กลายเป็นหนังเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างมากมายละครับสำหรับภาพยนตร์ไทยเรื่อง “ร่างทรง” หนังสยองขวัญพันธุ์ใหม่ ที่ตัวผู้กำกับ คุณโต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล ทำขึ้นมาด้วยความรู้สึกอยากฉีกออกจากแนวหนังผีที่เจ้าตัว เริ่มรู้สึกน่าเบื่อและซ้ำซากครับ ดังนั้นแล้ว การตัดสินใจสร้างหนังเรื่อง “ร่างทรง” ขึ้นมาด้วยจังหวะจะโคนแบบ Slowburn หรือการเลือกเล่าด้วยลีลาของสารคดี รวมไปถึงการจบหนังแบบไม่ได้ให้บทสรุปที่ชัดเจนทำนอง “หนังเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า….” จึงทำให้เกินคนดูทั่งฝั่งที่รู้สึกชื่นชอบหนังเรื่องนี้มากๆ พร้อมกับอีกกลุ่มที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ด้วยความรู้สึกว่า “ร่างทรง” ไม่เห็นดีตรงไหน
ใช่ครับ “ดีตรงไหน” หรือ “แบบนี้ดีแล้วหรือ” มันเป็นเรื่องที่ผู้กำกับเขาตั้งใจทำหนังมาเพื่อให้เกิดการถกเถียงหลังจากดูจบ แต่อย่างไรก็ตาม หนึ่งสิ่งที่ผมว่ามันคือเสียงที่เป็นเอกฉันท์ สำหรับผู้ชมชาวไทยที่ดูหนังเรื่องร่างทรงจบไปเรียบร้อยแล้วก็คือ ทุกคนยอมรับครับว่านักแสดงนำในหนังเรื่องนี้ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบจริงๆ ครับ
คนแรกก็คือ คุณเอี้ยง สวนีย์อุทุมมา ที่รับบทเป็น “ป้านิ่ม” ร่างทรงของย่าบาหยัน ตัวละครที่เป็นเสมือนกระดูกสันหลังของหนังเรื่องนี้ ที่การแสดงของเธอดูเป็นธรรมชาติ จนเราแทบจะเชื่อเลยละครับว่าสิ่งที่เรานั่งดูอยู่ในโรงภาพยนตร์มันคือสารคดีที่ตามมาถ่ายชีวิตร่างทรงที่ชื่อ “ป้านิ่ม” จริงๆ
อีกคนที่ถือเป็นเซอร์ไพรส์ของหนังเรื่องร่างทรงก็คือ ญดา นริลญา กุมงคลเพชร นักแสดงที่รับบทเป็น “มิ้ง” เพราะในเรื่องร่างทรง ตัวละคร มิ้ง ถือเป็นผู้ถูกกระทำอย่างแท้จริงครับ เพราะหลังจากหนังเปิดให้เราเห็นว่า มิ้ง ก็เป็นเด็กสาววัยรุ่นสมัยใหม่ธรรมดาๆ แต่จู่ๆ ชีวิตต้องมีพลิกผันเพราะเรื่องโดนอะไรบางอย่างเข้าสิง แล้วก็จากตรงนั้นแหละครับที่ทำให้ตลอดทั้งเรื่องร่างทรงเราได้เห็น “มิ้ง” เริ่มเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากเด็กสาวหน้าตาดี สดใส สมวัย กลายสภาพเป็นอะไรบางอย่างที่ดูห่างไกลกับความเป็นมนุษย์เหลือเกินละครับ ทั้งเรื่องสภาพที่น้ำหนักของเธอลดลงไปกว่า 10 กิโล และยิ่งกว่านั้นก็คือพฤติกรรมของ“มิ้ง”ตลอดทั้งเรื่องมันสุดๆ จะบรรยายจริงๆ ละครับ
เพื่อจะเป็น “มิ้ง” ญดา ต้องทำอะไรบ้าง อันนี้ใครดู“ร่างทรง”แล้วผมว่ารู้คำตอบดีครับ ส่วนใครยังไม่ได้ดู ผมว่าชะตากรรมของตัวละครตัวนี้ เราถ่ายทอดด้วยตัวอักษรไม่ได้ละครับ มันต้องพิสูจน์กันในโรงภาพยนตร์
แต่ถ้าพูดชะตากรรมของตัวละครหญิง ในหนังระทึกขวัญ หรือหนังสยองขวัญอย่างที่ “มิ้ง” ต้องเผชิญ มันคือสิ่งที่ทำให้งานหนังที่ตั้งใจจะเขย่าหัวใจผู้ชมขณะดู มันยิ่งทำงานได้ผลมากๆ ละครับ ซึ่งนอกจาก “มิ้ง” ในเรื่องร่างทรงแล้ว มีตัวละครหญิงสาว จากหนังเรื่องไหนอีก ที่มีชะตากรรมที่ต้องตกเป็นเหยื่อตลอดทั้งเรื่อง เรื่องนี้น่าสนใจครับเพราะไม่ใช่ร่างทรงเท่านั้นที่เล่าเรื่องราวของตัวละครหญิงที่เราคนดูต้องนั่งดูชะตากรรมของพวกเธอตลอดทั้งเรื่อง แบบยิ่งดูยิ่งแย่ ยิงดูยิ่งอึดอัด และไอ้ประเด็นนี้มันราวกับเป็น DNA ที่สืบทอดมาจาก นาฮงจิน มาถึงผู้กำกับชาวไทยอย่าง คุณโต้ง บรรจง ละครับ
ผู้กำกับชาวไทย เจอกับผู้กำกับแถวหน้าของเกาหลีได้อย่างไร?
จุดเริ่มต้นของ “ร่างทรง” เริ่มที่เทศกาลภาพยนตร์คัดสรร หรือ Cinema Diverse : Director Choice วันที่ 5 กันยายน 2558 ที่ทำให้ได้เจอกับ นาฮงจิน เพราะในงานดังกล่าวทางหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพ จัดขึ้นมาโดยให้ผู้กำกับชาวไทยที่มีผลงาน มีโอกาสเลือกผลงานที่ตนเองชื่นชอบมาฉายในเทศกาล ซึ่งคุณโต้ง บรรจง เลือกผลงานเรื่อง The Chaser ของ นาฮงจิน มาฉายในเทศกาลดังกล่าว ซึ่งทางผู้จัดก็ได้มีการเชิญ นาฮงจิน มาร่วมงาน ซึ่งวันนี้ นาฮงจิน ก็เดินทางมาร่วมเทศกาลดังกล่าวนั่น เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่มีโอกาสได้เจอกัน และสุดท้ายก็ได้ร่วมงานกันจนกลายเป็นโปรเจคหนังเรื่อง “ร่างทรง” ในเวลาต่อมา
ซึ่งแรกเริ่มเดิมที “ร่างทรง” เป็นโปรเจคที่ทางฝั่งเกาหลี โดย นาฮงจิน เป็นคนเริ่มต้นครับ เรื่องราวทั้งหมด ไอเดียหลักๆ ของเรื่อง ทั้งเรื่องการถ่ายทำแบบสารคดี และการเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับร่างทรง หรือคนทรง เป็นเรื่องดั้งเดิม ตั้งแต่ฉบับเกาหลี ซึ่งหลังจากดูหนังจบไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่แค่ไอเดียเรื่องร่างทรง กับบรรยากาศหลอนพิลึกในเรื่องละครับ
ไอ้เรื่องชะตากรรมอันโหดร้ายของตัวละครหญิง ที่ถูกกระทำตลอดทั้งเรื่อง ก็ดูเป็น DNA ที่ถ่ายทอดมาจากผู้กำกับคนดังเกาหลีเช่นเดียวกัน
เริ่มจากตัวละครหญิงขายบริการที่ชื่อ คิม มิ จิน จากหนังเรื่อง The Chaser หนังเกาหลี ผลงานในการกำกับของนาฮงจิน
The Chaserโหด ดิบ ไล่ล่า ไม่ใช่หนังผี แต่เป็นหนังอาชญากรรมที่มีตัวละครฆาตกรโรคจิตที่แย่และโหดร้ายยิ่งกว่าผีในหนังหลายๆ เรื่องหลายเท่าตัวนักครับ โดย The Chaser มีเรื่องราวไม่สลับซับซ้อนครับ นาฮงจิน เล่าเรื่องของ คนคุมหญิงขายบริการ ที่เป็นอดีตนายตำรวจ ที่คืนหนึ่งได้รับโทรศัพท์จากลูกค้าปริศนา เขาจึงตัดสินใจส่งหญิงสาวในสังกัดที่ชื่อว่า คิมมิจิน ไปหาลูกค้า ผลก็คือ มิจิน หายตัวไปโดยในหนังเล่าให้เราแบบตรงไปตรงมาละครับว่า ลูกค้าที่โทรเรียกตัว มิจิน ไป มันคือฆาตรกรโรคจิตที่ตำรวจตามตัวอยู่
ดังนั้นใน The Chaser ก็คือการเล่าเรื่องการพยายามตามหาตัว คิมมิจิน ว่าไอ้ฆาตกรที่ว่ามันซ่อนเธอไว้ที่ไหน เท่านั้นละครับ และด้วยเรื่องราวที่ไม่ซับซ้อน ทำให้ผู้กำกับ นาฮงจิน ใช้เวลาของหนังเรื่องนี้ไปกับการบี้เค้นความรู้สึกของเราคนดู ด้วยสิ่งที่หญิงสาวอย่าง คิมมิจิน ต้องเผชิญ ซึ่งต้องบอกว่าชะตากรรมของเธอในเรื่องมันแสนสาหัสจริงๆ
เรื่องต่อมา…
หนังเรื่องนี้ถือเป็นงานที่ดูมีความใกล้เคียงกับหนังร่างทรง ที่เจ้าตัวมาเป็นโปรดิวเซอร์ มันคืองานในปี 2016 เรื่อง The Wailing
The Wailing เล่าเรื่องราวลึกลับที่เกิดขึ้นหมู่บ้านชนบทห่างไกลของเกาหลีแห่งหนึ่งครับ หนังเต็มไปด้วยบรรยากาศชวนฉงน และไม่น่าไว้วางใจ ประกอบกับปริศนาที่ยิ่งเล่า ยิ่งหาคำตอบไม่ได้ตลอดทั้งเรื่อง และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้ The Wailing ของ นาฮงจิน กลายเป็นงานหนังสยองขวัญที่รบกวนจิตใจเราคนดูมากๆ ก็เพราะในหนังสยองเรื่องนี้ นาฮงจิน เลือกจะให้คนที่ตกเป็น “เหยื่อ” ของอำนาจลี้ลับในเรื่อง เป็นเด็กน้อยอายุไม่ถึง 10 ขวบครับ ชื่อของเธอก็คือ ฮโยจิน
ฮโยจิน เป็นลูกสาวของ จงกู นายตำรวจที่กำลังสืบที่มาที่ไปของคดีลึกลับที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน พูดแบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือระหว่างพ่อกำลังสืบอยู่จู่ๆ ผีก็เข้ามาเข้าที่ลูกสาวตัวเองครับ นั่นทำให้กว่าครึ่งเรื่องของ The Wailing เราก็เลยต้องดูอาการของ ฮโยจิน เด็กน้อยไม่กี่ขวบที่มีพฤติกรรมทั้งทนทุกข์ทรมานเหมือนโดนของ บางครั้งก็ออกอาการก้าวร้าวราวกับคนผีเข้า และยิ่งฉากพิธีไล่ผีด้วยพิธีเกาหลี เป็นฉากที่อย่าว่าแต่ตัวละครพ่อในเรื่องทนไม่ได้เลยครับ เราคนดูยังแทบไม่ไหว
โดย จีนViewfinder
Source :GDH