เปิดศึกฟุตบอลโลก 2014 (World Cup 2014) ณ ดินแดนแห่งมนต์เพลงแซมบ้า ประเทศบราซิลไปได้ซักพักแล้ว ซึ่งผ่านเกมแรกไปทุกคู่ ทุกกลุ่มทั้ง 8 กลุ่มเรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่า ตลอดทั้ง 16 คู่ 32 ทีมได้ห้ำหั่นกันนั้น โดยส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามความคาดหมายของทั้งแฟนฟุตบอลโดยรวม หรือ ทั้งนักวิจารณ์ทั้งหลายแหล่ ที่ได้ทำนายไปก่อนล่วงหน้าแล้วว่า ผลการแข่งขัน จะต้องออกไปในทิศทางที่ตัวเองได้วิเคราะห์ไว้
จะมีเพียงก็แต่คู่ของ ‘จอมโหด’ อุรุกวัย เจ้าของดีกรีอันดับ 4 เมื่อฟุตบอลโลกครั้งก่อน (2010) ที่ดันทะลึ่งพ่ายแพ้ต่อทีมที่ไร้ศักดินาไม่มีอะไรเลยจากโซนคอนคาเคฟ อย่าง ‘กล้วยหอม’ คอสตาริกา ไปด้วยสกอร์ 1-3 ซึ่งสร้างความแปลกประหลาดใจให้กับแฟนบอลทั้งสนาม และผู้ชมทั่วโลก รวมทั้งตัวผมเองที่ต่างช็อกกับสกอร์ดังกล่าวไปด้วย
ซึ่งแน่นอนว่า มันพานทำให้ผมนึกถึงแมตช์เปิดสนามแบบพลิกล็อกในครั้งก่อนที่ผ่านมาอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเกมที่คัดเลือกมาให้คุณผู้อ่านได้อ่านกันนั้น ให้ถือซะว่าเป็นการรำลึกความหลังไปในตัว และย้อนอดีตกับเกมดังกล่าวไปในคราวเดียว
และนี่คือ 5 แมตช์เปิดสนามเกมแรก “ฟุตบอลโลก” ที่ช็อกโลก!!
เยอรมันตะวันตก 1 – 2 แอลจีเรีย (1982)
นี่คือแมตช์การแข่งขันที่ทุกสำนักยกให้เป็นการแข่งขันแห่งความพลิกล็อกตลอดกาลของศึกฟุตบอลโลก ด้วยการที่แอลจีเรีย เพิ่งเข้าร่วมศึกฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก จะมาสู้อะไรกับเจ้าของแชมป์โลกสองสมัย (ในตอนนั้น) แต่พวกเขาก็สามารถหักปากกาเซียนลงได้ จากประตูของ Rabah Madjer และ Lakhdar Belloumi แต่ดูเหมือนโชคชะตามักเล่นตลกกับพวกเขา เพราะต้องกระเด็นตกรอบแรกด้วยฝีมือของเยอรมันตะวันตกในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยชัยชนะ 1-0 ต่อออสเตรีย ซึ่งจูงมือขุนพลลุ่มน้ำดานูบ เข้ารอบสองไปแทน
อาร์เจนตินา 0 – 1 แคเมอรูน (1990)
ด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำคอของ ‘ทีมฟ้าขาว’ จากการคว้าแชมป์โลกในครั้งก่อนหน้า (1986) ทำให้บรรดาแฟนบอลและกองเชียร์ต่างอยากเห็นเกมนี้ไปในทิศทางเดียวกัน คือ การคว้าชัยของอาร์เจนตินา แต่พอจบเกมกลับกลายเป็น ขุนพลสมญานามหมอผี ที่คว้าชัยชนะไปครอง จากประตูโทนของ Francois Oman-Biyik ท่ามกลาง 2 ใบแดงที่แคเมอรูนได้รับในเกม และจากเกมนี้เอง มันทำให้พวกเขาก้าวทะยานเป็นทีมแรกของทวีปแอฟริกา ที่เข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ส่วนอาร์เจนตินานั้น ถึงกับกระเสือกกระสนเข้ารอบสองไปแบบหวุดหวิด ก่อนที่จะได้รองแชมป์ในบั้นปลาย
คอสตาริกา 1 – 0 สกอตแลนด์ (1990)
หากมองที่ชื่อชั้นของทั้งสองทีมแล้ว ยังไงๆ สายตาของแฟนบอลส่วนใหญ่ คงจะต้องยืนข้างฝั่งขุนพลแดนขี้เมาเป็นแน่แท้ เพราะสถิติการเข้ารอบครั้งที่ 5 ติดต่อกัน (นับตั้งแต่ปี 1974) แต่สถิติก็ไม่ช่วยอะไรให้สกอตแลนด์ดูดีขึ้นมาหลังจากจบการแข่งขัน เมื่อ Juan Cayasso เป็นผู้สังหารประตูชัยให้ทัพกล้วยหอมที่เพิ่งผ่านเข้ารอบเป็นครั้งแรก เอาชนะไปด้วยสกอร์ 1-0 และมันยังเป็นการต่อยอดให้คอสตาริกาเข้ารอบสองในตอนท้าย ส่วนสกอตแลนด์ ก็ตกรอบตามระเบียบ หลังจากแข่งครบ 3 เกม
สเปน 2 – 3 ไนจีเรีย (1998)
ก่อนที่ ‘กระทิงดุ’ จะเป็นโคตรทีมแห่งยุคในปัจจุบันนี้ พวกเขาก็เคยมีช่วงเวลาที่ห่วยแตกเช่นเดียวกัน นั่นคือ เกมเปิดสนามที่ฝรั่งเศส กับทัพ ’อินทรีมรกต’ ไนจีเรีย ที่เริ่มสร้างชื่อให้กับโลกฟุตบอลมาทีละนิด ซึ่งก่อนเกม สเปน เป็นต่อทางไนจีเรียแบบครึ่งต่อครึ่ง แต่รูปเกมจริง ถือได้ว่าเป็นเกมที่สนุกอีกเกมหนึ่งในครั้งนั้น ก่อนที่ไนจีเรียจะเฉือนเอาชนะไปได้ 3-2 จาก Mutiu Adepoju, Garba Lawal และ Sunday Oliseh ส่วนสเปนได้จาก Fernando Hierro และ Raul Gonzalez และแน่นอน ไนจีเรียเข้ารอบ ส่วนสเปนตกรอบ
ฝรั่งเศส 0 – 1 เซเนกัล (2002)
‘เลส์ เบลอส์’ ยังคงมีความสดชื่นจากการคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์ใหญ่มา 3 รายการติดต่อกัน (ฟุตบอลโลก 1998, ยูโร 2000, คอนเฟเดอเรชัน คัพ 2001) และยิ่งมาเปิดสนามพบกับ เซเนกัล ชาติที่แทบจะไม่มีใครรู้จักในวงการลูกหนังโลกเลย นั่นทำให้ขุนพลแดนน้ำหอม หมายมั่นปั้นมือว่าจะเอาชนะให้จงได้ แต่ปรากฏว่า เป็น เซเนกัล คว้าชัยไปแบบช็อกโลก ด้วยสกอร์ 1-0 จากผลงานฝีเกือกของ Papa Bouba Diop และแมตช์นั้นทำให้ ‘ยุคทอง’ ของทีมชาติฝรั่งเศส ต้องจบลงในเวลาต่อมา เพราะต้องตกรอบแรกแบบน่าขายหน้า ด้วยการยิงใครไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว ส่วน เซเนกัล สามารถทะยานไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในครั้งดังกล่าวซะงั้น
คลิปประกอบ : www.youtube.com