คอลัมน์ : Blowin’ in the song
โดย : ประมวล ดาระดาษ
p_daradas@hotmail.com
ร็อก สตาร์สากลในโลกนี้ เท่าที่ผ่านมาในยุค 60 ถึงข้ามสหัสวรรษมาจนถึงปัจจุบัน เห็นมีอยู่หลายคน แต่คนที่เป็นตำนานก้าวข้ามหนทางดำมืด มาสู่แสงนวลกระจ่างแห่งจันทร์ เป็นอีกด้านอันสดชื่นแบบอิ่มบุญ มิมีอันหายจากสังคม ร็อก แอนด์ โรลล์ ไปก่อนวัย ก็เห็นจะมีแต่ ท่านเซอร์ พอล แมคคาร์ทนีย์. บ๊อบ ดิแลน. และเอริค แคล็ปตัน ผู้โด่งดังเป็นตัวอย่าง
ไม่รู้ว่าร็อก สตาร์แบบไทยๆ ที่อื้อฉาวก่อนสิ้นปี เสพสารเสพติดชนิดใดในสมัยนี้ประเภทไหนไปก็ไม่รู้ เห็นปากดำ ซี่โครงสองข้างรายระนาดแบบหรู นั่งหัวฟู แบบหมดสภาพ(ฮา)
ยุคสมัยโน้น ก็มีสารเสพติดแอมเฟตามีน นี่คือ สารตั้งต้นของยาบ้าสมัยนี้ ถึงยาแอล. เอส. ดี.กันเป็นพื้น ถัดมาก็เป็นกัญชา ถึงสุรานี่ปกติ แล้วก็เลื่อนมาเป็นโคเคน และเฮโรอีน แก่และแรง ขึ้นตามลำดับแบบเล่นแรงขึ้นตามการแกร่งของการเรียนรู้ประสบการณ์
เขียนโทษลักษณ์ของสารเสพติดเหล่านี้ แบบพรรณนาสรรพคุณยิบย่อย ก็จะน่ารำคาญ ค้นไปก็จะเจอ แต่ไม่อยากนำมาเสนอ รู้ๆ กันอยู่
สมัยใหม่ ในผับในบาร์ ข่าวว่าพัฒนาไปถึงยาไอซ์ ยาอี ไปโน่นแล้ว มาในรูปเม็ดอมยังมี วัยรุ่นและหนุ่มสาวเขารู้กัน
วันนี้ จะเล่าเรื่องการติดยาของ เอริค แคล็ปตัน เพื่อเป็นอุทาหรณ์ อุทาหรณ์ศัพท์โบราณเด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้ ก็ย่อนัย ว่าเป็นเครื่องสอนใจก็แล้วกัน
ฟังแทร็ก “cocaine”ของ แคล็ปตัน ก็จะรู้สึกถึงพันธะสัญญารื่นรมย์ของเขาที่มีกับสารตัวนี้ ลึกลงไปก็ “no no song” ของฮ็อยต์ แอ็กซ์ตั้น ที่สนุกสนานกับการสารพัดจะเสพ
จนต้องร้องบอก “พอ ๆ ๆ” ในเนื้อหา
โลกของร็อก แอนด์ โรลล์ สนุกสุขหรรษาครับ ส่วนมากก็จมอยู่กับโลกียะแบบสนุกสนานเริงรมย์ ทั้ง สุรา เซ็กส์ และยาเสพติด
สาเหตุ ของการติดยาเสพติดของเอริค แคล็ปตัน นั้น จากประวัติแบบจิตวิทยาก็ว่า เกิดจากปัญหาปมในวัยเด็ก แบบปัญหาครอบครัวแตกแยก เป็นเด็กถูกทิ้ง เรียนไม่จบ โรงเรียนไม่เอา
ดีที่แคล็ปตัน เทพให้พรสวรรค์มาเรื่อง หู เรื่องทักษะฝีมือในด้านดนตรี เขาแอพพลายสไตล์บลูส์แบบมะริกัน มาจนแบบเป็นเอกลักษณ์ของตน แบบ “Clapton is God”
สมัยนั้นฮิป ฮ็อป แกรฟฟิตี ที่เล่นพ่นระบายสีสันตามกำแพงยังไม่มา แต่ก็มีมือดีไปพ่นคำนี้ ทั่วกำแพงรั้วทั่วกรุงลอนดอน เพื่อสดุดีตัวตน อัตลักษณ์และผลงานของเขา
และขอคุยถึงประวัติศาสตร์ที่มาที่ไป ของสองอมตะฉายา ที่แปลกมาก อยู่ในร็อก สตาร์คนเดียว ดังนี้
ในช่วงทศวรรษที่ 60 ตอนที่เอริค แคล็ปตันออกจากวง เดอะ ยาร์ด เบิร์ดส์ เพื่อไปสมทบกับ จอห์น เมย์ออล และคณะ เดอะ บลูส์ เบรกเกอรส์ ในตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่งปีที่อยู่กับ จอห์น เมย์ออล ขณะนั้น เขาได้รับฉายา “สโลว์ แฮนด์” และ มีการพ่นแกรฟฟิตี้ในกรุงลอนดอนว่า God ในเวลาต่อมา
พอหลังออกมาจาก จอห์น เมย์ออล เขาก็เริ่มตั้งสุดยอดวงสามชิ้น ซูเปอร์ ทริโอ เพาเวอร์ ในนาม “ครีม” ร่วมกับมือกลอง จินเจอร์ เบเกอร์ และมือเบสแจ็ก บรูซ ในการเล่นดนตรีแนวบลูส์ อิมโพรไวส์ที่เปี่ยมไปด้วยศิลปาการแห่งบลูส์ที่ตั้งอยู่บนฐานของป๊อป คัลเจอร์ร่วมสมัยในขณะนั้น คือ มีความเป็นดนตรีป๊อปแบบไซเคเดลิค
ในตอนปลายของทศวรรษที่ 70 เขาก็ได้ไปซึมซับแนวดนตรีของ เจ.เจ.เคลล์ ผสมผสานกับดนตรีแนวราสตราฟาเรียน เรกเก้ รูปแบบ บ็อบ มาเลย์
จากการเล่นคัฟเวอร์ เวอร์ชั่น บทเพลง”I Shot the Sheriff”ของบ็อบ มาเลย์ ทำให้ตลาดเพลงแนวเรกเก้ ร็อก ขจรขจายไปทั่วโลก แต่แทร็กที่สุดฮิตระดับโลกอีกสองเพลงที่แท้ในเวลาต่อมาก็คือ”Layla”ที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมาร่วมกับคณะ ดีเร็ค แอนด์ เดอะ โดมิโนส์ และเพลง”Crossroads”ของ (ตำนานบลูส์สุดยอดคลาสสิกผู้เปิดคลับ 27 สุสานแห่งความตายเพราะเสพติดนิรันดร์ โดยโรเบิร์ต จอห์นสัน ตำนานบลูส์ตัวพ่อนำขบวน) ที่แคล็ปตัน ทำงานร่วมกับวงครีม โดยมีรางวัลแกรมมีการันตีแบบท่วมท้น
ปี 2004 เอริค แคล็ปตันได้รับเกียรติสดุดีต่อการดำรงความเป็นศิลปินมาตลอดชีพจากสำนักพระราชวังอังกฤษ และปี 1988 เอริค แคลปตัน ก็เข้าถึงพระเจ้าเขาก่อตั้งศูนย์บำบัดและรื้อฟื้นผู้ติดสุรายาเสพติดนาม “ครอสส์โรด” ที่แอนติกัว
ย้อนกลับไปที่ทำให้ชีวิต ของแคล็ปตัน ต้องตกต่ำ มาจากเรื่องความรักครับ แคล็ปตันร็อก สตาร์ ผู้โด่งดัง ในสมัยยุควัยหนุ่มนั้น ความเป็นจริงแล้ว น่าจะไม่มีสาวใดปฏิเสธเขา ถ้าเขาจะบอกและสารภาพรักกับสาวใดสักคน แบบเทพเลือกได้ หากแต่บุคลิกเคร่งขรึมแบบมีโลกส่วนตัวสูง ทำให้ใจไม่เปิดรับสาวใด
การเป็นดารา ร็อก เขาจะเลือกคบหาและสันถวะกับสาวใดก็ได้ แต่เอริค แคล็ปตันไม่ทำอย่างนั้น การกลับเป็นกามเทพทำพิษ เขาเกิดไปรักภรรยาชาวบ้าน นัวเนียนุงนังในรูปรักสามเส้า ชาวบ้านคนนั้นก็ไม่ใช่ใคร เขาคือ หนึ่งในสมาชิกของ เดอะ บีทเทิลส์ เป็นอีกคนที่มีนิสัย เงียบขรึม เคร่งปรัชญาแบบนักคิด จอร์จ แฮริสัน
แคล็ปตัน ไปหลงเสน่ห์ แพ็ตตี้ บอยด์ นางแบบสวยและเป็นดาราหนังด้วย และเธอได้ตัดสินใจร่วมหอกับจอร์จ แฮริสัน เป็นผู้หญิงของเดอะ บีทเทิลส์ ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 1966ซึ่งในขณะนั้น ถ้าจะว่าเอริค แคล็ปตันเป็นพระเจ้า ทว่า เดอะ บีทเทิลส์ นั้นยิ่งใหญ่กว่า เป็นสถาบันไอดอล อาจจะมากกว่าพระเจ้าแคล็ปตันด้วยซ้ำ เป็นซูปเปอร์ ลอร์ดเหนือใคร
ทั้งนี้ แพ็ตตี้ก็มีวัตรปฏิบัตร เป็นผู้หญิงของวงเต่าทอง แบบไม่มีใครกระแนะกระแหน อีกต่างหาก แฟนาติกส่วนมากรับได้
ยอดหญิงแพ็ตตี้นั้นนอกจากจะรูปงามแล้วเธอยังมีจิตใจงาม เธอมีศักยภาพทางใจ แบบโน้มน้าว สามีจอร์จ แฮริสัน ให้สัมผัสโลกภายในแบบนั่งวิปัสสนาสมาธิแบบชาวตะวันออก และเธอแนะนำทั้งวงให้ไปลองลิ้มรสธรรม ที่อินเดียในปี 1968
แคล็ปตันและ จอร์จ แฮริสันพบกันในปี 1964 ในการแสดงของ เดอะ บีทเทิลส์ออนทัวร์หนึ่ง ตอนนั้นแคลปตัน อยู่กับวงครีม พอถึงปี 1969 จอร์จ แฮริสันพาภรรยาแพ็ตตี้ไปดูคอนเสิร์ตของแคล็ปตันบ้าง ทำให้ทั้งสองแอบกิ๊กกัน เป็นตำนานรักสามเส้า แบบแคล็ปตันและแพ็ตตี้ มีใจให้กัน ในขณะที่สามี จอร์จ แฮริสันก็รู้ แต่ทว่าจอร์จ แฮริสัน เหมือนจะมุ่งไปในด้านในและมีแนวโน้มทางธรรม มีโลกส่วนตัวสูง เปิดโอกาสให้แคล็ปตันเข้ามาสวมรอยอยู่กลายๆ ในตอนนี้
ผู้หญิงไม่มีอะไรจะสุดทนมากกว่า การที่จะถูกหยามว่าเป็นของตาย แบบรักถดถอยกร่อยไปตามกาล ขาดการเอาอกเอาใจจากผู้สามี แต่ สังคมเหลวแหลกของร็อก สตาร์ ถ้าพิจารณาเอาศีลของสังคมไทยไปจับ แม้แต่คริสเตียนชน การละเมิดศีลข้อกาเมฯย่อมบาปหนา
เรื่องกลืนไม่เข้า คายไม่ออกของทั้งสามฝ่าย ขณะนั้น เดอะ บีทเทิลส์ยิ่งใหญ่กว่าแคล็ปตันนัก ทำให้แคล็ปตันคิดว่าเขาไม่มีทางข้ามกับดักอุปสรรค ด่านรักแบบนี้ไปได้
เอริค แคล็ปตันพยายามอยู่นาน เขารู้ว่าแพ็ตตี้ เป็นปัญญาชน ก็รู้จักหาหนังสือหนังหา มามอบให้ ธีมหนังสือเกี่ยวกับเรื่องเจ้าหญิง Layla ผู้สูงส่ง แต่มีไอ้บ้ากระยาจกที่ไหนไม่รู้ มาติดพัน แคล็ปตัน ก็ทำเพลงนี้แบบสุดฝีมือมอบให้สาว นั่นคือแทร็ก “Layla” น่าจะเป็นความซาบซึ้ง พอแพ็ตตี้รับรู้ ถึงการป้อของแคล็ปตัน ใจก็ยิ่งเตลิดไปไกล อีกด้านก็กระอักกระอ่วน ทำใจไม่ได้เพราะตนเองนั้นก็มีภาระผูกพันทางใจ กับสามีจอร์จ แฮริสัน แบบยังไม่ได้หย่า
เอริค แคล็ปตัน อัดอั้นตันใจสุดจะทน เมื่อรักแรกปิ๊งไม่สมหวัง เขาเทหน้าไพ่หมดตักด้วยการยกเอา เกร็ดเฮโรอีนในห่อ ที่เขามีและเสพอยู่บ้าง มาต่อรองกับสาว เป็นอารมณ์หนุ่ม ฉายา God ผู้ครอบงำกระทำต่อผู้อื่น แบบจะเอาแต่ใจให้ได้
“เมื่อไม่รักผม ผมก็ขออยู่กะไอ้สารเสพนี้ละกัน”
นั่นคือ สาเหตุแห่งการตกต่ำทรุดโทรมแทบเอาตัวไม่รอดในเวลาต่อมา และเมื่อ พีท ทาวเชนด์แห่งวง The Who ก็รับบทก็อด เหนือก็อด เขาคือพ่อพระตัวจริง ผู้ให้สติ หว่านล้อมให้แคล็ปตัน เข้าสถานบำบัด เพื่อให้เลิกยาให้จงได้ และหวังว่าเพื่อนจะต้องกลับมายิ่งใหญ่
เรื่องราวต่อมา ของเอริค แคล็ปตัน กับแพ็ตตี้ และจอร์จ แฮริสัน ก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ ในสังคม ร็อก สตาร์ คิดว่า แฟนาติกคงอ่านกันจนชุ่มไปแล้ว จึงขอเล่าเพียงแค่นี้
การกลับมาได้ของเอริค แคลปตัน ยืนยันต่อกรณีคำพระว่า “มามืด ไปสว่าง” นั้น ส่งผลให้แคล็ปตัน ได้รับการจารึกชื่อถึงสามครั้งในพิพิธภัณฑ์หอเกียรติยศThe Rock and Roll Hall of Fame and Museum ของอเมริกาที่บอสตัน นับเป็นในศิลปินร่วมสมัยเพียงหนึ่งเดียวที่จนถึงขณะนี้ในประวัติศาสตร์ของวงการ ที่ได้รับเกียรติยศเหนือกว่าศิลปินผู้ใด คือ เขาได้รับทั้งในฐานะศิลปินเดี่ยวและในฐานะเป็นวงคือ ในคณะเดอะ ยาร์ดเบิร์ดส์ และ วงครีม
เอริค แคลปตันได้รับการกล่าวขวัญและยกย่องให้เป็นนักกีตาร์คนสำคัญและเปี่ยมศักยภาพที่เป็นแรงบันดาลใจให้แก่ศิลปินรุ่นต่อมาในวงการ และทรงอานุภาพแห่งแนวบลูส์ ร็อกที่สุดตลอดกาล
เขาถูกจารึกให้เป็นศิลปินนักกีตาร์ที่ถูกจัดอยู่ในอันดับสี่ จากการจัดอันดับของนิตยสารโรลลิงสโตน จากอันดับหนึ่งร้อยนักกีตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และอยู่ในอันดับสี่เช่นกัน จากการจัดอันดับสุดยอดนักกีตาร์ห้าสิบคนของโลกตลอดกาลของนิตยสารกีตาร์กิบสัน
ถึงขณะนี้ ผลพวงของมรดกที่เขาได้สร้างสมไว้ตลอดเวลา ต่อการอยู่ในวงการ แคล็ปตัน คือ ศิลปินอาวุโส ผู้มีจิตใจงาม เขากลายเป็นศิลปินเดี่ยวที่ไปร่วมงานกับศิลปินหลากหลาย แบบได้รับเกียรติ แม้เขาจะเป็นคนเงียบขรึม แต่ก็ร่วมงานกับใครๆ บนเวทีได้อย่างน่าทึ่ง
จากการเป็นร็อก สตาร์ ผู้ร่ำรวย มีหุ้น มีเงิน ในธนาคารเป็นมิลเลียนแนร์พันล้านดอลลาร์มหาเศรษฐีอีกคนหนึ่งในวงการ
และต่อการที่เขาเป็นก็อดด้านดำมืด ในวงการสมัยวัยหนุ่ม ตอนนี้เหมือนเขาจะสำนึกบาปแบบไปสว่าง ด้วยการนำเอาทรัพย์สิน กีตาร์แสนรักของเขา เช่น “แบล็กกี้” ฯลฯ หลายสิบตัว แบบมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาทรงคุณค่าแบบหาค่าประมาณมิได้ออกมาประมูลเพื่อช่วยเหลือและสมทบทุนให้แก่สถานบำบัด ผู้ติดสุรายาเสพติด แบบ “Clapton is God” ของแท้
ปี 1994 สมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักรได้แต่งตั้งให้เขาเป็น Officer of the Order of the British Empire (OBE) สำหรับสิ่งที่เขาอุทิศตน และทุ่มเท ให้กับวิถีชีวิตแบบอังกฤษ และถ้าหากเขาได้รับการอวยขึ้นไปอีกขั้นอีกครั้ง
อันดับต่อไป เอริค แคล็ปตันจะได้เป็น อัศวิน และเขาจะได้รับการเรียกว่า Sir Eric Clapton อย่างเต็มภาคภูมิ
เอริค แคล็ปตัน ประสบปัญหา ทุ่มเทความรักให้หญิงสาวที่เขารัก แบบไม่ต้องทุ่มเทเงินทองทรัพย์สิน แบบซื้อรถซื้อบ้านให้ เคยติดสุรายายาเสพติด และหลุดพ้นวังวน กลับมาแบบสังคมยอมรับ ผิดแล้วกลับตัวกลับใจ เป็นคนใหม่สร้างงานออกมาแบบขั้นเทพ ทุกคน นักฟังยอมรับ ให้อภัย
ร็อก สตาร์แบบไทย ๆ จงเอา เอริค แคล็ปตันเป็นเยี่ยง หากทว่าจงอย่าเอาอย่าง