Stoty/photo : ด.ช.ตีนเปลือย
Tein.Boyfoto@gmail.com
ผมเป็นเด็กชายผู้กระหายในการท่องโลกกว้างด้วยสองเท้า
เด็กชายผู้ไม่ประสีประสากับการเดินทาง
เด็กชายที่กระเป๋าสตางค์ใบเล็ก…….
เรื่องราวของการเดินทางออกท่องโลกกว้างครั้งนี้ เริ่มขึ้นเมื่อครั้งท้องฟ้ายังมืดมนสายฝนยังชุ่มฉ่ำ แต่กลับทำให้ ด.ช.ตีนเปลือย มุ่งมั่นที่จะพาสองเท้าจากเมืองกรุง มุ่งหน้าสู่ จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมหัวใจที่กระหายอยากท่องไปในที่ที่ไม่รู้จัก ไม่คุ้นเคย
เป็นเช่นดังแผนการเดินทางเก่า กับตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดจองข้ามปี ที่นั่งคิดทบทวนดูแล้วราคาไม่ต่างจากรถทัวร์เท่าไร แต่น่าแปลกที่โปรโมชันตั๋วถูกเมื่อใด มักจะต้องเดินทางในช่วงเวลาหน้าฝนทุกครั้งไป (อย่างว่าล่ะครับ ของดี เวลาดี ราคาถูกไม่มีในโลก 555)
ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงสิบห้านาที นับเวลาจากกรุงเทพฯ เราก็จะถึงเกือบทุกจังหวัดในประเทศไทย ที่นี่ก็เช่นกัน หลังถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ด.ช.ตีนเปลือยก็ต้องหารถนั่งต่อไปยังเขื่อนรัชชประภา (เชี่ยวหลานเมืองไทย) จุดหมายปลายทางของทริป เมืองนี้ ดีครับ ไม่ต้องไปไหนก็ต้องเหมาๆ เหมือนบางเมืองในประเทศนี้ ที่นี่มีรถตู้วิ่งออกจากตัวเมืองสุราษฎร์ถึงยังท่าเรือเขื่อนเชี่ยวหลานเลย สบายๆ ตัวปลิวๆ ไม่ต้องต่อรองราคาอะไร มีมาตรฐาน (ยกเว้นคุณจะอยากสบาย ไม่ต้องรอเวลา ก็จัดไปแบบเหมาๆ เลย)
ประมาณหนึ่งชั่วโมงนิดๆ ก็จะถึงยังท่าเรือ แต่ ด.ช.ตีนเปลือยใช้เวลามากกว่านั้นสักนิดนึง เพราะฝนตกตลอดทาง เรามากันแบบไม่ได้ตระเตรียมอะไรล่วงหน้ามากนัก ซึ่งนั่นอาจจะเป็นวิธีการที่ “ผิด” สำหรับการเดินทางเที่ยว (แต่มันก็มีเสน่ห์อย่างหนึ่งนะ สำหรับการเดินทางแบบไปตายเอาดาบหน้า 555)
นับว่าโชคดีสำหรับ ด.ช.ตีนเปลือย ที่หนนี้พกเพื่อนมาด้วยสอง สาม สี่ ห้า คน เพราะ แวบ!แรกที่เห็นป้ายบอกราคา ค่าที่พัก กับค่าเรือ ก็ลมแทบจับเหมือนกัน ถ้ามาคนเดียว หรือสองคน เพราะมันสูงเอาเรื่องสำหรับค่าเดินเรือ ออกเรือ แต่เราทุกคนก็เข้าใจดีว่าน้ำมันมันแพงมากๆ แล้วเรือก็ไม่ได้ติดแก๊สเสียด้วย หรือจะแอบติดไว้ใต้ท้องแล้วมาอ้างขึ้นค่าโดยสารเหมือนรถ….หว่า ???
ถึงด.ช.ตีนเปลือยจะรวบรวมเพื่อนและนับหัวดูแล้ว ก็ยังไม่พอที่เรือหนึ่งลำจะออกเดินทางสู่ผืนน้ำอันเวิ้งว้างด้านหน้า จึงต้องรอต่อไป เพราะเรามันกระเป๋าสตางค์เบา ยังไม่พอที่จะเหมาไป แต่ไม่นานหรอกครับ เพราะที่นี่คนมาเที่ยวกันเยอะ คาราวานเล็กๆ ของเราก็ออกเดินทางสู่จุดหมายปลายทางจริงๆ เสียที
เดินเรือ เพร้อมกับสายฝนที่โปรยปราย ทักทายตั้งแต่นายท้าย สตาร์ทเครื่อง ด.ช.ตีนเปลือยลองถามดูว่าใช้เวลานานไหมครับกว่าจะถึงแพที่เราจองไว้ “ก็ประมาน 1 ชั่วโมงนิดๆ ล่ะ ไอ้หนู” ยังไม่ทันสิ้นเสียงนายท้าย เสื้อกันฝนหลากสีแสนบางจากร้านสะดวกซื้อก็ถูกคลี่ออกใส่คลุมตัว คลุมหัวแทบไม่ทัน
มีมติตกลงกันว่า จะเลือกไปพักยังแพที่อยู่ห่างออกจากแพอื่นๆ สักหน่อยเพื่อความสงบ ทั้งๆ ที่รู้ว่า ยังไงซะเมื่อท้องฟ้ามืดลง เสียงเครื่องยนต์เรือหางยาวดับ ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมทั่วทุกตารางเมตร หลังผ่านพ้นสายฝน เป็นเวลาเดียวกันกับที่เรือกำลังมุ่งหน้าผ่านหุบเขาสีเขียวที่โผล่พ้นน้ำสีมรกต ทุกสายตาบนลำเรือ เหมือนต้องมนต์หรือไม่ก็โดนคำสาปอะไรสักอย่างจากจิตใต้สำนึก ที่ร้องตะโกนบอกว่า เอ้ย!! นี่ละ สิ่งที่เราตามหา ห้ามพลาดๆ ต้องยกมือถือ ยกกล้องขึ้นมาเก็บความทรงจำนี้ไว้
หรือถ้าใครโชคดีโทรศัพท์มีคลื่นก็ต้องลงอินสตาแกรมด่วนเลย เช็กอินๆๆ พร้อมรูปๆๆ ….. ขณะที่เสียงเบาๆ ของนายท้ายก็คอยชี้แนะโน่นนี่นั่น ตามจินตนาการและความเชื่อของคนท้องถิ่น อาทิ เขาลูกนี้คล้ายหัวกะโหลกนะ มองไปข้างบนจะเจอหินเหมือนคนใส่หมวก พร้อมกับสุนัขหนึ่งตัวข้างๆ เพื่อเฝ้ามอง ปกปักรักษาบริเวณนี้นะ
บ้างก็สนใจฟัง บ้างก็เอาแต่ถ่ายภาพ นับว่าโชคดีอย่างหนึ่ง ที่เขื่อนรัชชประภา ณ เวลาที่ไป ยังไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ครบทุกเครือข่าย จึงทำให้ชั่วโมงสนทนากันแบบต่อหน้ามีมากขึ้น แทนที่จะเอาแต่คุยกับนิ้วจิ้มๆ ในโทรศัพท์ ไม่นานนัก ด.ช.ตีนเปลือยก็ถึงยังที่พัก พร้อมอาหารกลางวันมื้อใหญ่ที่เราโทร.สั่งไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ท่าเรือ (ใช้วิทยุสื่อสารกัน)
เมื่อท้องอิ่มแล้ว ก็เริ่มกิจกรรมตามสะดวกของแต่ละคน บางคนอยากเล่นน้ำก็ตามสบายครับ กระโดดกันให้สุดเหวี่ยง กับน้ำใสๆ เย็นๆ แต่มีกฏเบื้องต้นว่า “ใส่ชูชีพด้วย” ส่วนใครใคร่จะพายเรือคายัก เขาก็มีให้พายกัน น่าจะมีให้ใช้บริการเกือบๆ ทุกแพในรัชชประภา หรือใครอยากจะร่ำสุราท่ามกลางสายน้ำหรือป่าเขา ก็ดื่มกันเบาๆ หน่อยครับ (แอบๆ ดื่มหน่อยล่ะ อุ๊บบบบ) ส่วนใครที่ชอบอ่านหนังสือ สบายๆ จิบกาแฟ ที่นี่ก็ดั่งสวรรค์เลยครับ เพราะมันทั้งเงียบ ทั้งด้วยบรรยากาศแล้วน่าจะทำให้คุณดื่มด่ำกับนิยาย บทความ ได้ทุกๆ ตัวอักษร
สุดท้าย ด.ช.ตีนเปลือย ว่า ความสุขของแต่ละคนในการเดินทางท่องเที่ยวไม่เหมือนกันหรอกครับ เพราะความสุขมันมีหลายรูปแบบ สุดแท้แต่ว่าใครจะชอบแบบไหน อะไรยังไง แต่ก็ขอให้อย่าไปทำให้ใครเดือดร้อนเป็นพอ เพราะความสุขบางครั้งมันก็ไร้รูปแบบ อยู่ที่เราจะกำหนดว่า ความสุขของเรา มันคืออะไร??
เมื่อความมืดเข้าปกคลุมทั่วผืนน้ำ จากไอฝนเปลี่ยนเป็นไอหนาว แต่….. ราตรีนี้ ยังอีกยาวไกล ข้อตกลง ก่อนนอนระหว่าง ด.ช.ตีนเปลือยและเหล่าเพือนร่วมทางคือ ต้องตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า ทุกอย่างเป็นไปตามข้อตกลงที่ตกลงก่อนนอนทุกอย่าง ขาดเพียงอย่างเดียวคือ พระอาทิตย์ไม่มาตามสัญญา แต่กลับส่งเมฆฝนก้อนโตมาแทน ทุกอย่างจึงแทบจะจบลงด้วยการนั่งดูหมอกฝน หน้าบ้านแพที่พัก น่าแปลกที่มีนักเดินทางบางคนไม่ยอมแพ้ แม้ต้องตากฝน ก็ขอให้ได้ไปสูดไอหมอกอย่างใกล้ชิด อาจจะเป็นเพราะเราไม่สามารถตามหาบรรยากาศอย่างนี้ในเมืองได้ละมั้ง
ไม่มีงานเลี้ยงไหนไม่มีวันเลิกรา การเดินทางก็เช่นกัน สักวันเราต้องกลับไปยังที่ที่เราจากมา แต่ก่อนกลับก็ตามคำแนะนำและคำร่ำลือ นายท้ายหันหัวเรือพา ด.ช.ตีนเปลือย ไปยังหินสามก้อน ที่ลักษณะคล้ายกับหุบเขาเชี่ยวหลานในเมืองจีน เพื่อให้เราชื่นชมและเก็บบันทึกความทรงจำครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นฝั่งและเดินทางกลับ พร้อมหอบหิ้วเรื่องราวแห่งการเดินทางมาบอกเล่าผ่านเฟซบุ๊ก เอ้ย!! ผ่านความรู้สึกถ่ายทอดไปยังคนอื่นให้อิจฉา และอยากเดินทางมาแบบ ด.ช.ตีนเปลือย
เดินทางยังไงไปสุราษฎร์ เขื่อนรัชชประภา
ใครอยากจะบินก็มีให้บริการทั้งสามสายการบิน ตามลิงก์ด้านล่าง เลือกคลิกเลือกจองโปรกันไป
แอร์เอเชีย (Air Asia)
โทร.0-2515-999 http://www.airasia.com/th
นกแอร์ (Nok Air)
โทร. 1318
http://www.nokair.com
การบินไทย (Thai Airways)
โทร.0-2356-1111 http://www.thaiairways.co.th
ออกเรือ เลือกที่พักยังไง ในเขื่อนรัชชประภา
เรือที่นี่เป็นการเหมาลำ
ถ้ากลุ่มนึงมาไม่เกิน 10 คน ใช้ลำเล็กก็พอ (ประหยัดกว่า)
แต่ถ้ามากกว่า 10 คนก็ใช้ขนาดใหญ่ ที่นั่งได้ตั้งแต่ 11-20 คน
ถ้าคุณมาแค่ 2-3 คน ใจร้อน อยากออกก่อน หรือไม่มีเพื่อนร่วมทางจริงๆ ก็ทำใจครับ จ่ายเต็มราคาเรือ 10 คน ^^
เรือที่นี่ไม่ได้ออกตามเวลานะ!!
แต่จะออกตามลำดับคิวเรือแบบเรือเหมา
คือถ้ามีคนเหมาเยอะลำดับก็เลื่อนเร็ว
เวลาที่เริ่มใช้ระบบคิวคือ 08.00 น. ถึง 18.00 น.
แต่ถ้ามาก่อนเวลาหรือหลังเวลาก็ได้
ราคาที่เห็นเป็นราคาเฉพาะเรือ 11-20 คนนะครับ ไปส่งที่แพและพากลับ รวมเวลา 1 คืน รวมชมกุ้ยหลินเมืองไทยไว้ด้วย
ที่พักในเขื่อนรัชชประภา มีให้เลือกสรรคร่าวๆ 4 แบบ
1. ที่พักของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (เขื่อนเชี่ยวหลาน)
เป็นห้องแอร์ทั้งหมด มีหลายลักษณะและหลายราคา 800-3,500 บาท/ห้อง
ติดต่อขอรายละเอียดหรือจองที่พักได้ที่โทร.0-7724-2561
2. ที่พักแบบเรือนแพ ของทางอุทยานแห่งชาติเขาสก
– แพนางไพร เป็นแพที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากที่สุดในบรรดาแพอุทยาน และอยู่ใกล้ที่สุด
– แพคลองคะ อยู่ถัดจากแพนางไพรเข้าไป ใกล้กับน้ำตกคลองคะ
– แพโตนเตย เป็นแพที่อยู่ใกล้กับถ้ำน้ำทะลุ
– แพไกรสร เป็นแพที่อยู่ไกล และเป็นธรรมชาติ
ประมาณค่าใช้จ่ายคนละ 600-800 บาทต่อคืน พร้อมอาหาร 3 มื้อ อยู่ไม่ครบมื้อก็หักไปตามมื้อ
3. ที่พักแบบเรือนแพ ของกรมป่าไม้
– แพหน่วยฯ คลองหยา หรือ แพคลองแสง เป็นแพที่อยู่ไกลที่สุด เป็นจุดต้นน้ำ เป็นแหล่งตกปลา และส่องสัตว์
โทร.คุณโอ 081-554-3585
ประมาณค่าใช้จ่ายคนละ 600 บาทต่อคืน พร้อมอาหาร 3 มื้อ
4. ที่พักแบบเรือนแพ ของทางเอกชน
– แพเชี่ยวหลานทัวร์
– แพภูตะวัน
– แพเพลินไพร
– แพสายชล
– แพไพรวัลย์
_ แพ 500 ไร่
ประมาณค่าใช้จ่ายทั่วไปคนละ 800-1,000 บาทต่อคืนพร้อมอาหาร 3 มื้อ อยู่ไม่ครบมื้อก็หักไปตามมื้อ
ห้องพักจะพักได้ห้องละ 3-4 คน แล้วแต่ขนาดของห้อง
*ราคานี้ไม่รวมค่าเรือ ค่าธรรมเนียมอุทยาน และกิจกรรม*