เคยลองเดินสำรวจปลั๊กไฟในบ้านดูบ้างมั้ยว่า มีเต้ารับอันไหนบ้างที่เราไม่เคยปล่อยว่างให้มันได้พักเหนื่อยเลย? แน่นอนว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง ตู้เย็น เป็นชิ้นแรกที่ทุกบ้านจำเป็นจะต้องเปิดค้างไว้ตลอดเวลา ไม่มีวันหยุด เพราะการถอดปลั๊กตู้เย็นนั่นหมายถึง การทุบหม้อข้าว ทำลายอู่ข้าวอู่น้ำของบ้านลงอย่างสิ้นเชิง
แล้วอย่างอื่นล่ะ? ในยุค Gadget ครองเมือง อย่างนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์มากมายถูกเกณฑ์เข้ามาสร้างความบันเทิงในบ้าน หากแต่ว่าบางครั้งพอเราเลิกใช้ ปุ่ม off ทำให้เราตายใจว่ามันเป็นสัญญาณจบการใช้งานลง แต่หารู้ไม่ว่า การที่ปลั๊กยังคาเต้ารับอยู่นั้น เท่ากับภายในเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชิ้น ยังไม่จบลงอย่างที่เห็น
เพราะการดูดไฟฟ้ามาโดยไม่จำเป็น แม้จะแค่ 5-10% ของการใช้งานปรกติก็ตามที แต่ลองคำนวณดูว่าถ้ามันไม่ใช่แค่ชิ้นเดียวล่ะ หากพวกมันรวมหัวกันเป็นขบวนการดูดไฟ อาจทำให้มีตัวเลขในบิลสูงขึ้นจนเหงื่อหยดเลยทีเดียว
Lawrence Berkeley National Lab Study คำณวนปริมาณไฟฟ้าเฉลี่ยที่อุปกรณ์ 6 ชิ้นยอดฮิตที่ทุกบ้านต้องมี มาคูณกับค่าไฟเฉลี่ยต่อกิโลวัตต์ เพื่อให้คุณเห็นตัวเลขที่น่าตื่นตาตื่นใจ ว้าววว (คำนวณจากประเทศอเมริกานะจ๊ะ)
Desktop ไม่ได้ใช้งานและเปิดโหมด Stand by แต่ก็ยังกินไฟเกือบจะเท่าๆ กับการเปิดเครื่องใช้งาน เพราะว่าหน่วยความจำ, disc, และซีพียูก็ยังทำงานอยู่ ทำให้คุณต้องเสียค่าไฟถึง 7$ หรือ 210 บาทต่อเดือน
Game console เครื่องเล่นเกมก็เหมือนกับ PC ที่ออกแบบมาให้เล่นเกมโดยเฉพาะ แถมยังมีชิ้นส่วนข้างในที่คล้ายๆกัน การเปิดเครื่องเล่นเกมทิ้งไว้ก็เหมือนกับเปิด PC ด้วยค่าไฟที่คุณต้องจ่ายคือ 6$ หรือ 180 บาทต่อเดือน
Plasma/LCD TV ดูทีวีเสร็จก็มักจะกดปิดที่รีโมตแล้วเสียบปลั๊กคาไว้ ค่าไฟ 5$ หรือ 150 บาทต่อเดือน ซึ่ง Plasma TV จะกินไฟมากกว่า LCD ถึง 2 เท่า
Cable (or Satellite) Box with HD DVR เครื่องบันทึกวิดีโอถึงแม้ไม่ได้ใช้ แค่เปิดทิ้งไว้ก็กินไฟจำนวนมากอยู่ดี ส่วนค่าไฟที่คุณต้องจ่ายก็คือ 3$ หรือ 90 บาทต่อเดือน
Laptop การเปิดภาพ Screensaver ทิ้งไว้มันกินไฟมากกว่าการเปิด Laptop ทิ้งไว้เฉยๆ ซะอีก ค่าไฟ 1.50$ หรือ 45 บาทต่อเดือน
VCR/DVD Player ถ้าปล่อยให้มันเปิดหน้าเมนูค้างไว้ตลอด เครื่องจะยังไม่หยุดทำงานทันที มันจะคอยอ่านข้อมูลจากแผ่นเป็นระยะๆ นั่นหมายถึงค่าไฟ 1$ หรือ 30 บาทต่อเดือน
ลองคิดดูถ้าบ้านหลังนึงมีค่าไฟเพิ่มขึ้นมา 100-160$ ต่อปี นั่นหมายความว่าในแต่ละปีเรากำลังทิ้งเงิน 4 พันล้านเหรียญไปโดยเปล่าประโยชน์ นี่ยังไม่รวมต้นทุนด้านธรรมชาติอีก ทั้งต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า อย่าง ค่าถ่านหิน และของแถมอย่างมลพิษที่เกิดจากซัลเฟอร์ไดออกไซด์, ไนโตรเจนออกไซด์และคาร์บอนไดออกไซด์จากถ่านหินที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกอีก เราจะต้องเสียเงินอีกเท่าไหร่เพื่อแก้ปัญหาที่ตามมา
ที่มา: dailygizmo