แพ้ การซัดตุงตาข่าย หรือหัดลงห่วง ในช่วงที่เจ้าบอล-ภารดรกำลังเร่งไต่อันดับวงการเทนนิสมืออาชีพระดับโลก การตูนช่อง 9 เรื่อง ปริ๊นซ์ ออฟ เทนนิส เจ้าชายลูกสักหลาด ก็ยิ่งเร่งกระแสความนิยมเทนนิสในหมู่เด็กไทยในโชติช่วงขึ้นไปอีก การตูนเรื่องนี้แต่งโดย ทาเคชิ โคโนมิ ลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ ปัจจุบันมีฉบับรวมเล่มออกมาถึงเล่ม 42 เล่มจบ หลังจากลงตีพิมพ์ได้ไม่นานก็ได้รับความนิยมอย่างสูงจนถูกสร้างเป็นอะนิเมะ เกม ละครเพลง และภาพยนตร์ เราจะได้เห็นท่าไม้ตายแปลกๆ (อีกแล้ว) ในวงการกีฬาเทนนิสที่ทั้งมันสะใจ และเนื้อเรื่องที่ทำให้ผู้ใหญ่บางคนเข้าใจชีวิต (ลึกซึ้ง!)

ยิ่งไอ้หนุ่มหน้ามน เอจิเซ็น เรียวมะ ตัวเอกของเรื่อง ที่ยิ่งเล่นยิ่งเก่ง เก่งไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อ เรียวมะย้ายเข้ามาเรียนที่มัธยมต้นเซงาคุ โรงเรียนดังที่มีชื่อเสียงด้านเทนนิส เป็นหนุ่มน้อยอัจฉริยะ แชมป์ 4 สมัยซ้อนในการแข่งขันรุ่นจูเนียร์ของอเมริกา เรียวมะเข้าชมรมได้ไม่ทันไร ก็ไต่เต้าขึ้นเป็นนักกีฬาตัวจริงที่เป็นเด็กปี 1 คนแรกในชมรม ชนะไอ้หนุ่มตัวโตๆ และพาทีมไปเข้าแข่งและชนะในระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ การ์ตูนเรื่องนี้อาจจะออกแฟนตาซีสักหน่อย ท่าไม้ตายต่างๆ ที่เหนือธรรมชาติ แต่ด้วยความเท่ห์ไม่หยอก เด็กผู้ชายยุคนั้นจึงติดจอทีวีกันเกรียว

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE