'มนุษย์เราไม่ต้องทำเรื่องฉลาดมากมายนักหรอก แค่ไม่ทำเรื่องโง่ๆ ก็พอ' เล็ก คาราบาว


เรื่องมันนานมาแล้ว …
สิ้นเสียงไล่ตะเพิดของผู้จัดการโรงแรม นักดนตรีร่างผอมเกร็งก็กุลีกุจอเก็บข้าวของลงจากเวทีการแสดงที่เขาใช้เลี้ยงปากท้องเป็นประจำมาหลายเดือน
‘แอ๊ด คาราบาว’ ณ ช่วงเวลานั้นเพิ่งออกอัลบั้มชุดแรก ‘ลุงขี้เมา’ ด้วยยอดขายหลักร้อยทำให้เขาต้องเอาตัวรอดไปพลางๆ ด้วยการเล่นดนตรีกลางคืน และในทันทีที่รู้ข่าว ‘เล็ก-ปรีชา ชนะภัย’ แห่งวงเพรสซิเดนท์รีบปรี่มาให้กำลังใจเพื่อนเก่าซึ่งเขาคลุกคลีกันมาตั้งแต่วัยรุ่นสมัยเรียนช่างที่อุเทนถวาย และเดินทางสายดนตรีมาด้วยกันตลอด ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักใหญ่
ไม่มีใครรู้ว่าเล็กคิดอะไรในนาทีนั้น แต่นาทีต่อมาเขาตัดสินใจลาออกจากวงเดิมเพื่อล่มหัวจมท้ายไปกับการปลุกปั้นอัลบั้ม ‘แป๊ะขายขวด’ ผลงานชุดที่สองซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นลูกผีหรือลูกคน แต่ในเมื่อมีศรัทธาต้องลงมือทำ ล้มลุกคลุกคลานอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดอัลบั้มชุดที่ห้า ‘เมด อิน ไทยแลนด์’ ก็ส่งคาราบาวไปสู่ยุคอันรุ่งโรจน์จนกลายมาเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้
หากแอ๊ดคือผู้กุมชะตาเรือเพื่อล่องผ่านทะเลใจ เล็กก็คือชายเก็บฟืนที่คอยต้มน้ำอุ่นๆ ไว้ให้เพื่อนพ้องผ่านพ้นคืนวันอันหนาวเหน็บ
วันนี้เขายังคงเป็นชายเช่นนั้น หากว่างเว้นจากทัวร์คอนเสิร์ต ประตูบ้านของเล็ก คาราบาว จะเปิดรอมิตรสหายมากหน้าหลายตาอยู่เสมอ นึกครึ้มก็วางกีตาร์คว้าตะหลิวทำกับข้าวกับปลาให้เพื่อนสำราญลิ้นกัน และหากบทสนทนานี้คือเมนูสักจานจากครัวของเขา เราขอออกตัวก่อนเลยว่าอาจจะไม่ถูกปากสักเท่าไหร่ แต่ถ้าค่อยๆ เคี้ยวไปคุณจะเริ่มชินกับรสแท้ของคำว่าเพื่อน ครอบครัว ความรัก และมิตรภาพต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
รสแท้ๆ ที่เลือนรางห่างไกลจากหัวใจเราไปทุกที

30 กว่าปีมาแล้วที่นักฟังเพลงรู้จักเล็ก คาราบาว ว่าเป็นหนึ่งในหัวขบวนเพลงเพื่อชีวิต จากวัยหนุ่มจนถึงวันนี้ยังคิดอยู่ไหมว่าบทเพลงมีเสรีภาพในการบอกเล่าความคิดความเชื่อ
มนุษย์ทุกวันนี้ไม่มีเสรีภาพนะ ผมบอกให้เลย สื่อก็ไม่มีนะ คุณเองเป็นสื่อคุณก็รู้ว่าเสรีภาพคุณมีจำกัดและน้อยลงด้วย เพราะโลกมันถูกแบ่งด้วยความต้องการมากขึ้นกว่าเดิม เดี๋ยวนี้มันเป็นร้อยล้านพันล้านความต้องการ ประเทศไทยทุกวันนี้ก็แบ่งพรรคแบ่งพวกอยู่แล้ว เดี๋ยวนี้มีเพลงของฝ่ายนี้ เดี๋ยวนี้มีนักข่าวของฝ่ายนี้ เดี๋ยวนี้เสรีภาพเราถูกจำกัดโดยไม่รู้ตัวหรอก เราถูกพันธนาการโดยความอยากของมนุษย์อยู่แล้ว
ฉะนั้นคำว่าเสรีภาพ มันก็เป็นแค่ขอบเขตจำกัด เหมือนตาชั่งความยุติธรรม เมื่อไหร่ที่มนุษย์เป็นคนพิพากษา ไม่มีตาชั่งไหนเที่ยงตรง (เน้นเสียง) ผมพูดอย่างนี้เลย จะเอียงไปด้วยความเสน่หาของใครเท่านั้นเอง ไม่มีใครขาวสะอาดหรือว่าตรง ถ้าเราให้มนุษย์ตัดสิน มันเป็นอย่างนั้น

คือจะบอกว่าในความเป็นมนุษย์มันมีความลำเอียง มีความชอบ มีรัก โลภ โกรธ หลง อยู่ในตัว?
ใช่ มันอยู่ในใจลึกๆ เราอาจจะไม่พูดออกมา แต่เมื่อเป็นคนพิพากษาล่ะ อย่างผมเป็นกรรมการตัดสินดนตรี ซึ่งดนตรีมันยากที่จะตัดสินเพราะมันเป็นงานศิลปะที่ละเอียดอ่อน ยิ่งนำเสนอมาคนละสไตล์ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เอาร็อกมาแข่งกับแจ๊ซ มาแข่งกับคลาสสิก แล้วคุณจะเอาอะไรมาวัด แค่เราชอบร็อกมันก็เกิดความลำเอียงในใจแล้ว มนุษย์มันเป็นอย่างนี้มาตลอด ถ้ามนุษย์พิพากษาเมื่อไหร่ ลำเอียงทันที

ถ้าเราย้อนกลับไปดูบทเพลงของคาราบาวจะเห็นว่าเรียกร้องเสรีภาพ เรียกร้องความเท่าเทียมมานานมาก แต่เอาเข้าจริงแล้วเราไปถึงคำว่าเสรีภาพหรือยัง
เดี๋ยวนี้คาราบาวไม่พูดถึงการเมืองเห็นไหม แสดงว่ามันไปไม่รอด มันเกิดความไม่ยุติธรรมขึ้นมา เราพูดก็โดนด่า ไม่พูดก็โดนด่า เลยกลายเป็นว่าเรามาพูดเรื่องสิ่งแวดล้อมกัน สิ่งแวดล้อมน่าจะไปได้ดีที่สุด ขอบเขตของคำว่าสิ่งแวดล้อมมันถูกกำหนดโดยธรรมชาติ พอธรรมชาติเป็นคนตัดสินมันช่างยุติธรรม เพราะเขามาทีตายเป็นเบือเลย นั่นเขาให้ความยุติธรรมกับเราแล้ว เขาเตือนแล้วว่าถ้าคุณอยู่แบบนี้คุณตาย คุณไม่ดูฉันเลย ฉันทักมาทีนึงพินาศ ถ้าธรรมชาติพิพากษานี่โคตรตรงเลย ระวังให้ดีเถอะ
เหมือนที่ผู้หญิงเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมกันกับผู้ชาย แล้วมีผู้ชายบางคนทะลึ่งบอกว่าแน่จริงยืนฉี่ หยาบคายใส่อะไรแบบนี้ ผู้หญิงเขาจะไปทำได้ไง พอมีคำพูดแบบนี้แสดงว่ามันไม่อยากให้ผู้หญิงทัดเทียมจริงไหม คือลึกๆ ในใจมันมีความคิดกดขี่ เราต้องยอมรับว่าคนแบบนี้มีเยอะ
เมื่อทุกคนต้องการเสรีภาพและความเท่าเทียม เราถึงต้องมีกฎหมายไง จึงต้องมีศาสนาไง กฎหมายอย่างเดียวมันเอาไม่อยู่นะ เพราะกฎหมายอย่างเดียวมันเป็นแค่คุกทางกายภาพนะ แต่มันต้องมีคุกทางใจด้วย เพราะฉะนั้นศาสนาคือคุกทางใจ อันนี้สำคัญ มนุษย์ต้องถูกขังตลอดนะ มนุษย์ต้องมีกฎเกณฑ์ ถ้าปล่อยแล้วแย่ยิ่งกว่าสัตว์นะ
ผมเพิ่งเขียนคอลัมน์ว่า กีตาร์ทำมาจากไม้ ไม้ทำมาจากต้นไม้ ต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิต ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่สมบูรณ์แบบ แม้ต้นไม้ก็ยังมีตำหนิ มนุษย์ทำมาจากอะไร? มนุษย์ทำมาจากสัตว์ ถ้าอารมณ์ชั่ววูบเกิดขึ้นนิดเดียวเรากลับไปเป็นสัตว์เลยนะ ทั้งๆ ที่เราใส่เครื่องแบบมนุษย์อยู่ อย่างต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิตที่นิ่งที่สุดยังมีตำหนิเลย คนนี่ไม่ต้องพูดถึง เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบที่สุด

เพลงเพื่อชีวิตของคาราบาว ท้ายสุดมันสามารถเล่าถึงความเป็นมนุษย์ที่ควรจะอยู่ในกรอบในเกณฑ์ที่ดีได้มากน้อยแค่ไหน
มันเป็นความฝันของมนุษย์ ฝันของพวกเราด้วย ความฝันมันไม่จำเป็นต้องไปถึงหรอก เราอาจไปแค่เกินครึ่งก็ถือว่าโอเค เราฝันว่าอยากมีประชาธิปไตย แต่มีเข้าจริงๆ เราก็รักษามันไว้ไม่ได้ มนุษย์เราเป็นแบบนี้ เราอยู่ด้วยความฝัน ฉะนั้นเพลงเพื่อชีวิต เพลงรักอะไรก็แล้วแต่มันถ่ายทอดความฝัน เพลงเพื่อชีวิตมันจะถ่ายทอดความฝันได้ชัดเจนที่สุด เพราะอย่างเพลงรักเดี๋ยวเขาเลิกอกหักเขาก็ลืม แต่เพลงเพื่อชีวิตมันเป็นความต้องการของมวลชนลึกๆ เรื่องความยากจน เรื่องความเสียเปรียบ มันเป็นอย่างนี้กันมาตลอด จนไม่รู้ว่าความฝันจะถึงฝั่งหรือไม่

เล่าเรื่องพวกนี้มายาวนานแต่ก็ยังไม่เป็นจริงสักเท่าไหร่ มีเหนื่อยมีท้อบ้างไหม
ไม่เหนื่อยหรอก แต่บางครั้งมีความรู้สึกเสียใจนิดๆ กับเรื่องความแตกแยกของความเป็นมนุษย์ ทุกวันนี้เราขึ้นเครื่องบินทีเราแทบจะแก้ผ้ากันอยู่แล้ว โดนตรวจจนไม่รู้จะตรวจยังไง เดี๋ยวนี้ผมไปต่างประเทศผมใส่รองเท้าแตะนะเพราะถอดง่าย มึงสงสัยกู กูถอดเลย ไม่ใส่เข็มขัดอะไรทั้งสิ้น ไปถึงก็ถอดเสื้อ
ทุกวันนี้เราต้องยอมจำนนในความที่มนุษย์ไม่รักกัน คุณขึ้นเครื่องบินคุณก็ต้องทำ คุณต้องถอดเสื้อเพราะคุณไม่ไว้ใจกัน พร้อมที่จะมาฆ่ากันได้ นั่นคือความเป็นมนุษย์ไง ผมถึงเสียใจในความเป็นมนุษย์ที่เราบอกว่าทรงภูมิปัญญากันเหลือเกิน ขณะเดียวกันเราก็เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่เข่นฆ่ากันมากที่สุด ผมมีคำพูดของผมประโยคหนึ่งที่ว่า มนุษย์เราไม่ต้องทำเรื่องฉลาดมากมายนักหรอก แค่ไม่ทำเรื่องโง่ๆ ก็พอ

เรื่องโง่ๆ ในความหมายของเล็ก คาราบาว มีเรื่องอะไรบ้าง
คนทำจรวดได้นี่ไม่ใช่คนโง่นะ ฉลาดถึงทำจรวดได้ แต่เอาจรวดไปถล่มคนอื่นแล้วคนอื่นมาแก้แค้นกลับคุณว่าฉลาดเหรอ นี่ไงถึงบอกว่าเราไม่ต้องทำเรื่องฉลาด แค่ไม่ทำเรื่องโง่ๆ ก็พอ พอเราทำเรื่องฉลาดเป็นปุ๊บเราก็ทำเรื่องโง่ทันที พอทำเรื่องโง่ปุ๊บมันจะโดนคนอื่นทำเรื่องฉลาดแบบโง่ๆ สวนกลับมา ขึ้นเครื่องบินเราถึงต้องถอดเสื้อถอดรองเท้าไง ตอนนี้เรากำลังทำเรื่องโง่ๆ กันอยู่นะ

ทุกวันนี้อยู่ยากไหม วงการเพลงเพื่อชีวิตบ้านเรา
ทุกคนล้วนลำบากหมด ปัญหาเดียวกันที่ทุกคนเจอก็คือเมื่อสังคมออนไลน์เข้ามาก็เกิดอาการก๊อบปี้ขึ้นมาต้องใช้เวลาปรับตัวพักหนึ่ง ไอ้พักหนึ่งนี่นานนะ เพราะมันต้องใช้เวลารุ่นหนึ่งของคนผ่านตรงนี้ไปให้ได้ ซึ่งดันมาเจอในยุคพวกเราพอดี ต้องส่งผ่านไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานให้เขามีสำนึกว่าคุณต้องเสียเงินตรงนี้ มันไม่ใช่ลอยมาในอากาศอย่างที่คุณคิด แต่ทุกวันนี้คนยังไม่สำนึกแบบนั้นไง มีก๊อปกันเรื่อยไป เราก็ต้องทน

ศิลปินหลายคนจึงต้องหาทางอยู่รอดด้วยการทำธุรกิจหรือไม่ก็ออกทัวร์คอนเสิร์ตให้เยอะขึ้น?
เรื่องทัวร์คอนเสิร์ตมันเป็นความอยู่รอดมานานแล้ว วงอื่นไม่รู้เป็นไง แต่คาราบาวเป็นมานานแล้ว สมัยก่อนจะ 50/50 จากเทป 50% จากการแสดง 50% แต่ตอนนี้มันจะเหลือแค่ 50 จากการแสดง ส่วนทำซีดีทำอะไรเนี่ยเราทำเพราะอยากทำ ทำเพื่อโปรโมตเพื่อสะสมแบบนั้นไป ส่วนเรื่องตัวเงินยอมรับว่ามันไม่ค่อยมี หลายๆ คนทำแล้วขาดทุน
ถามว่าในความเป็นนักดนตรีต้องทำแบบนี้ต่อไปไหม? ต้องทำสิ คาราวบาวก็ทำ ผมก็ต้องทำ แต่เดี๋ยวนี้ค่าอัดเสียงมันเซฟกว่าเมื่อก่อนเยอะ เมื่อก่อนทำห้องอัดที 40 ล้าน เดี๋ยวนี้มันถูก เด็กๆ อยู่บ้านเขาก็ทำได้ แล้วผู้คนเริ่มเข้าใจในการฟังว่าไม่จำเป็นต้องเนี้ยบ เดี๋ยวนี้ผมกลับมาทำงานแบบนี้นะ บางทีอัดเสียงในสนามมีหมาเห่าด้วย มันสื่อเรื่องราวความเป็นมนุษย์อย่างชัดเจนไง เราอยู่อย่างนี้เป็นอย่างนี้ เราไม่ได้ไปนอนในห้องอัดเลยไม่มีความจำเป็นต้องเงียบขนาดนั้น เน้นตรงความเป็นธรรมชาติแล้วก็เล่นสดจริงๆ ถ่ายภาพพร้อมบันทึกเสียง ฉะนั้นจะไม่มีการลิปซิงก์ ภาพที่คุณเห็นนั่นคือผมนะ ช่วงเวลานั้นจริงๆ อาจจะมีเหลื่อมไปนิดเพี้ยนไปหน่อย เป็นเสียงธรรมชาติไป มีหมาเห่ามั่ง ทำไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์

เข้าไปอ่านในเพจ Lek Carabao Solo เห็นทั้งความเป็นนักดนตรี นักเขียน พ่อครัว พ่อบ้าน สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันเกิดขึ้นด้วยวิธีคิดแบบไหน หรือมีวิธีคิดยังไงถึงสร้างตัวตนในมิติต่างๆ ขึ้นมาได้
ผมก็ไม่รู้ตัวนะ มันคงมาเองแหละ ที่จริงผมเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว เป็นตั้งแต่เด็ก ผมเรียนหนังสือไม่ค่อยรู้เรื่อง คุยกับครูไม่ค่อยรู้เรื่อง ห้องเรียนมันแคบไป เราคิดอะไรเยอะกว่านั้น ผมเกิดในยุคนี้ท่าจะดี ในยุคนั้นครูจะชอบหาไม้เรียวตีเราถ้าเราคิดไม่เหมือนเขา เช่น ครูถามว่าช้างร้องเสียงแบบไหน ทุกคนก็จะตอบเหมือนกัน แต่ความจริงช้างมันไม่ร้องเสียงเดียวหรอก ถ้าเราตอบไม่ถูกใจครูนั่นคือผิด ไม่รู้ครูรู้จักช้างได้ดีเท่าเราหรือเปล่า ไอ้คำตอบเนี่ยสำคัญ ผมเรียนหนังสือไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะตอบไม่ค่อยตรงกับครู ขนาดเรียนดนตรีที่เราชอบยังโดนครูไล่เลยนะ ผมเรียนโน้ตด้วยตัวเองแล้วก็ไปเรียนเพิ่มแล้วดันไปเถียงครูเข้า ครูบอกว่าถ้าเก่งกว่านี้ไม่ต้องมาเรียน คือเถียงครูไม่ได้ไง
ลูกชายผมเคยถามว่าทำไมต้องเรียนวิชานี้ทั้งที่ไม่ได้ใช้ ผมตอบว่าหนูต้องเรียนเพราะนั่นคืออาชีพของครู ถ้าเกิดไม่เรียนครูก็จะไม่มีอาชีพ ไม่มีวิชานี้ครูก็ยุ่งเหมือนกัน มีหลายอย่างที่เป็นแบบนี้ คนมักคิดว่าบางงานทำไมไม่ใช้เครื่องจักร ค่าแรงบ้านเราถูกจะตายเราจะไปใช้เครื่องจักรทำไม อย่างปั๊มน้ำมันทำไมเราไม่เติมเอง ผมไม่เห็นด้วยนะสำหรับเมืองไทยเพราะเมืองไทยค่าแรงถูก จ้างเด็กมันเถอะมันจะได้มีรายได้ ถ้าเกิดเจ้าของปั๊มจะเอาแบบอเมริกาขึ้นมาเนี่ยไม่เท่หรอก เด็กตกงาน เราคิดถึงมุมนี้ ครูก็เช่นกัน

มาเรื่องเข้าครัวกันบ้าง ทำไมถึงชอบทำอาหาร ขนาดที่ว่าไปขลุกในครัวของโรงแรมก็เคยทำมาแล้ว
อาหารกับการทำเพลงมันคล้ายกันมาก เพียงแต่อาหารมันกิน แต่ดนตรีมันฟังกับดู อาหารที่ดีก็เหมือนเพลงที่มีเนื้อหาดี หน้าตาอาหารสวยเหมือนเพลงเพราะ มันเป็นศาสตร์ที่ไขว้กันมาก ทำอาหารให้อร่อยก็เหมือนทำเพลงให้เพราะติดหู แม่ผมเนี่ยเป็นแม่ค้าไง ตอนเด็กๆ ก็ช่วยทำนั่นทำนี่ ข้างบ้านก็เป็นร้านทำขนมมั่งอะไรมั่ง ก็เลยได้ศาสตร์แบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ อยากเล่นกับเพื่อนก็ต้องไปช่วยเพื่อนทำงานจะได้เสร็จเร็ว เราก็เลยทำขนมเป็น ฝอยทองหรือของหวานผมทำเป็นหมดนะ ติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้
ความได้เปรียบของเราคือเป็นนักดนตรี มันมีความเสน่หา กุ๊กส่วนใหญ่ในเมืองไทยจะเป็นคนอีสาน ซึ่งชอบเพลงคาราบาวอยู่แล้ว เราจะได้คะแนนตรงนี้ พอถามเขาก็มักจะบอกโดยไม่ปิด แล้วอีกอย่างเราเป็นนักเดินทางโดยอาชีพ ถ้าเป็นคนชอบกินจะรู้ว่าร้านไหนอร่อย ก็ได้เป็นข้อมูลมา
 
สมัยหนุ่มๆ เห็นว่ามีความเป็นตัวของตัวเองสูง แถมเป็นคนเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย ไปยังไงมายังไงถึงก้าวข้ามจุดนั้นมาได้
เมื่อก่อนนี้เราเจอเรื่องร้ายๆ ในชีวิตมาเยอะ อย่างชีวิตคู่เราก็เจอเรื่องร้ายๆ แบบสุดๆ พอมีลูกไม่กี่เดือน (แฟนคนแรก) แฟนก็เลิกกันแล้ว เราก็เลี้ยงลูกมาตลอด ผมเลยมีประสบการณ์ที่มันเจ็บปวดแต่ก็ก้าวผ่านมาได้ พอมาเห็นเด็กๆ เขาอกหัก เราก็เขียนเพลงบอกว่ามันเป็นแค่บทเรียนเล็กๆ พี่ก็เคยเจอหนักมากกว่านี้ยังข้ามมาได้เลย บางคนถึงขั้นทำร้ายตัวเอง ไปฆ่าตัวตาย พอมันเลยเรื่องนั้นมาแล้วแต่ไม่ตายก็มีรอยแผลเต็มไปหมด มันยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปอีก บางคนรักแฟนก็สักชื่อแฟน เปลี่ยนแฟนสิบคนก็สิบชื่อ กว่าจะแก่นี่เต็มหน้าอกหมดเลย (หัวเราะ) ผมก็เป็น ในวัยเด็กๆ ก็ร้าย ปฏิเสธสังคมเลย ดูดบุหรี่ต่อหน้าผู้คนออกทีวีไม่สนใคร ช่างภาพบอกอย่าดูดเลยออกทีวี ผมก็บอกอย่าถ่ายสิ นั่น! ดันไปกวนเขาอีก คือเป็นคนแบบนั้นไง
ก้าวข้ามมาได้ไง? อายุนี่สำคัญนะ อาจจะเป็นโชคดีของผมและสมาชิกคาราบาว ชื่อเสียงของวงคาราบาวมันเหมือนการขึ้นบันได ชุดแรกก็ขายไม่ดี ชุดสองก็เขยิบมานิดๆ ชุดสามก็เริ่มดัง แต่กว่าจะถึงชุดเมด อิน ไทยแลนด์ (ชุดที่ขายดีเป็นประวัติศาสตร์ ยอดขายเทปคาสเสตต์ 5 ล้านตลับ) มันมีบันไดมาถึง 5 ขั้นแล้ว ถ้าเป็นเมด อิน ไทยแลนด์เลยผมก็อาจจะมีความประพฤติที่แย่กว่านี้นะ เพราะจากการที่ปีนบันไดมาแป๊บเดียวสูง มันปรับตัวยากเหมือนกัน

นักดนตรี นักแสดง ดารารุ่นหลังๆ ที่เขาหลุดๆ กันไปก็มาจากสาเหตุแบบนี้
บางคนก้าวถึงดวงดาวแล้วไม่อยู่กับร่องกับรอย ทำเรื่องบ้าๆ บอๆ เพราะว่ามันดังเร็วเกินไป คนพอมันมีชื่อเสียง มีเงิน มีอะไรเข้ามาแล้วมันก็มีอำนาจ อำนาจอยู่ในมือใครพอกำไปสักพักมันจะทำให้คนคนนั้นเป็นบ้า ต่อให้แน่แค่ไหนถ้ากำอำนาจไว้นานๆ รับรองบ้าทุกคน (เน้นเสียง) ต้องปล่อยออกมา อำนาจมันถูกสาปมาตั้งแต่อดีตแล้ว
มีนิทานเรื่องหนึ่ง ฮ่องเต้รวมประเทศจีนได้แต่สุดท้ายโดนช่างตัดเสื้อหลอกให้แก้ผ้า เรื่องของเรื่องคือวันหนึ่งฮ่องเต้เห็นช่างตัดเสื้อกำลังทำท่าดึงอะไรมาจากท้องฟ้า ฮ่องเต้ถามว่าทำอะไร ช่างตัดเสื้อก็บอกว่ากำลังดึงใยสวรรค์เพื่อทอเป็นฉลองพระองค์ชุดใหม่ คนมีบุญเท่านั้นที่จะมองเห็น ฮ่องเต้ตกใจเลยเพราะมองไม่เห็น นึกว่าตัวเองไม่มีบุญก็ไม่กล้าพูด ช่างตัดเสื้อก็บอกอีกว่าต้องมีบุญเฉกเช่นพระองค์เท่านั้นถึงจะมองเห็น เราเป็นฮ่องเต้ก็ต้องเห็นสิวะ เลยบอกไปว่างดงามยิ่งนัก ใส่ไปก็คือแก้ผ้าเลย พอเดินไปไหนพวกอำมาตย์พวกข้าราชบริพารก็กลัวหัวขาด เลยต้องพูดว่า งดงามยิ่งนัก ฮ่องเต้คิดในใจ เฮ้ย! มันมีบุญกันหมดเลยนี่ถึงเห็น มีแต่กูที่ไม่มีบุญ ฮ่องเต้ก็แก้ผ้าออกว่าราชการไป

บนเส้นทางศิลปินถือว่าเดินทางมาไกลมาก มีวิธีการดูแลตัวเองยังไงไม่ให้หลุด ไม่ให้เขวหรือตกข้างทางเพราะชื่อเสียงเงินทองที่มีเข้ามามากมาย
อันดับแรกผมรักในดนตรี คนเราถ้ามีความรักในสิ่งที่ทำก็จะไม่หลุดง่ายๆ มันคงเส้นคงวาในความเป็นนักดนตรีของเรา ถ้าผมจะทำธุรกิจก็ทำกีตาร์ขายซึ่งก็ยังไม่หลุดจากความเป็นนักดนตรีอยู่ดี เพราะฉะนั้นผมจึงอยู่ในแนวสายกลางตลอด ไม่คิดจะไปแข่งกับเด็กวัยรุ่น เราไปตามวัยตามแนวของเราแบบนี้ การแต่งเนื้อแต่งตัวก็เป็นของเรา เพราะฉะนั้นจึงไม่มีคู่แข่ง เราก็ใช้ชีวิตของเราไป
ชีวิตมนุษย์มันมีระยะเวลาของมันอยู่แล้ว คุณไม่ต้องไปแข่งกับใครหรอก ทำเรื่องราวต่างๆ ให้สมวัยคุณดีกว่า อันนี้สำคัญที่สุด ถ้าผมไปใส่กางเกงฟิตๆ แข่งกับวงวัยรุ่นมันไม่ใช่แล้วนะ เขาเรียกคนวัยกลับ ต้องเป็นผู้ใหญ่อย่างที่เราเป็นแล้วก็จากโลกนี้ไปอย่างมีเกียรติของเรา

แล้วมันต้องใช้ให้คุ้มให้สุดไหม เพราะบางคนก็เชื่อว่าเราเกิดมาครั้งเดียว อยากทำอะไรต้องให้เต็มที่
ขีดสุดของแต่ละคนไม่เท่ากัน ต้นไม้ปลูกกระถางเดียวกันยังโตไม่เท่ากันเลย ฉะนั้นเราถึงต้องมีเสื้อผ้าที่พอดีตัวเรา เพลงก็เหมือนกัน ทำไมคนนี้ต้องร้องคีย์ E แต่คนนี้ร้องคีย์ D คุณต้องมีคีย์ของคุณ ชีวิตมันมีรายละเอียดของเราเอง
คนเรามักจะมองสิ่งที่ใกล้ตาไม่เห็น เพราะสิ่งที่ใกล้ตามันมองยาก ยิ่งมองตัวเองไม่เห็นยิ่งหนักเข้าไปอีก เพราะเรามัวแต่มองคนอื่น พอเป็นอย่างนี้มันก็ทุกข์ ผมยังคุยกับภรรยาอยู่เลยว่ามนุษย์เราถ้าหยุดความต้องการได้เราจะรวยมากแล้วก็มีความสุข รวยทั้งทางใจและทางกาย แต่ถ้าเรายังหยุดความอยากไม่ได้ ต่อให้มีเป็นหมื่นล้านก็ยังจน เพราะยังต้องหาไปเรื่อยๆ ลำบากไปตลอดชีวิต แต่ถ้าเรารู้จักใช้อย่างเพลงขอทานเจ้าสำราญ เป็นขอทานยังมีความสุขได้เลย รู้จักกินรู้จักใช้ หัวเราะได้ทุกวัน สนุกได้ทุกวัน
อย่างเรื่องกินเมื่อก่อนตอนเด็กๆ ผมชอบกินสเต๊ก ชอบมากขนาดไปอเมริกาทุกรัฐต้องสเต๊กอย่างเดียว ตระเวนกินเป็นเรื่องเป็นราว แต่พออายุเยอะเราเหม็นคาวไปเอง แสดงว่าร่างกายเราเตือนแล้วเราก็ต้องปรับการใช้ชีวิต หันไปกินมังสวิรัติ อย่างขี่ฮาร์เลย์นี่ผมชอบนะ เมื่อก่อนกรุงเทพฯ-เชียงใหม่สบาย แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นจิ๊กโก๋ 10 กิโลก็พอ เกินกว่านั้นร่างกายเริ่มบอกว่าปวดหลัง
ร่างกายเราคือครูนะ แล้วเป็นหมอใหญ่ที่สุด เวลาไปหาหมอหมอจะถามก่อนว่าอาการคุณเป็นยังไง นั่นแหละคือถามอาจารย์ใหญ่ ถ้าหมอเก่งจะถามคุณทำไม ร่างกายเราบอกเสมอว่าเจ็บตรงนั้นตรงนี้แต่เราไม่มองเองดันไปถามหมอ ซึ่งอาจารย์ใหญ่บอกเราแล้วแต่เราไม่รีบหยุด

ยึดโยงตัวเองเข้ากับหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนาไหม เพราะฟังๆ ดูแล้วมีส่วนที่เกี่ยวข้อง
หลักธรรมผมชอบนะแต่ไม่ได้คิดแบบคนอื่น แน่นอนผมเข้าวัดเดือนละครั้งใส่บาตร และชอบพระทางปฏิบัติเป็นรูปธรรม ซึ่งบางคนก็บอกว่าพระต้องตัดทางโลก แต่ผมกลับมองว่าบางครั้งเราต้องปรับวิธีคิดเหมือนกัน พระที่ไม่ตัดทางโลกแต่ว่าทำสิ่งดีๆ ให้กับโลกก็เป็นสิ่งดี เพราะพระทำมาจากคน ต้องคิดแบบนี้ ฉะนั้นคนที่ช่วยคนต้องส่งเสริม ถึงผมจะไม่ใช่นักอนุรักษ์แบบหัวชนฝา แต่ถ้าใครเป็นนักอนุรักษ์ก็เห็นด้วยกับเขานะ เพราะคนเหล่านี้คือคนที่เสียสละ เราก็ต้องส่งเสริมเขา
การใช้ชีวิตต้องใช้ให้เป็นจังหวะเหมือนดนตรี มีจังหวะหยุดก็เพื่อทบทวน ชีวิตคนบางทีมีชื่อเสียงมานานๆ มันก็ฟุ้ง ไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะคนโน้นคิดแทน ให้คนนั้นจัดให้ ต้องหยุดเพื่อมองว่าเราจะเป็นอะไรดี

ชีวิตที่ผ่านมาของเล็ก คาราบาว ตั้งคำถามกับตัวเองเยอะไหม
ผมก็ปล่อยชีวิตเรื่อยๆ นะ ง่ายๆ ไปตามวัย แล้วก็ทำในสิ่งที่เราชอบ เพราะมนุษย์ถ้ามีชื่อเสียงก็มักจะเป็นสัปเหร่อของสังคมตลอด ด้วยความมีชื่อเสียงมานานก็จะมีคนเลียนแบบเยอะ เอาแค่เรื่องแต่งตัวเลียนแบบนี่เยอะมาก เคยไปออกรายการแล้วพิธีกรเขาถามผมว่าอยากฝากอะไรถึงน้องๆ ที่เขาแต่งตัวเลียนแบบบ้างไหม ผมตอบสั้นๆ ว่าอย่าไปปล้ำใครก็แล้วกัน เหมือนขำนะ แล้วก็พูดต่อว่าเวลาคุณไปปล้ำใครเนี่ยตัวผมเดือดร้อนไปด้วย เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกัน ทำสิ่งดีๆ ให้สังคม แค่แต่งเหมือนผมแล้วไปนั่งเมาตามตลาดแล้วโวยวายเขาก็มาด่าเราแล้ว บางคนแต่งตัวเหมือนเราไปถ่ายเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็มีนะ ให้น้องมีอาชีพ แล้วก็ทำให้ดีแล้วกัน เราไม่หวง

แล้วอย่างเล็ก คาราบาว ทุกวันนี้เป็นคนรวยหรือคนจน
ผมหยุดความต้องการตั้งนานแล้ว แต่ทุกวันนี้ที่ผมทุกข์อยู่อย่างหนึ่งคือการทำงานเป็นกลุ่ม จะเรียกว่ามีความสุขบนความทุกข์ของตัวเองก็ได้ หรือความทุกข์บนความสุขตัวเองก็ได้ เพราะการทำงานเป็นกลุ่มมันต้องมีการเสียสละ เพื่อนเอาด้วยเราก็ต้องเอา เพื่อนไม่อยากหยุดก็หยุดไม่ได้ ไม่มีเพื่อนเราก็เหงาว้าเหว่ หนักไปก็ซึมเศร้า มนุษย์มันเป็นอย่างนี้เราก็เลยต้องมองให้เห็นแบบกลางๆ ว่าในช่วงที่ดีก็มีเรื่องแย่ ในเรื่องแย่ก็คิดถึงเรื่องดีเอาไว้ ไม่สุขหรือทุกข์เกินไป ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นภาชนะใส่น้ำที่แห้งเกินไปมันก็ไม่ดี ล้นเกินไปก็ไม่ดี ความสุขของมนุษย์มันแค่เต็ม ล้นก็เลอะเทอะ อาการเลอะเทอะมันเป็นอาการไม่เข้าท่าที่สุดเลย

เมื่อกี้พูดถึงเรื่องเพื่อน ทุกวันนี้สัมพันธภาพในคำว่าเพื่อนสำหรับคุณคืออะไร
ผมให้ความสำคัญตรงนี้เป็นลำดับต้นๆ ของชีวิตเลยนะ ครอบครัว ลูกเต้า เพื่อน ผมให้เป็นวิชาเอกของชีวิตที่ขาดไม่ได้ เราไม่อาจอยู่บนโลกใบนี้คนเดียวได้ถ้าขาดคนเหล่านี้ ทุกวันนี้เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเองนะ ถ้ามองกันจริงๆ เราทำเพื่อคนเหล่านี้ทั้งนั้นเลย ถ้าเราไม่มีพวกเขา ต่อให้คุณนั่งบนกองเงินก็ใช่ว่าจะมีความสุขนะ เผลอๆ คุณอาจฆ่าตัวตาย เงิน ทรัพย์สินคือส่วนหนึ่งที่ทำให้มีความสุขกับคนเหล่านี้ ขาดก็ไม่ได้ ถึงบอกไงว่าความสุขมันต้องเต็ม อย่าขาดอย่าเกิน พอเต็มตรงนี้ชีวิตก็บริบูรณ์ ไปเที่ยวกับเพื่อนก็สนุก มีตังค์จ่ายไม่ต้องนั่งเซ็ง แต่มีซะล้นก็เกินความจำเป็น กิน 3 มื้อก็อิ่มจะตายอยู่แล้ว

พูดถึงเรื่องชีวิตคู่บ้าง คุณเล็กและภรรยาอยู่ด้วยกันมานานอย่างนี้ มีวิธีการดูแลกันและกันยังไง
คุยกันทุกเรื่อง แล้วก็ใช้สติปัญญาคุยกัน อย่าใช้แต่อารมณ์ เห็นหลายคนแล้วชีวิตคู่พังเพราะตัวเองมีทิฐิ อยากเอาชนะ ชอบฟังคนอื่นด้วย เอางี้ดีกว่า ครั้งหนึ่งเคยมีคนในวงคาราบาวประสบปัญหาชีวิตคู่ มีนักข่าวมาถามผมเต็มเลย ผมก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง เขาก็พยายามจะชี้ให้รู้เรื่องให้ได้ เราก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง เขาก็ว่างั้นแนะนำให้กำลังใจแล้วกัน ผมก็บอกว่าไม่ได้หรอกเพราะว่าเขาไม่ใช่เด็ก เขาอยู่กันมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว นอนคุยกันด้วยซ้ำ ถ้าเขาตัดสินใจเลิกแสดงว่าคิดดีแล้ว ชีวิตคู่มันเป็นอย่างนั้น ของใครก็ออกแบบกันเอาเอง แต่ที่แน่นอนที่สุดคือผู้หญิงผู้ชายเราต่างถูกสร้างมาจากความไม่สมบูรณ์แบบ เราต้องเห็นตรงนี้ก่อน เราต้องเห็นว่าเราไม่สมบูรณ์แบบตรงไหน เราต้องบอกให้คนรักรู้เลยว่าเราไม่ใช่คนแบบนี้นะ มีนิสัยเจ้าชู้อยู่นะ คุณรับได้เหรอ ผมพูดเลย (เน้นเสียง) แล้วมันก็หมดไปเอง เลิกไปเอง พอทำไปสุดๆ แล้วมันเบื่อ เหมือนกินเนื้อสัตว์ ไม่ต้องถึงเทศกาลกินเจเราก็เลิกกินไปเอง ผมเห็นหลายคนแล้วนะ เจ้าชู้ แสบๆ พอสุดๆ ไปแล้วก็เบื่อ แต่พวกที่ไม่เคยนี่เหมือนลิงโซ่ขาด ไปแล้วไปเลย

มองถึงคู่รักยุคปัจจุบัน หลายต่อหลายคู่ที่รักเป็นพิษ ทำร้ายกันบ้าง ฆ่ากันบ้าง คุณมองเรื่องนี้ยังไง
เราลืมนึกไปว่าคนที่เราอยากร่วมชีวิตด้วยควรคุยกันทุกเรื่อง ทดลองอยู่ก่อน มีเยอะเลยนะเดี๋ยวนี้ น่ารักดี ยังไม่ต้องแต่งกันหรอก ผมเชียร์เลย เพราะการแต่งงานมันเป็นประเพณีเท่านั้นเอง แต่ใจเราอยู่ด้วยกันได้หรือเปล่า เหมือนเพลงบาปบริสุทธ์ที่ผมเขียน แรกๆ เราทำสิ่งดีๆ ให้กัน มนุษย์มันไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่บอกนั่นแหละ ไอ้ที่ไม่ดีเราให้เห็นแต่แรกเลยดีกว่า ไม่ต้องแต่งกัน อยากเลิกก็เลิกไปสิ เดี๋ยวถึงเวลาก็เจอ มีเยอะแยะไปฝรั่งอายุ 70 เพิ่งมาแต่งงาน อยู่กันเป็นเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก เลิกกับสามีภรรยาตัวเองก็มาแต่งงานกัน ก็เป็นความรักอีกแบบหนึ่ง

นอกจากเปิดอกคุยกับคู่ของเราทุกเรื่องแล้ว มีมุมอื่นอีกไหม
ต้องมองให้เห็นว่าหน้าที่ของแต่ละคนเป็นยังไง อย่างแฟนผมเขาเป็นคนที่เสียสละมาก ส่วนผมจะทำแต่งานอย่างเดียว ไปข้างนอกก็เที่ยว มีเจ้าชู้บ้างอะไรบ้าง แต่แฟนก็อยู่บ้านเลี้ยงลูกส่งลูกไปโรงเรียนทุกวันตั้งแต่ลูกอยู่อนุบาลจนลูกจบมหาวิทยาลัย มันเป็นภารกิจที่ใหญ่หลวงมากเลย เขาทุ่มทั้งชีวิตให้กับความรัก ทุกวันนี้ผมถึงพาแฟนเที่ยว ไปคอนเสิร์ตที่ไหนก็ต้องไปด้วย ภารกิจการเลี้ยงดูเขาจบแล้ว ที่เหลือเราใช้ชีวิตคู่กัน เหมือนจีบกันใหม่ๆ ไปต่างประเทศเราต้องให้แฟนนั่งเครื่องอย่างดี พักอย่างดี อายุมากแล้วเรามีความสุขกันดีกว่า เราจะให้ความเคารพเขา ถ้าไม่มีเขาเราจะเลี้ยงลูกได้เหรอ
ผู้ชายต้องหาเงินเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่การบริหารเงินสิ คนที่ใช้คนที่ต้องดูแลครอบครัวจริงๆ คือแฟนเรา ผมถึงเขียนว่าแฟนเป็น ผบ.ผู้บังคับบัญชา เราคิดอย่างนี้ ซึ่งโดยความเป็นจริงเขาเป็นคนที่จัดให้ระบบเป็นระเบียบ เราไม่ต้องไปอิจฉาบ้านอื่นหรอก เราทำบ้านเราให้ดี ทำบ้านเราให้สะอาดซะก่อนแล้วค่อยลามออกไปทำข้างนอก

แล้วเวลาทะเลาะกับภรรยาแก้ปัญหายังไง
ไม่ค่อยแก้ ปล่อยลืมๆ เดี๋ยวมันก็ขำไปเอง มันอยู่กันมานานไง มีบ้างที่เถียงกันไม่เป็นเรื่อง ด้วยความที่เรามีลูกด้วยกัน ร่วมกันสร้างอะไรมากมาย แล้วตอนนี้ก็อยู่กันเหมือนเพื่อน บางคู่คุยเรื่องกิ๊กก็ไม่ได้ แต่ผมเลยมาแล้วนั่งคุยกันสบาย ครั้งหนึ่งนะ ศิลปินมีชื่อมานั่งทำงานที่บ้าน เสร็จแล้วก็นั่งดื่มกัน ผมก็คุยกับแฟน คุยกันเรื่องกิ๊กอะไรไป เขาก็ตกใจ บอกว่าเดี๋ยวให้แฟนเขามาคุยกับพี่มั่งดีกว่า เขาก็โทรเรียกแฟนเขามา พักเดียวได้เรื่อง วางแก้วน้ำดังปัง แล้วพูดว่า ใครไม่หึงก็เรื่องของใคร! แต่ฉันหึง! ฉันจะหึงไปตลอดชีวิต! คือคนมันคุยเหมือนกันไม่ได้ไง ของผมมันคุยกันมาตั้งแต่แรกแล้ว เขาจะมาทำตามตอนช่วงท้ายของชีวิตมันทำไม่ได้หรอก จ่ายยาเกินมันช็อก

คุณกลัวภรรยาไหม
ไม่กลัวนะ (เน้นเสียง) ผมทำมาหมดทุกเรื่องแล้วไง เคยทั้งซ่อนเงินซ่อนอะไรทำมาสารพัด ถึงขนาดที่แฟนเคยเทกระเป๋ามาเจอถุงยางต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่สนามบินกันมาแล้ว ตอนนั้นกระเป๋าเรามันมีกรรไกรอยู่ไง เอกซเรย์แล้วมันเห็นแต่มองข้างนอกไม่เห็น พอเปิดปุ๊บก็เขย่า พอเขย่าเท่านั้นถุงยางร่วงลงมา แฟนผมอายมาก แต่เราก็เลิกนิสัยแบบนั้นไปแล้ว

คำว่ารักในความหมายของเล็ก คาราบาว ในวันนี้คืออะไร
โห คำว่ารักนี่มันกว้างมากเลย เอาเป็นว่าความรักของผมไม่เหมือนคนอื่น มันรวมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ ผมให้ความสำคัญกับมันระดับต้นๆ เหมือนกับเรื่องเพื่อนเรื่องครอบครัว เพราะรักมันทำให้เรามีศรัทธา พอเรามีศรัทธาเราถึงได้สร้างอะไรขึ้นมา แล้วทุกสิ่งจะสำเร็จได้ถ้าเราศรัทธา
แต่ว่าบางครั้งมันมีเรื่องใคร่มาครอบงำ เราต้องใช้สติปัญญาเหมือนกัน เราอยู่ด้วยกันก็ให้เกียรติกันสำคัญสุด เราต้องไม่ก้าวก่าย อย่างเรื่องทางบ้านเราก็ให้เขาดูแลไป เมื่อก่อนนี้ซื้อฮาร์เลย์คันหนึ่งจะเอาเข้าบ้านทีเป็นเรื่องยากเลยนะ ผู้หญิงกับมอเตอร์ไซค์ไม่ค่อยชอบกันอยู่แล้ว แต่เดี๋ยวนี้อยากได้เขาก็บอกให้เอาเลย

ทุกวันนี้ก็ยังขี่ฮาร์เลย์ไปจ่ายตลาด เดินซื้อผักซื้อปลามาทำกับข้าว ทำแบบนั้นไม่ห่วงเรื่องภาพลักษณ์ของความเป็นคนดังเหรอ
ท้ายสุดความเป็นเล็ก คาราบาว มันเป็นแค่หัวโขน มันเป็นแค่หน้าที่การงาน ผมไม่ตื่นเต้นกับการจะก้าวมาจากการเป็นคนมีชื่อเสียงนะ บางทีแฟนยังพูดเลยว่าไปเดินแบบนี้มันเยอะไปหรือเปล่า เฮ้ย! พี่ชอบ มันทำอะไรด้วยตัวเองแล้วเราชอบ เหมือนนิสัยการทำงานของผมที่ว่าทำไมต้องทำเองทุกอย่าง บางเรื่องให้ลูกน้องทำก็ได้ แต่ไม่! ผมชอบทำเอง บางทีไปคอนเสิร์ตต่างจังหวัด สายไฟเต็มเลยเราก็นั่งม้วน มีความสุขที่จะทำ เพราะเราหยิบของเราสะดวก บางทีห้องก็ดูดฝุ่นด้วยตัวเองนะ ถ้ารกๆ ไม่อยากให้ใครเข้าไป เราจะทำความสะอาดเอง เดี๋ยวไปย้ายของผมแล้วหาไม่เจอ

สุดท้ายแล้ว อยากฝากอะไรถึงน้องๆ ที่กำลังตามฝันตัวเองอยู่
วาดฝันของเราไว้แล้วก็ไปให้ถึง อย่าลืมคำนี้นะ ‘อย่าเลย’ คนส่วนใหญ่มักเลย แล้วก็หก คนส่วนใหญ่ชอบหก หกแล้วมันเลอะเทอะ ตั้งฝันไว้แล้วก็อย่าเลย ถ้าเลยแล้วมันไม่อยู่กับร่องกับรอย คนที่ไปถึงฝัน มันมีเงินมีอำนาจแล้วก็มักจะเลย มักจะลืมไปแล้วว่าตัวเองมาจากอะไร ทุกคนนี่ถ้ามีความตั้งใจผมว่าถึงฝันของตัวเองได้ คงไม่มีใครฝันเหมือนฮิตเลอร์ที่จะครองโลกละมั้ง แบบนั้นมันมากไป อย่าไปดับฝันคนอื่นเขา เพราะฉะนั้นก็ไปให้ถึงฝันแล้วก็อย่าเลย

เรื่อง : วรชัย รัตนดวงตา
ภาพ : อิศเรศน์ ช่อไสว

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE