‘Love Hotel’ อาจจะยังไม่เป็นที่คุ้นหูมากนักในบ้านเราเท่ากับคำว่า ‘โรงแรมม่านรูด’ ที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว โดยยึดเอารูปแบบของ ‘Motel’ (มาจากคำว่า Motorcar+Hotel) ที่พักราคาประหยัดสำหรับผู้เดินทางไกลด้วยรถยนต์ ซึ่งจะมีพื้นที่จอดรถให้ด้านหน้า แต่บ้านเราจะแตกต่างก็ตรงที่ว่ามีม่านรูดปิดมิดชิดเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้อีกระดับหนึ่ง จนหลายๆ คนต่างขนานนามโรงแรมแบบนี้ว่า ‘โรงแรมม่านรูด’
โรงแรมม่านรูดในบ้านเราเปิดให้พักทั้งแบบค้างคืนและชั่วคราว และโดยส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปที่ชั่วคราวมากกว่าเพื่อรองรับกิจกรรมทางเพศของคู่หนุ่มสาว ทำให้ม่านรูดมีภาพลักษณ์เป็น ‘พื้นที่หฤหรรษ์ทางเพศ’ แถมพานแปะโลโก้คนใช้บริการไปในตัวว่ามาเพื่อ ‘เสพ sex และ make love’ แต่ถึงกระนั้น โรงแรมม่านรูดก็ยังเติบโตคู่กับสังคมไทย รุ่งเรืองและเข้าสู่ยุคร่วงโรย จนเราได้เห็นการปรับตัวขนานใหญ่ซึ่งใช้ ‘theme’ และ ‘fashion’ มาเป็นตัวกระตุ้น และลักษณะที่ว่ามานี้ก็ได้รับอิทธิพลจากเจ้าพ่อ sex แห่งเอเชียอย่างญี่ปุ่นมาเต็มๆ
mars ฉบับนี้จึงขอพาคุณหักรถเลี้ยวมาเที่ยว ‘ชั่วคราว’ กับเราใน ‘Love Hotel’ ยุคใหม่… สีสันแห่งโลกกามา
‘รูดม่าน’ ไม่เร้าใจ ต้องเปลี่ยนใหม่เป็น ‘Love Hotel’
“เมื่อก่อนนี้วันลอยกระทง วันวาเลนไทน์นี่รถจอดต่อคิวเข้ากันเลย ห้องเต็มก็ยังมานั่งรอ” พนักงานรุ่นบุกเบิกบอกเล่าถึงบรรยากาศวันวานอันรุ่งโรจน์ของ โรมแรม Peep INN รัชดา เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ที่ไม่ว่าจะเทศกาลอะไรโรงแรมม่านรูดแห่งนี้ก็คลาคล่ำไปด้วยนักรักล้นหลาม
และด้วยบริการที่ดี สะอาด และปลอดภัย Peep INN จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นโรงแรมม่านรูดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ณ พ.ศ. นั้น แต่เมื่ออพาร์ตเมนต์และคอนโดมิเนียมเข้าสู่ยุคเฟื่องฟู พื้นที่โรงแรมม่านรูดหลายแห่งในกรุงเทพฯ ต่างปรับเปลี่ยนตัวเองขนานใหญ่และกลายเป็นห้องพัก ‘สีขาว’ ม่านรูดที่เหลืออยู่ก็ต้องขยับปรับไปในแนวทาง ‘Love Hotel’ เพราะโดยชื่อและการตกแต่งแล้ว ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจน้อยกว่าโรงแรมม่านรูด
“เมื่อมีคอนโด มีหอพัก พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน คนก็ไม่จำเป็นต้องใช้ห้องชั่วคราวแล้ว แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ หรืออยากได้อะไรที่เขาไม่มี ไม่ต้องไปต่างจังหวัด แค่เลี้ยวรถมาก็เหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่งสองสามชั่วโมง โรงแรมม่านรูดเลยต้องมีการปรับตัวกัน จะนิ่งๆ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้”
สรัญ ลิ้มสวัสดิ์วงศ์ เจ้าของโรงแรม Peep INN โรงแรมม่านรูดในตำนาน ที่แม้จะอยู่ยงคงกระพันก็ยังต้องปรับปรุงขนานใหญ่ และยังต้องขยับไปจับธุรกิจโรงแรมหรูระดับ 4-5 ดาวภายใต้แบรนด์ S Hotel อีกทางหนึ่ง เพราะกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่เปลี่ยนไปมาก การปรับตัวจึงต้องเร็วและตรงเป้าที่สุด
Love Hotel ญี่ปุ่น ไปไกลกว่าเมืองไทยหลายขุม
“ถ้าเราพูดคำว่า Love Hotel เราต้องคิดถึงญี่ปุ่นเลย เวลาผมรีเสิร์ชก็จะมองไปทางนั้น ต้นตำรับไหม? คงไม่ใช่ แต่เขาพัฒนาไปได้ไกลมาก ผมไปถึงญี่ปุ่นเพื่อไปดูของเขา ไม่มีที่จอดรถนะ เป็นตึกๆ เดินเข้าไปอย่างเดียว เข้าไปคุณจะไม่เจอคนเลย แต่มีแบบห้องให้เราเลือก ชอบแบบไหนก็กดแล้วหยอดเงิน กุญแจห้องก็จะหล่นมา เหมือนตู้กดน้ำ ในห้องก็มีทุกอย่างทั้งเกมเพลย์ คาราโอเกะ คือโรงแรมเขาจะเป็นสถานที่ปลดปล่อยคนจากความเครียดในการทำงาน หรือเป็นสถานที่ที่อยากให้บ้านเป็นแต่เป็นไม่ได้
“ล่าสุดมีโรงแรมหนึ่งดีไซน์ออกมาเป็นคุก มีเครื่องพันธนาการ และมีบริการขนาดที่ว่าคุณอยากถ่ายรูปไหม เราเห็นแบบนั้นยังตกใจ เขาไปไกลขนาดนี้เลยเหรอ แต่ทั้งหมดนั้นอยู่บนพื้นฐานความสะอาดและความปลอดภัย อย่างผมเข้าไป 5 นาที ถ่ายรูปเสร็จคืนบัตรจะออกยังออกไม่ได้เลย ปรากฏว่ามันคงเร็วไป ดูผิดปกติจนเราต้องโทรคุยกับเจ้าหน้าที่ถึงจะออกได้ นี่ขนาดเราไม่เห็นเจ้าหน้าที่เลยนะ แต่รู้สึกได้ถึงความปลอดภัย เช่นกัน เราก็ต้องเอามาตรฐานแบบนี้ของเขามาปรับใช้” สรัญเล่าถึงประสบการณ์การในการหาข้อมูล
จากรีวิวของผู้ใช้นามแฝง ‘Ki Sama’ ในเว็บ anngle.org/th บอกว่า Love Hotel ในญี่ปุ่นนั้นจะรองรับผู้คนสองกลุ่ม คือคนทำงานที่ตกรถไฟเที่ยวสุดท้าย และคู่รักที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ ซึ่งถ้าเป็นพนักงานออฟฟิซก็จะเลือกห้องในราคาที่ถูกที่สุด แต่ถ้าเป็นคู่รักก็แล้วแต่ความสนุกในช่วงนั้นๆ และรสนิยมส่วนตัว ซึ่งไล่สเต็ปกันไปตั้งแต่ธีมน่ารักอย่างมังงะ, ม้าหมุนสวนสนุก, ยอดมนุษย์ฮีโร่ ฯลฯ จนไปถึงระดับฮาร์ดคอร์อย่างธีมคุก ซึ่งมีโซ่ แส้ กุญแจมือ และบรรยากาศดิบๆ ไว้เอาใจคนชอบจัดหนัก
ส่วนเรื่องการซื้อห้องพักนั้นจะมี 2 แบบ แบบแรกมีพนักงาน เมื่อเราเลือกห้อง จ่ายเงิน พนักงานจะนำกุญแจมาให้ แบบที่สองคือไม่มีพนักงาน จะมีรูปแบบห้องให้เลือก จ่ายเงินผ่านตู้และกุญแจจะหล่นลงมาอัตโนมัติ แต่ถ้าไม่มีห้องว่าง! โรงแรมหลายแห่งจะจัดพื้นที่ให้แขกนั่งรอโดยจะมีฉากกั้นไม่ให้เห็นคนที่กำลังเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม แถมเวลากลางวันนั้น จะมีแคมเปญ ‘Service Time Free Time’ แถมชั่วโมงให้ลูกค้าในราคาเท่าเดิม
เขาเล่าว่า มีผลการสำรวจอยู่ชิ้นหนึ่งบอกว่า คนญี่ปุ่นมักใช้ Love Hotel เพื่อนอนค้างคืนเดือนละ 2-3 ครั้ง ส่วนถ้าเพื่อกิจกรรมทางเพศจะเดือนละ 1-2 ครั้ง โดยมีเหตุผลหลักคือ สามารถปลดปล่อยเสียงแห่งความสุขได้อย่างเต็มที่! (เหตุผลเดียวกับคนไทยไหมนะ?)
ช่วงพีคของโรงแรมม่านรูด
สรัญบอกกับเราว่า ยุคทองของโรงแรมม่านรูดนั้นคือเมื่อ 25 ปีที่แล้ว แต่เมื่ออาบ อบ นวด เริ่มเฟื่องฟู โรงแรมม่านรูดก็เริ่มซบเซา และทรุดหนักขึ้นไปอีก เมื่อธุรกิจอพาร์ตเมนต์และคอนโดเติบโตขยายวงกว้าง
“ยังอยู่ได้นะ แต่มันไม่คุ้มหรอกกับค่าที่ เจ้าของที่ส่วนใหญ่ขายที่ให้กับผู้สร้างคอนโดกันหมด แล้วหน้าตาเราในการทำธุรกิจอีก คนจะมองว่า เฮ้ย! คุณทำธุรกิจโรงแรมม่านรูดเหรอ (หัวเราะ) มันไม่สวยเหมือนทำโรงแรม 4-5 ดาว คนหนีไปทำอย่างอื่นดีกว่า ถามว่าคู่แข่งน้อยลงไหม? น้อยลง แต่เราก็ต้องพัฒนานะ ไม่งั้นคนไม่เข้า เพราะคนเดี๋ยวนี้เช่าคอนโด เช่าอพาร์ตเมนต์ก็ได้ แต่สำหรับนักเที่ยวเขาไม่ต้องการแบบนั้น เขาต้องการอะไรที่มีคนมาดูแลมากกว่า”
ลองนึกภาพย้อนกลับไปในสมัยที่คอนโดและอพาร์ตเมนต์มีแค่หยิบมือเดียว คู่รักหนุ่มสาวที่ควงแขนกันออกจากบ้านมาเที่ยวตามเทศกาลต่างๆ นั้น มักจบค่ำคืนอันแสนหวานด้วยการหาห้องราคาไม่แพงเพื่อบอกรักด้วยภาษากาย จนถึงขนาดที่ว่าโรมแรมม่านรูดเต็มตั้งแต่ยังไม่ 4 ทุ่ม
“สมัยก่อนนี้ลอยกระทง วาเลนไทน์ นี่นักข่าวมาเฝ้าหน้าโรงแรมเลยนะ เมียก็รอดูอยู่ที่บ้านว่ามีรถผัวโผล่ไหม (หัวเราะ) แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอเทศกาล คือนัดวันไหนก็ได้ ที่เที่ยวมันเยอะ สมัยนั้นช่วงพีคของโรงแรมจะอยู่ที่เวลาหลังตี 2 ผับเลิก แต่เดี๋ยวนี้พีคบ่ายๆ เพราะไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนไป”
เราเดินเข้าไปสำรวจใน Peep INN รัชดา ก็จริงอย่างเขาว่า เวลา 5 โมงกว่าของวันทำงานมีห้องที่รูดม่านปิดอยู่หลายห้อง พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกค้านั้นเป็นตัวกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องปรับเปลี่ยนตาม
Peep INN ไม่ใช่ที่แรกและที่เดียวที่ก้าวเข้าสู่ยุค Love Hotel แต่โรงแรมม่านรูดเกือบทุกมุมเมืองของไทยกำลังเปลี่ยนไปในแนวทางนี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังต้องคงเส้นคงวาในบรรทัดฐานเช่นเดิม
‘สะอาดและปลอดภัย’
‘Love Hotel’ ทางเลือกของคนรัก ‘ชั่วคราว’ ?
สรัญยอมรับว่าธุรกิจโรงแรมม่านรูดนั้นแม้ภาพที่ออกมาจะ ‘ทึมเทาและไม่สวย’ แต่เม็ดเงินที่เข้ามาหากเทียบกับโรงแรมระดับ 4-5 ดาวที่ทำอยู่นั้น มีรายได้ ‘งาม’ อยู่ไม่น้อย เพราะลงทุนด้านบริการต่ำกว่า แต่ถึงกระนั้นก็ต้องมีการปรับปรุงทุกๆ 5 ปี ซึ่งแนวโน้มที่เขามองเห็นก็คือ Love Hotel ที่เน้นธีมสนุกๆ จะเริ่มนิ่ง และผู้บริโภคจะหันไปหาห้องพักที่ให้อารมณ์แห่งการผักผ่อนอย่างแท้จริง
“เมื่อก่อนผมค่อนข้างสนุกกับการตกแต่งที่หวือหวาอย่างทำธีมรถถัง หรืออะไรแบบนั้น เวลาที่เราดีไซน์อะไรใหม่ๆ มันดีแน่นอน แต่คนเบื่อเร็ว อย่างบางคนเล่าขำๆ ว่า มาทั้งปีเข้าห้องรถถังหลายรอบแล้ว (หัวเระ) คือโลกมันเหนื่อยอยู่แล้ว มาเจออะไรแปลกๆ คนจะเหนื่อยอีก เราเลยคิดว่าอีกหน่อยจะเป็นธีมที่เหมือนโรงรถ เข้ามาม่านไฟฟ้าปิดเลย เป็นโรงรถของคุณ แล้วคุณก็เดินเข้าบ้าน มีความเป็นส่วนตัว สะอาด และปลอดภัยสูง” เรื่องความสะอาดนั้น Love Hotel หลายแห่งอยู่ในระดับดีเทียบเท่ามาตรฐานโรงแรมชั้นนำ แต่ก็อีกหลายแห่งที่ต้องปรับมาตรฐานด้านความปลอดภัย ซึ่งสรัญบอกว่านอกจากจะมีการป้องกันพื้นฐาน เช่น ติดกล้องวงจรปิด หรือยามประจำจุดแล้วนั้น ยังต้องมีมาตรการตรวจสอบหากพบว่ามีเหตุการณ์ล่อแหลม เช่น เมื่อลูกค้าเข้า 2 คน แต่ออกคนเดียว โอเปอเรเตอร์ต้องโทรไปในห้องเพื่อเช็กว่ามีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่
“อย่างเวลาที่ผู้ชายพาผู้หญิงลงจากรถ เราต้องสั่งเด็กให้ดูว่า พาเข้าห้องลักษณะไหน ผู้หญิงเดินไปเอง หรือโดนอุ้มแบบไม่ได้สติ เราต้องเช็ก แต่ถ้าผู้ชายพาผู้หญิงเข้าคอนโดหรือห้องพักรายวันนี่น่ากลัวกว่าอีก บอกตรงๆ แทบไม่มีความปลอดภัยเลย”
โรงแรมธีมคุกและห้องจำเลยรัก
เราตามติดข้อมูลของสรัญที่เคยไปสำรวจ Love Hotel ธีมคุกที่ญี่ปุ่น จนพบกับโรงแรมแห่งนั้นในเว็บไซต์ www.hotelalphain.com โดยโรงแรมก็มีชื่อเดียวกันคือ Alpha-in โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว อยู่ตรงข้ามสถานทูตรัสเซีย และไม่ไกลจากโตเกียวทาวเวอร์ เป็นอาคาร 6 ชั้น โดยทุกชั้นจะมีห้องพัก ซึ่งเมื่อคุณเข้าไปดูรูปแล้วจะรู้เลยว่า จินตนาการในเรื่องการสร้างบรรยากาศร่วมรักนั้นเขาไปไกลกว่าเราหลายขุม ส่วนจะเกิดขึ้นในเมืองไทยหรือไม่นั้น ผู้คร่ำหวอดวงการโรงแรมม่านรูดบอกเลยว่า ‘ไม่เข้ากับวัฒนธรรมไทยแน่นอน’
Love Chair
Signature อย่างหนึ่งของโรงแรมม่านรูดก็คือ ‘Love Chair’ คือ ‘เก้าอี้นายพราน’ ซึ่งไม่ว่าห้องจะตกแต่งอยู่ในธีมเรียบร้อยหรือน่ารักแค่ไหน ถ้ามีเจ้าเก้าอี้ตัวนี้วางแหมะอยู่ละก็ หนุ่มสาวที่เข้าพักจะรู้สึกวูบวาบในฟังก์ชั่นของมันทันที
เก้าอี้นายพรานถูกนำเข้ามาใช้ในเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครทราบได้ แต่คงไล่เลี่ยกับจังหวะที่โรงแรมม่านรูดเริ่มได้รับความนิยม (เพิ่มความน่าสนใจของห้องพัก) ตัวตนของมันถูกสร้างขึ้นเลียนแบบเก้าอี้ของหมอสูตินรีเวช ซึ่งไว้ใช้ตรวจภายในของผู้หญิง (มีขาหยั่ง) และเจ้าของไอเดียต้นตำรับการออกแบบคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่ยุ่นของเรา ซึ่งใส่ใจลงลึกไปซะทุกเรื่อง และทำซ้ำจนได้สิ่งดีที่สุด ซึ่งทุกวันนี้เก้าอี้นายพรานก็พัฒนาจนถึงขั้นใช้ระบบไฟฟ้าสั่งการกันแล้ว
Variety Love Hotel in Thailand
Peep INN
56 ซอยเทียมร่วมมิตร ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง กรุงเทพฯ
เป็นที่ลือลั่นอยู่พักใหญ่เมื่อมีการรัฐประหารครั้งล่าสุดกับธีมรถถังของทีนี่ที่สร้างอารมณ์ร่วมได้ไม่น้อย นอกจากนี้ยังมีห้องหลากหลายอารมณ์ทั้งธีมเวทีมวย ธีมรถตู้ ธีมญี่ปุ่น และเร็วๆ นี้จะได้พบกับการรีโนเวทห้องใหม่ที่ให้อารมณ์แห่งการผ่อนคลายอย่างแท้จริง
My lady fashion hotel
286 ซอยมหาดไทย1 ถนนรามคำแหง 65 (ถนนลาดพร้าว 122) กรุงเทพฯ
www.myladyhotel.com
‘หรูหรา อบอุ่น สนุกสนาน และตื่นเต้นแปลกใหม่’ คือไฮไลต์ของที่นี่ โดยจะแบ่งออกเป็น 4 โซนใหญ่คือบูทีค, รีสอร์ต, เซ็กซ์อินเดอะซิตี้, แฟนตาซี และฮิป เรียกว่าเปิดพื้นที่ไว้รองรับลูกค้าในทุกกลุ่มอายุ และทุกอารมณ์หฤหรรษ์ครบครัน
Movement
117 / 19 หมู่ 2 ต. ช้างเผือก อ.เมือง เชียงใหม่
www.thetimemovement.com
สโลแกนของที่นี่คือ ‘ความสุข สนุก ทุกโอกาส’ โดยจะแต่งห้องพักในแต่ละห้องออกเป็น 22 สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นซีเวิลด์, แอฟริกา, แฟนตาซี, อาร์กติก, 60s ฯลฯ ซึ่งแต่ละไสตล์นั้นชัด สนุก และสร้างอารมณ์ร่วมกับผู้เข้าพักไม่น้อย
Red Rose Hotel
60 หมู่ 14 ถ.ประชาสันติ ต.รอบเวียง อ.เมือง เชียงราย
โรงแรมแห่งนี้ชัดเจนในความเป็น Fantasy Resort เน้นสีสันและเส้นสายการดีไซน์เหมือนการ์ตูนวอลต์ ดีสนีย์ ซึ่งสร้างอารมณ์ร่วมกันตั้งแต่ทางเข้าด้วยกอลิล่ายักษ์และปราสาทเจ้าหญิง แม้จะดูเป็นการ์ตูนสีสันสดใสอย่าง Roger Rabbit, ทาร์ซาน หรือหมีพูห์ แต่ที่นี่ก็ยังมีแนวโลดโผนอย่างเวทีมวยไว้รองรับลูกค้า
Banana State Fashion Hotel
55/1 หมู่ 6 ถนนกาญจนาภิเษก ต. บางคูเวียง อ. บางกรวย นนทบุรี
www.bananastate.com
‘LOVE HOTEL แนวใหม่ที่จะทำให้ชีวิตมีแต่เรื่องกล้วยๆ’ จั่วหัวเรียกลูกค้าให้เห็นถึงความรีแล็กซ์และสบายๆ สไตล์ไทย แต่ดีไซน์ห้องนี่ต้องยอมรับว่าใช่ย่อย ทั้งแนวสวีตรูม, สปา, เพนเฮาส์, บลิส, แฟนตาซี อีกทั้งยังให้ความเป็นส่วนตัวไม่แพ้โรงแรมใดๆ
Jasmine Inn & Fantasy Resort
8/1-2 หมู่ 5 ต.ลำพยา อ.เมือง นครปฐม
www.jasmineinn.com
แนวทางการออกแบบของที่นี่จะเน้นความสบายและผ่อนคลายเป็นหลัก สุขุมนุ่มลึก ไม่หวือหวา โดยจะแบ่งเป็นโซนๆ ได้แก่โซนรีสอร์ต, โซนแฟนตาซี, โซน VIP, โซนสแตนดาร์ด ฟังดูแล้วธรรมดาใช่ไหม แต่ขอโทษ! ถ้าเข้าโซนแฟนตาซีเมื่อไหร่ได้มันเมื่อนั้น ไม่ว่าจะห้องวันทรงชัย (เวทีมวย), ห้องใต้พิภพ, ห้องไอซ์เอจ, ห้องฟริ้นสโตน, ห้องสโนว์ไวท์กับคนแคระทั้ง 7, ห้องอพอลโล่ ฯลฯ ซึ่งจัดเจนในการออกแบบไม่น้อย
เรื่อง : PAN
ภาพ : อิศเรศน์ ช่อไสว