ในช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา ฟรีรันนิ่ง (Free Running) คือชื่อของกีฬาแอดเวนเจอร์แบบหนึ่งซึ่งไต่ระดับความป๊อปขึ้นมาในกลุ่มคนหนุ่มสาววัยรุ่นยุคใหม่ ตามที่ต่างๆ เราเริ่มเห็นหนุ่มสาวออกมาประกาศถึงการมีอยู่ของกีฬาชนิดนี้กันเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ความสนุกของมันอยู่ตรงไหน ความท้าทายของมันคืออะไร? วุฒิ around the world ผู้ก่อตั้งดูแลเว็บไซต์ thailandfreerunner.wordpress.com เป็นหนึ่งในหัวหอกคนสำคัญที่ร่วมบุกเบิกกีฬาประเภทนี้ เรานัดพบกับเขาในบ่ายแก่ๆ วันหนึ่ง เพื่อถามถึงที่มาที่ไป และความมันท้าทายของกีฬาชนิดนี้
จุดเริ่มจริงๆ ของพวก Free runner นี่มาจากประเทศอะไร
จริงๆ พื้นฐานมันก็มาจากการตีลังกา แต่ว่ามันก็มาจากกีฬา Parkour ของทางฝรั่งเศสเป็นจุดเริ่มต้น ที่เห็นได้เด่นๆ ก็คงจากหนังเรื่อง B13 ที่ทำให้เป็นกระแสขึ้นมา และเป็นรอยต่อของการพัฒนาที่ คนทางฝั่งยุโรปนำไปใส่ท่าตีลังกาเพิ่มความสวยงาม จากที่เป็นการกระโดดจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง จนคนมาเรียกกันว่า Free running จึงแยกเป็นได้ว่า Parkour คือการกระโดดจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง แต่ไม่มีการตีลังกาเกิดขึ้น แต่ Free running คือโดดได้หมดไม่ว่าที่ไหนและก็มีการใส่ท่าตีลังกาเข้าไป
พื้นฐานของมันควรจะใช้อะไรบ้าง อย่างกีฬายิมนาสติก หรือว่าสภาพร่างกาย
ถ้าเป็นปาร์กัวก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เป็นเรื่องใจ ผมสอนเด็กไปก็บอกได้เลยว่าท่ามันไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เพียงแต่ว่ามันไกล มันสูง กล้าทำรึเปล่า แค่นั้นเอง ถือว่าความยากไม่ได้ยากมากมาย แต่ต้องใช้การฝึกซ้ำๆ บ่อยๆ เพราะบางอย่างกล้ามเนื้ออาจจะต้องยืดออกเพื่อจะยึดจับให้ได้ ต้องฝึกบ่อยหน่อย แต่ถ้าเป็นความเข้าใจก็ไม่ได้ยากมาก แต่ถ้าเป็นพวกท่าตีลังกา ความเข้าใจมันจะซับซ้อนกว่า การตีลังกา การกลับตัว หัวใจมันก็คือ ขึ้นไปแล้วเราโดดจะกลับตัวยังไง
เห็นว่ารับสอนด้วย ส่วนใหญ่เด็กที่มาอยู่ในกลุ่มอายุเท่าไหร่
สำหรับผมเปิดรับหมด ผมก็เฉียดๆ 40 ปีแล้วยังรู้ว่าเล่นได้ เคยคุยกับหมอมาเหมือนกัน เขาว่าอายุ 40 นี่ก็ควรจะเลิกแล้ว แต่ผมมองว่าผมยังเล่นได้แล้วเราก็ไม่ได้เล่นท่าซับซ้อน ท่าที่มันโหดๆ อะไรขนาดนั้น ผมจะเล่นแบบท่าที่ไม่ได้ยากมาก ท่าเพื่อความสวยงาม เพราะอย่างครูผู้ฝึกเขาก็อายุเยอะๆ กันแล้ว เราก็พอโดดได้ในระดับหนึ่ง
คือการตีลังกาสำหรับผู้ชาย มันอยากทำได้ทุกคน เพียงแต่มันเริ่มต้นไม่ถูก แล้วก็มีคนหลายประเภทที่เข้ามาเรียนเพราะแค่ความสงสัย มันจะมีทำได้กับทำให้สุดๆ สุดๆ พวกนี้เขาไม่เอา เขาเอาแค่ความสงสัยทำได้ปั๊บก็เลิกเลย พวกนี้ไม่อยากเก่งไงแค่อยากรู้ว่ามันทำยังไง ตีลังกายังไง พอทำได้ก็เลิกเลย มันจะมีรอยต่อของการพัฒนา พวกที่ทำได้สุดๆ แล้วนี่พัฒนาการมันจะน้อยแล้ว จะเหลือก็แต่ฝึกไว้ให้มันคงที่ ให้มันสม่ำเสมอ
ดูแล้วเป็นกีฬาที่ใช้ความเสี่ยง แล้วคงผ่านอุบัติเหตุมาแล้วแน่ๆ อันตรายขนาดนี้ทำไมยังเล่นอยู่ครับ
ก็ขึ้นชื่อว่าลูกผู้ชาย ตีลังกามันต้องได้ใช่มั้ย เจ็บแล้วมันต้องเอาคืน เหมือนมันเป็นข้อพิสูจน์ให้เรารู้ว่าเราทำได้ มันเริ่มจากความกลัว ถามว่ากลัวมั้ยก็ตอบเลยว่ากลัว ถามว่ากล้ามั้ยก็ตอบเลยว่ากล้า กลัวก็กลัวแต่เอาก็เอา คือมันอยากรู้ว่าเราทำได้ และทำให้รู้ว่าอายุก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรเท่าไหร่หรอก ขอให้คนเราเริ่มเรียนรู้ประสาทมันจะเริ่มพัฒนามันจะเริ่มจับได้ คุ้นเคยแล้วกล้ามเนื้อมันจะเริ่มปรับทีละนิด เราก็จะเริ่มพริ้วไปได้ ทุกอย่างมันทำได้หมดเพียงแค่เราเก็บไปบ่อยๆ ฝึกไปในแต่ละวัน ทำได้หมดล่ะครับ อยู่ที่ว่าจะทำหรือเปล่า อายุไม่เกี่ยว
มีวิธีอะไรที่จะขจัดความกลัวของผู้ที่เข้ามาเล่นฟรีรันนิ่ง
สำหรับผมจะมีสเต็ปเป็นขั้นตอน หนึ่งทำอย่างนี้นะ สองได้มั้ย สามดูนะปลอดภัยมั้ย สี่ทำตามนี้นะ แล้วท่าที่ถูกต้องมันจะเซฟตัวของมันเอง คนเรียนจะรู้สึกเองโดยอัติโนมัติแบบมันทำได้แล้วเหรอ พอทำได้ปุ๊บ มันได้ใจแล้ว เข้าใจแล้วว่ามันกลับตัวได้แล้ว ปลอดภัยแล้ว มันก็ไม่กลัวแล้ว การสอนของผมจะเป็นการเอาชนะสัญชาติญาณในการป้องกันตัวของคนเรา โดยใช้ทริคอย่างง่ายๆ แต่ถ้าเป็นอย่างที่กลุ่มอื่นสอนกันบางที่จะสอนแบบจับยัด ฝืนเด็กเพื่อให้ทำให้ได้ กลุ่มอื่นบางกลุ่มฝึกกันบนพื้นปูนเลย ยอมรับว่าถ้าคนที่ได้มันก็เก่งเลย แต่ผมไม่ใช่ จากในยิมก็ไปพื้นหญ้า บางคนอาจจะเป็นพื้นทรายก็แล้วแต่เป็นขั้นไป คือเราไม่จำเป็นต้องเก่งอะไรขนาดนั้นหรอก เอาปลอดภัยไว้ก่อนดีสุด เวลาฝึกอุปกรณ์เซฟผมจะเยอะมาก กันเหนียวไว้ก่อน
อย่างน้องคนนี้ มาถึงมันเล่นเลย ขึ้นไปอีท่าไหนไม่รู้เจ้าที่แรงมั้งลงมาหน้าฟาดกับพื้นปูนเลย มันบอกขึ้นไปต้องเก็บรอบให้ได้ แต่ก็ยังไปเล่นต่อได้นะฝืนเจ็บได้ แต่ก็ไม่เข็ดหรอกเพราะพวกนี้มันมีใจอยู่แล้ว
ไอ้น้องคนนี้ที่ถูกพูดถึงคือ โป้ พีระพันธ์ พันธ์ศรี เด็กหนุ่มวัยสันทัด ที่เป็นเด็กโลดโผนของเราในวันนี้
จริงๆ แล้วน้องใป้มาเริ่มรู้จักกับกีฬาผาดโผนชนิดนี้จากการมารวมกลุ่มเต้นบีบอยกับเพื่อนๆ ตอนแรกก็เริ่มฝึกตีลังกา เพราะนึกว่ามันเป็นท่าบีบอย ต่อมาเมื่อเริ่มเจ็บตัวขึ้นเรื่อยๆ ได้ศึกษาจึงทำให้เด็กคนนึงรู้ว่าที่ตัวเองฝึกมันคือฟรีรันนิ่ง จึงได้สานต่อการฝึกของฟรีรันนิ่งมาเรื่อยๆ สักประมาณ2 ปีได้ เด็กหนุ่มอย่างเขาทำไมถึงเลือกเล่นกีฬาเสี่ยงๆ อย่างนี้ นั่นเป็นคำถามที่อยู่ในใจเรา
มารู้จักกับกีฬาชนิดนี้ได้ยังไง
จริงๆ แล้วผมมารู้จักกีฬาชนิดนี้จากเกมส์ครับ เพราะมันจะมีเกมส์ชื่อฟรีรันนิ่ง เราเห็นก็สงสัยว่าทำไมมันตีลังกาเยอะจัง เลยลองถามด้วยกันดูว่าไอ้ที่เราเล่นนี่มันใช่ฟรีรันนิ่งหรือเปล่า แล้วเพื่อนก็ไปดูครับ สรุปแล้วก็คือใช่ครับ ตอนนั้นนี่เริ่มฝึกไปได้สักพัก เริ่มได้ท่าบ้างแล้ว ก็เพิ่งรู้ว่ามันคือฟรีรันนิ่ง
ทำไมถึงมาชอบกีฬาชนิดนี้
ก็ไม่รู้หรอกครับ แต่รู้สึกเหมือนเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เล่นแล้วมันใช่เลย รู้สึกอย่างนั้นครับ
เห็นพี่วุฒิว่าเราเป็นอีกคนที่ได้แผลไปเยอะเหมือนกัน คิดจะเลิกเล่นบ้างมั้ยเจ็บตัวขนาดนี้
ตั้งแต่เล่นมาก็ยังไม่ถอดใจนะครับ ส่วนใหญ่จะสู้อย่างเดียว เจ็บก็สู้ครับ เพราะว่าถ้าเจ็บแล้วเรายังไม่ได้ท่านี้มา มันเหมือนเจ็บฟรีครับ คือมันเจ็บไปแล้ว มันต้องทำให้ได้ครับ
ทางบ้านรับทราบมั้ยว่าเราเล่นกีฬาชนิดนี้ แล้วพวกเขาว่ายังไงบ้าง
ก็เขาบอกว่าอยากเล่นก็เล่นไปเลยครับ ถ้าใจชอบก็เล่นต่อไป หรืออาจจะเป็นเพราะเขาเตือนจนเอือมระอาหมดแล้วครับ ก็มีบอกเหมือนกันว่ามันอันตรายจะเล่นทำไม แต่ก็จะคอยเตือนให้ระวัง
คนส่วนมากเห็นพวกน้องเป็นเด็กโลดโผน ทำอะไรแผลงๆ พวกนี้ อยากบอกอะไรกับพวกเขามั้ยครับ
ก็คนส่วนใหญ่ที่เห็นพวกเรารวมกลุ่มกัน อาจจะนึกว่ามั่วสุมกัน บางทีเห็นก็ว่ามันผาดโผนไม่อยากให้ซ้อม ไล่ไปทางนู้นทางนี้บ้าง แต่จริงๆ แล้วเราเล่นกีฬาครับ ทำร่างกายให้แข็งแรง ไม่ติดยาเสพย์ติดอีกต่างหาก
มีความสุขไหมกับการเล่นกีฬาชนิดนี้
มีความสุขดีครับ เหมือนลอยได้ เวลาลอยได้ ตีลังกาได้ มันเหมือนว่าเราบินได้ เป็นความสุขเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่ก็เป็นความรู้สึกที่สุดยอดของเรา